บทที่ 131 ยอดฝีมือที่น่าเกรงขาม โดย Ink Stone_Romance
ณ บ้านสาม ป้าสะใภ้ใหญ่ตัวสั่นเทาลืมตาขึ้นมา นางมองไปยังลำแสงประหลาดและใช้เวลาสักพักกว่าจะจำได้ว่านี่คือบ้านของนางเจียง
เมื่อวานอาหวั่นหายไป ผู้คนต่างพากันไปตามหา นางมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลนางเจียงและเด็กทั้งสอง
เถี่ยตั้นน้อยและเจินเจินน้อยหลับสนิทไร้กังวล แต่ไม่รู้ว่านางเจียงไปอยู่ไหน
หัวใจของป้าสะใภ้ใหญ่แทบจะหลุดออกมา นางรีบออกไปตามหานางเจียง หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ชนเข้ากับนางเจียงที่เข้ามาทางประตูด้านหลังของห้องโถง
ป้าสะใภ้ใหญ่เอ่ยอย่างหวาดกลัว “เจ้าไปไหนมา ข้าตื่นขึ้นและพบว่าเจ้าไม่อยู่ที่นั่น ข้ากลัวแทบตาย!”
นางหลับไปได้อย่างไรกัน? นางก็บอกชัดเจนแล้วว่าจะอยู่ทั้งคืน…
นางเจียงยิ้ม “ข้าตื่นขึ้นมาและนอนไม่หลับ ก็เลยออกไปเดินข้างนอก”
ป้าสะใภ้ใหญ่เห็นเศษใบไม้และโคลนที่เปื้อนเท้าของนาง ก็เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าออกไปมาแล้วรึ”
นางเจียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไปขุดหน่อไม้สองหน่อที่สวนหลังบ้านมา”
หัวใจของป้าสะใภ้ใหญ่เริ่มรู้สึกเบาขึ้น “สวนหลังบ้านสินะ ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะคิดไม่ตกและไปที่ภูเขาเพื่อตามหาอาหวั่น ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงอาหวั่น แต่เจ้าก็ไม่ควรทำอะไรโง่ๆ มีคนไปตามหานางแล้ว เจ้าห้ามไปเองนะรู้ไหม? กระดูกกระเดี้ยวเจ้าเองก็ไม่ค่อยดี อย่าทำงานหนักๆ เช่นนี้ ถ้าเจ้าอยากจะกินหน่อไม้ก็มาบอกข้า ข้าจะไปขุดมาให้!”
นางเจียงยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว พี่สะใภ้”
ป้าสะใภ้ใหญ่ยังคงกังวลว่านางจะแอบออกไปและบอกว่าจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตาอีกแล้ว นางหยิบข้าวโพดสองสามชิ้นเข้าไปในห้องของนางเจียงและนั่งแกะเมล็ดข้าวโพดด้วยกันกับนางเจียง
ไม่คาดคิดว่านางเจียงจะหลับไปโดยที่ยังแกะไม่ถึงสองครั้ง
ป้าสะใภ้ใหญ่นึกสงสัยว่า “นางเพิ่งตื่นมิใช่รึ? เหตุใดจึงยังหลับอีก?”
…
หลังจากอวี๋หวั่นและพวกเยี่ยนจิ่วเฉาออกจากหุบเขามา พวกเขาก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเหลียนฮวา พวกเขาเดินไปได้ครึ่งทางและพบเข้ากับนายพราน หลี่เจิ้ง ซวนจื่อ และคนอื่นๆ ที่ออกตามหาเธอตลอดทั้งคืน
ไม่มีใครสังเกตว่าป้าไป๋ก็อยู่ในกลุ่มด้วย
เสียงของป้าไป๋ร้องตะโกนและคนทั้งหมู่บ้านก็ได้รู้ว่าอวี๋หวั่นถูกพบโดย ‘คุณชายวั่น’ แน่นอนว่าแตกต่างจากสถานการณ์ของกัวเซี่ยนเยว่และหวางหมาจื่อ พวกเขามิได้แตะต้องร่างกายของกันและกัน (นอนกอดกันทั้งคืน) และไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง (อย่างไม่ต้องสงสัย) ยังบริสุทธิ์โดยแท้!
ผู้บริสุทธิ์ทั้งสองเดินไปที่หน้าประตูบ้านของตนและกลับไปบ้านอย่างสงบเยือกเย็น
หลังจากปิดประตู อิ่งสือซานก็บอกเยี่ยนจิ่วเฉาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
อิ่งลิ่วที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็ได้ฟัง เขาคิดและเอ่ยขึ้นมาว่า “จะเป็นอวี้จื่อกุยหรือไม่ เขาทำให้แม่นางอวี๋ตกจากหน้าผา แน่นอนว่าเขาต้องอยู่ใกล้ๆ”
อิ่งสือซานส่ายหัว “ข้าเคยประมือกับอวี้จื่อกุย เขายอดเยี่ยมมาก แต่…”
มิใช่ความเก่งกาจอย่างผิดปกติเช่นนี้
ยอดฝีมือเช่นนี้พบอันดับสองได้ยากยิ่งในจงหยวน[1] อันดับแรกก็คือพวกลัทธิมาร
“คุณชาย ท่านต้องการให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดหรือไม่?” อิ่งสือซานถามอย่างกังวล
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบอย่างมิอาลัย “ไม่จำเป็น อีกฝ่ายมิได้มุ่งร้าย อย่าไปรบกวนเขาเลย”
อิ่งสือซานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “…ขอรับ!”
…
การหายตัวไปของอวี๋หวั่น ทำให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่บ้านอย่างมาก โดยเฉพาะสกุลอวี๋ ทุกคนต่างวิตกกังวลและหวาดกลัว
อวี๋เฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร? อย่าขึ้นเขาไปคนเดียว เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
ป้าสะใภ้ใหญ่เอ่ยอย่างจริงใจว่า “ใช่แล้วอาหวั่น เหตุใดเจ้ากล้าได้ถึงเพียงนี้? เขาด้านหลังอันตรายมาก เป็นสถานที่ที่เด็กอย่างเจ้าสามารถไปคนเดียวได้รึ?”
อวี๋หวั่นไม่สามารถบอกพวกเขาได้ว่าเธอตกจากหน้าผาเพราะได้พบเจอกับอวี้จื่อกุย ชายที่ชื่ออวี้จื่อกุยนั่นต่างหากที่อันตราย หาใช่ภูเขาด้านหลังที่เธอไปมานับครั้งไม่ถ้วน
“คราหน้าข้าจะระวังให้ดี” อวี๋หวั่นกล่าว
“ยังจะมีคราหน้าอีกรึ?” จู่ๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ก็เสียงดังขึ้น แต่เมื่อนึกได้ว่านางเจียงหลับอยู่จึงรีบลดเสียงลง “พวกเจ้าเนี่ย หลังจากนี้ข้าจะมิให้ขึ้นไปบนภูเขาอีกต่อไปแล้ว!”
“ท่านแม่ ด้านหลังภูเขานั่นมีปลานะ” อวี๋เฟิงกล่าว
ป้าสะใภ้ใหญ่ตะโกนด้วยเสียงต่ำ “อย่างไรก็ไม่อนุญาตให้ไป!”
ป้าสะใภ้ใหญ่กำลังโกรธ พี่น้องต่างรู้ดีว่าพวกเขาขัดนางไม่ได้ ทุกคนจึงยอมรับฟังแต่โดยดี กระทั่งฟังไปมากแค่ไหนก็ไม่รู้แล้ว
ป้าสะใภ้ใหญ่บ่นจนพอแล้ว ก็ชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ “นั่งลงให้หมด กินข้าว”
อวี๋เฟิงและอวี๋หวั่นนั่งลงอย่างชาญฉลาดแต่อวี๋ซงกลับเดินออกไปหน้าซื่อๆ
ป้าใหญ่เรียกเขาให้หยุด “เจ้าจะไปไหน? กลับมานี่นะ!”
อวี๋ซงหยุดอยู่ที่หน้าประตู ดื้อดึงไม่ยอมกลับมา
อวี๋เฟิงเหลือบมองน้องชายของตนและเล่าเรื่องที่อวี๋ซงลงไปตามหาอวี๋หวั่นที่ด้านล่างหุบเขา มืดสนิทไร้แสงสว่าง อวี๋ซงห้อยอยู่ด้านล่างหน้าผาคนเดียวและตามหาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดครึ่งคืน หากไม่ใช่เพราะอวี๋เฟิงที่บังคับให้ดึงเขาขึ้นมา ป่านนี้ก็คงยังห้อยอยู่ด้านล่างหน้าผานั่น
อวี๋หวั่นไม่คาดคิดมาก่อนว่าพี่ชายคนรองซึ่งมักจะเมินเฉยต่อเธอในวันปกติ จะเปราะบางในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
หัวใจของอวี๋หวั่นรู้สึกอบอุ่น เธอลุกขึ้นและเดินมาข้างหลังอวี๋ซง ยกมุมปากแล้วพูดว่า “พี่รองอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ให้ข้าดูหน่อย”
“มีอะไรน่าสนใจรึ?” อวี๋ซงพึมพำและเดินออกไป
“เจ้า!” ป้าสะใภ้ใหญ่โกรธมากที่บุตรชายคนเล็กกล้าต่อต้านนาง
อวี๋หวั่นคว้าข้อมือของอวี๋ซงโดยมิได้ออกแรงมากนัก แต่ร่างกายของอวี๋ซงกลับชะงักนิ่งในคราวเดียว
“เข้ามานี่สิ” อวี๋หวั่นพาอวี๋ซงเข้าไปในห้องของเธอและกดไหล่ของเขาเบาๆ
อวี๋ซงถูกอวี๋หวั่นกดลงม้านั่งอย่างเบาๆ
อวี๋หวั่นเปิดผ้าพันแผลบนศีรษะของเขา ปากแผลปิดสนิทดีแล้ว แต่คงกระแทกหน้าผาเมื่อคืนจึงบวมแดงเล็กน้อย
“เจ็บไหม พี่รอง” อวี๋หวั่นถามเสียงเบา
“ไม่เจ็บ” อวี๋ซงตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
อวี๋หวั่นเปิดตู้ยา และหยิบกรรไกรที่ผ่านการฆ่าเชื้อออกมาเพื่อตัดที่เย็บออก จากนั้นก็ทายาเย็นๆ หนึ่งชั้น “ท่านพี่เอายานี้กลับไปนะ ทาเช้าเย็นหนึ่งครั้ง หากรู้สึกไม่สบายแผล เพียงทาบ่อยๆ ก็จะดีขึ้น”
อวี๋ซงไม่ขยับ
อวี๋หวั่นจึงยัดยาใส่มือของเขา
อวี๋ซงมองลงไปยังยาที่ติดอยู่บนปลายนิ้วอุ่นๆ ของเธอ “คนในคืนนั้นก็เป็นเขาใช่ไหม?”
คืนนั้นอะไร? เขาไหนกัน? ใคร?
อวี๋หวั่นรู้สึกสับสน
อวี๋ซงไม่พูดอะไรและเดินออกไปพร้อมกับยา
……………………………………………………
[1] จงหยวน中原 คือ ที่ราบแถวแม่น้ำหวงเหออันเป็นอู่อารยธรรมจีน