กลับไปยังที่ที่ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น หวังตั้นตัดสินใจใช้ความมุ่งมั่นสุดท้ายของตนพิสูจน์ทุกอย่าง “คราวนี้ ฉันต้องทำได้สำเร็จ!”

เขาลากแฟนสาวกลับไปยังที่ที่พวกเขามา ใช้พลังงานทุกหยาดหยดที่พวกเขาเหลืออยู่ พวกเขาวิ่งไปราวกับชีวิตแขวนอยู่กับเรื่องนี้ จางจิงจิ่วนั่งอยู่ที่ทางเข้าโรงแรม อ่านบทความในโทรศัพท์ถึงการเป็นนักแสดงที่ดีตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้ารัวเร็วมาก เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และเห็นหวังตั้นกับแฟนสาววิ่งผ่านเขาไป สภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าก่อนหน้า

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนุกกันจริง ๆ กรีดร้องและวิ่งตะบึงไปดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการระบายความกดดันภายในและบางทีนี่อาจจะเป็นจุดประสงค์ของการมีอยู่ของบ้านผีสิง” จางจิงจิ่วสรุปกับตัวเอง เขาเข้าใจว่าหน้าที่ของเขานั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่มันดูเหมือนจะเป็น– มันต้องมีความหมายซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง

หวังตั้นและแฟนสาวของเขาวิ่งกลับไปยังโรงพยาบาลเอกชนเมืองหลี่ว่าน พวกเขาพุ่งเข้าไปในตึกเหมือนกับนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา ห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดทิ้งเอาไว้ครึ่ง ๆ และผู้ป่วยที่ถือบันทึกประวัติผู้ป่วยอยู่ก็พบว่าทั้งสองคนนี้ช่างคุ้นตา พวกเขาประหลาดใจกับความกล้าหาญของหวังตั้น และเพราะความประหลาดใจ ผู้ป่วยจึงเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อย ๆ

ตอนที่พวกเขาหลอกผู้เข้าชม พวกผีจะสามารถเก็บเกี่ยวอารมณ์ด้านลบที่พวกเขาต้องการได้ แต่ที่สำคัญที่สุด ก็ยังเป็นความสนุกในการหลอกคนอยู่ดี

“อย่าหันกลับไปมอง! ถ้าลังเลก็จะล้มเหลว!” หวังตั้นและแฟนของเขาวิ่งลงบันไดไปไปถึงชั้นใต้ดินที่สามอย่างรวดเร็ว

“นี่น่าจะเป็นที่ที่คำใบ้พูดถึงตอนที่มันบอกว่าท้ายโรงพยาบาล” หวังตั้นจับมือแฟนสาวเอาไว้ขณะพุ่งผ่านทางเดินไป ตอนที่พวกเขาผ่านห้องหนึ่งที่ประตูทาสีแดงเอาไว้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ตามหลังพวกเขาอยู่หายวับไปในทันที กลุ่มผู้ป่วยที่เดิมตามพวกเขามา ทำไมจู่ ๆ ก็ล้มเลิกความตั้งใจไปล่ะ?

“เกิดอะไรขึ้น?” หวังตั้นนั้นคุ้นเคยกับพวกนักแสดงเกินไป เมื่อผู้เข้าชมทำให้พวกเขาโมโหขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็จะไม่หยุดจนกว่าผู้เข้าชมจะหมดสติไป นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเข้ามาในโรงพยาบาล พวกเขาไม่ปล่อยให้เขากลับออกไปได้ง่าย ๆ แน่ครั้งนี้

“พวกพนักงานไม่ได้ใจบุญขนาดนั้น เหตุผลเดียวที่พวกเขาหยุดไล่ตามพวกเราก็เพราะว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกว่ารอพวกเราอยู่ข้างหน้าแล้ว!” หวังตั้นรู้ดีเป็นที่สุด แต่ว่ามันก็มีทางให้มุ่งหน้าไปทางเดียวเท่านั้น สองสามห้องที่ส่วนลึกของโรงพยาบาลนั้นราวกับเป็นสถานที่ต้องห้าม มันเงียบมากจนกระทั่งเสียงเพลงแบ็คกราวน์ของบ้านผีสิงยังหายไปด้วย

“หวังตั้น…”

“ชู่” หวังตั้นเองก็ไม่สามารถหาประตูเข้าห้องเก็บศพได้ เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตอนที่เขาหันมองไปรอบ ๆ เขาก็พบว่าประตูห้องสีแดงที่พวกเขาผ่านมาก่อนหน้านี้นั้นเปิดออกเองได้

“มีคนอยู่ที่นั่น?” สมองของหวังตั้นขาดออกซิเจนเพราะว่าเขาวิ่งไม่หยุด เขารู้สึกหัวเบาจนมองเห็นภาพพร่าเลือน

ประตูทั้งหมดที่ไกล ๆ ล้วนเป็นสีขาวและมีเพียงประตูนี้บานเดียวที่ทาสีแดง ราวกับมันกำลังเตือนทั้งนักแสดงและผู้เข้าชมไม่ให้เข้าไปใกล้เกินไป อากาศรอบ ๆ ดูบางเบา หวังตั้นอยากหาห้องเก็บศพให้เจอจะแย่อยู่แล้ว เขารู้ว่าเขาเหลือเวลาอยู่ไม่มากนักแล้ว

เขาผลักเปิดประตูหลายต่อหลายบาน แต่ว่าเขาก็ยังหาห้องเก็บศพไม่เจอ กลิ่นเลือดจาง ๆ นั้นอวลอยู่ในอากาศ หวังตั้นได้ยินเสียงที่สองปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขา เสียงกระทบพื้นของรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่ง!

รองเท้าส้นสูงเหยียบลงไปบนพื้น แต่ว่าทุกก้าวนั้นราวกับเหยียบลงบนหัวใจของเขา ร่างกายของเขาสั่น และเสื้อผ้าของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แฟนสาวของหวังตั้นนั้นแย่ยิ่งกว่า ขาของเธอรับน้ำหนักไม่ไหวแล้วและเธอก็เอนตัวพิงอยู่กับหวังตั้น อาศัยเขาลากเธอไปข้างหน้า

“ที่ซ่อนอยู่ในห้องนี้คืออะไรกันแน่? กระทั่งตอนที่พวกเราถูกผู้ป่วยทั้งกลุ่มไล่ตามมาก่อนหน้านี้ฉันยังไม่กลัวขนาดนี้เลย! ร่างกายของฉันสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และทุกเซลล์ในร่างกายของฉันก็กรีดร้องบอกให้ฉันวิ่งหนีไป” เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นใกล้เข้ามา ความกดดันแทบทำให้หายใจไม่ออกใกล้เข้ามา ทำให้หวังตั้นและแฟนสาวของเขาถูกบรรยากาศกดดันเอาไว้ ในที่สุดทั้งสองคนก็เลือกห้องหนึ่งเข้าไปหลบชั่วคราว

“ทางนี้!” หวังตั้นลากแฟนสาวของเขาเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย พวกเขายกมือขึ้นปิดปากเอาไว้กลัวว่าจะบังเอิญดึงดูดความสนใจของเจ้าสิ่งนั้น เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องพวกเขา

เธออยู่ข้างนอกนี่แล้ว!

ดวงตาของหวังตั้นและแฟนสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาติดกับแล้ว!

หัวใจของพวกเขาเต้นแรง หวังตั้นกำลูกบิดประตูแน่นและทิ้งน้ำหนักทั้งหมดดันประตูเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่เปิดประตู!

ลูกบิดประตูถูกคนที่ด้านนอกหมุน แต่ในเมื่อหวังตั้นกำลูกบิดประตูเอาไว้แน่นและดันประตูเอาไว้ด้วยร่างของตน คนที่ด้านนอกก็ผลักประตูเปิดไม่ได้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง คนที่ด้านนอกก็ดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้ว เสียงรองเท้าส้นสูงก้องไปตามทางเดิน คนผู้นั้นดูเหมือนจะเดินห่างออกไปแล้ว

“พวกเราปลอดภัยแล้ว” หวังตั้นนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อเหมือนเพิ่งอาบน้ำมา “พวกเราออกไปได้แล้ว…”

ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันผ่านห้องพักผู้ป่วยแต่ละห้องมาหยุดอยู่ที่ด้านนอกห้องของหวังตั้นเป็นครั้งที่สอง หัวใจของหวังตั้นและแฟนสาวนั้นลอยคว้าง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ก็คือรอ

สิบวินาที สามสิบวินาที หนึ่งนาที…

สองนาทีผ่านไป และก็ยังไม่มีเสียงจากด้านนอก หลังจากเสียงรองเท้าส้นสูงมาหยุดอยู่ที่ด้านนอกประตูพวกเขา ก็ไม่มีเสียงอะไรอีก

“คนผู้นั้นไปแล้ว หรือว่าเธอยังรออยู่ที่ด้านนอก?” หวังตั้นก้มลงไปที่พื้นและมองผ่านช่องว่างออกไป

กลิ่นเลือดรุนแรงกระทบจมูกเขา เขามองเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงเลือดคู่หนึ่งอยู่ที่ด้านนอกประตู!

ด้านหน้าของรองเท้าหันเข้าหาประตู และเลือดหลายหยดก็ไหลลงมาตามรองเท้า หวังตั้นมองเห็นเลือดหยดหนึ่งไหลผ่านรองเท้าก่อนจะตกกระทบกับพื้น

“ไม่ใช่สี! เป็นเลือดจริง ๆ!” หวังตั้นนั้นเรียนนิติวิทยาศาสตร์ ดวงตาของเขาเปิดกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “รองเท้าส้นสูงนี่ย้อมสีแดงด้วยเลือดจริง!”

ม่านตาของเขาหดตัวเพ่งไปที่รองเท้าส้นสูง และเลือดอีกหยดก็ไหลลงมา ตอนที่เลือดกำลังจะแตะพื้น หวังตั้นก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังคอเหมือนเลือดหยดนั้นไม่ได้ตกลงพื้น แต่ตกลงที่หลังคอของเขา

“มันซึมออกมา?” เขาแหงนหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัวและเห็นร่างกายครึ่งท่อนบนของผู้หญิงคนหนึ่งชะโงกเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างที่บนประตู เธอกำลังจับตามองพวกเขาอยู่!

ผ้าพันแผลคลี่ออกเผยให้เห็นเลือดเนื้อที่เละเทะ คำสาปและความอาฆาตแค้นหุ้มห่อร่างกาย และผู้หญิงในชุดแดงก็เอื้อมมือเข้ามาหาหวังตั้น ฝ่ายหลังจิตใจว่างเปล่าไปแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยใบหน้าของเธอ มือของหวังตั้นที่จับประตูอยู่อ่อนแรงลงช้า ๆ ขณะที่ร่างกายของเขาเอนไปด้านหลัง

ความทรงจำดี ๆ ทั้งหมดในชีวิตของเขาแวบผ่านจิตใจของเขา และในพริบตานั้นหวังตั้นก็สาบานว่าเขามองเห็นอาณาจักรแห่งสรวงสวรรค์

จางจิงจิ่วมองหวังตั้นและแฟนสาวของเขาวิ่งห่างออกไป หลังจากถอนหายใจ เขาก็กลับไปเรียนรู้การแสดง เขาลองพูดบทพูดน่ากระอักกระอ่วนอยู่ที่โต๊ะที่ว่างเปล่า เขาตั้งใจมากจนไม่ได้สังเกตเห็นเงาร่างเพรียวที่แอบอยู่ทางซ้ายของทางเข้า

“มีข่าวลือบอกว่าที่นี่เป็นที่นิยมมากก็เพราะว่านักแสดงทั้งหมดล้วนเป็นผีจริง ๆ วันนี้ ฉันคิดว่าฉันควรจะทดสอบข่าวลือนั่นดู” หลี่ซางอิ๋นก้มหน้าลงและในดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอันตราย

 

 

TL note: เมื่อวานฝากเพื่อนลงเลยลืมบอกว่าเปิดให้อ่านฟรี

สวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุขมาก ๆ คิดหวังสิ่งใดให้สมปรารถนา

ขอบคุณที่คอยสนับสนุนกันมาตลอด 1 ปี ปีนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยเหมือนเดิม ขอบคุณทุกท่านมาก ๆ