ตอนที่ 341 ซิงซิงคือความโชคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

จีเฉวียนทรงคว้าชายเสื้อของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ทำพระองค์งุ้งงิ้งอย่างน่าสงสาร

 

 

สายตานั้นเหมือนกับลูกสุนัขน้อยที่ถูกเจ้านายทอดทิ้งไม่มีผิด

 

 

สวรรค์! ตู๋กูซิงหลันคิดไม่ถึงมาก่อนเลย ว่าจะได้เจอเงาของลูกสุนัขน้อยจากร่างของสุนัขแก่เจ้าเล่ห์ผู้นี้

 

 

ผ่านไปอีกพักใหญ่นางถึงได้เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “ลูกหมา…..สุนัขเฒ่า พระองค์เก่งมาเลยเพคะ”

 

 

จอมมารนั้นคือปู่ของเขา ตู๋กูซิงหลันย่อมไม่สมควรจะเอาความเกลียดชังมาลงใส่จีเฉวียนเพราะจีจ้านเป็นเหตุ

 

 

“ซิงซิง เจ้ายอมชมเราแล้ว แสดงว่าให้อภัยเราแล้วใช่หรือไม่?” จีเฉวียนแย้มพระสรวลอย่างยินดี แย้มสรวลจนดวงพักตร์บานเหมือนดั่งดอกเก็กฮวยในถาด

 

 

อยู่ๆ ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกว่า ในตัวของพระองค์มิได้มีแต่เงาของลูกสุนัขน้อย แต่ยังมีอารมณ์ใสซื่อจนโง่งมอยู่ด้วย

 

 

เกือบจะลืมไปเสียแล้ว จุดประสงค์ที่ก่อนหน้านี้นางชมว่าเขาเป็นสุนัขเฒ่า

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้โกรธพระองค์”

 

 

นางพิงตัวลงไปกับเบาะ มองดูภูเขาฝูซางซานที่มีแต่วิญญาณแค้นล่องลอยอยู่เต็มภูเขาไปหมด หัวใจก็ต้องรู้สึกหน่วงๆ ขึ้นมาอีกครั้งสุดท้ายแล้วจีจ้านไม่เพียงแต่ฆ่าล้างครอบครัวของเจียวเย่ว แต่แม้กระทั่งพสกนิกรของนางก็ยังฆ่าทิ้งทั้งหมด

 

 

คำที่เขาให้สัญญากับนาง ไม่มีอะไรที่จริงเลยสักอย่าง

 

 

ฟ่านอิงตายอย่างอนาถ บ้านเมืองล่มจม แว่นแคว้นล่มสลาย เจียวเย่วจึงกลายเป็นเพียงศพเดินได้ที่ไร้ชีวิตและจิตใจ

 

 

 

 

หลังจากนั้นก็คงจะถูกจีจ้านบังคับให้ไปยังเมืองหลวงของต้าโจวกระมัง ……เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม เจียวเย่วถึงได้แต่งให้กับตู๋กูถิง

 

 

ในลูกแก้วไม่มีความทรงจำที่ถูกบันทึกเอาไว้เหลืออยู่แล้ว ปฐมฮ่องเต้และเหลียงป๋อก็จากไปแล้ว คนเดียวที่ยังรู้เรื่อง ก็คือท่านปู่ของร่างนี้ ตู๋กูถิง

 

 

สำหรับตู๋กูซิงหลันแล้ว หากว่านางคือไทเฮาน้อยจริงๆ ล่ะก็ บางทีต่อไปอาจจะไม่อาจเผชิญหน้ากับจีเฉวียนแบบดีๆ ได้อีกแล้ว

 

 

เนื่องเพราะจะอย่างไรท่านปู่ของเขาก็ได้ทำร้ายท่านย่าของนางทั้งชีวิต

 

 

ขนาดนางที่ไม่ใช่ตัวจริง ในใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเลย

 

 

วิญญาณแค้นในภูเขาฝูซางซานต่างก็แยกเขี้ยวกางเล็บ วิญญาณทุกดวงต่างก็กรีดร้องด้วยความทรมานขณะมองมาทางจีเฉวียน หากมิใช่เพราะว่าโซ่ตรวนเหล่านั้นรัดรึงเหล่าวิญญาณเอาไว้อย่างแน่นหนา เกรงว่าพวกมันคงจะพากันพุ่งเข้ามาฉีกกระชากแยกร่างจีเฉวียนออกเป็นส่วนๆ ไปแล้ว

 

 

เพราะว่าเขาก็คือฮ่องเต้แห่งต้าโจว และยิ่งเพราะว่ามีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับจีจ้านท่านปู่ของเขาอยู่หลายส่วน

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับจีเฉวียน วิญญาณแค้นเหล่านั้นก็เสมือนได้เผชิญหน้ากับจีจ้านอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ฉู่เจียงอยู่ด้านหลังของวิญญาณแค้นเหล่านั้น เขานั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ในมือมีโซ่ตรวนสีแดงอยู่มากมาย

 

 

วิญญาณแค้นเหล่านั้นถูกเขาจับมัดตรึงเอาไว้ เป็นดังที่เขาเคยบอก ทุกสิ่งที่อยู่ในเขาฝูซางซานนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นของเขา

 

 

ในเมื่อเป็นถึงหนึ่งในสิบยมราช ย่อมไม่อาจทนดูให้วิญญาณแค้นทั้งหลายไปทำร้ายพวกมนุษย์

 

 

สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังคงหลงเหลือความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นยมราชเอาไว้อยู่

 

 

เพียงแต่ว่าผ่านมาก็ตั้งนานหลายปีแล้ว วิญาณแค้นเหล่านี้ก็ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ไอแค้นยิ่งทียิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน

 

 

สุดท้ายแล้วก็มีไม่น้อยที่กลายร่างไปเป็นปีศาจชั่วร้าย เมื่อไร้หนทางช่วยเหลือได้อีก ก็ต้องถูกเขากลืนกินลงไป

 

 

ดวงตาของฉู่เจียงในยามนี้เอาแต่จับจ้องอยู่ที่ตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียน

 

 

วันนี้เป็นเพราะการมาของจีเฉวียน เหล่าวิญญาณแค้นที่กำลังอาละวาด หากมิใช่เพราะว่าถูกเขากักขังเอาไว้ เกรงว่าผลลัพธ์คงไม่อาจคาดคิด

 

 

จีเฉวียนมองดูสาวน้อยที่อยู่ข้างกาย แล้วก็หันไปมองภูเขาฝูซางซานที่ด้านนอก

 

 

“ซิงซิง ต่อไปเราจะต้องปกครองดินแดนแห่งนี้ทั้งหมด” พระองค์ตรัส

 

 

“แต่เราจะไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์” จีเฉวียนยังคงคว้าชายเสื้อของนางเอาไว้ดังเดิม “คนใต้หล้าต่างก็คิดว่าเราไร้เมตตา แต่กลับไม่เคยรู้ว่าเรามีความเห็นอกเห็นใจให้มากเพียงไร”

 

 

พระองค์จะกลายเป็นประมุขผู้ครองดินแดน นี่เป็นโชคชะตาของพระองค์

 

 

และขั้นตอนแต่ละขั้นเหล่านี้ย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิตและโลหิต เรื่องนี้ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

 

แต่ว่าพระองค์จะพยายามอย่างที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการฆ่าฟันผู้บริสุทธิ์ เนื่องเพราะจุดประสงค์แรกของพระองค์ก็เพื่อให้ใต้หล้านี้สงบสุขร่มเย็น

 

 

เด็กได้รับการปกป้อง คนชรามีที่พึ่งพิง อิ่มอุ่นไม่ขาดแคลน สงบสุขทั้งแผ่นดิน

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในชั่วขณะนั้น ตู๋กูซิงหลันเกิดความรู้สึกประทับใจในจีเฉวียนขึ้นมาทีละนิดทีละน้อย

 

 

ฮ่องเต้สุนัขแม้จะซ่อนความร้ายกาจไว้ภายในและเจ้าเล่ห์เพทุบาย แต่ว่าในฐานะของฮ่องเต้แล้ว เขาถือว่าใช้ได้

 

 

“ฝ่าบาทจะต้องทรงเป็นผู้นำที่ปราดเปรื่องอย่างแน่นอน” ตู๋กูซิงหลันยิ้มจางๆ “ทำความดีวันละอย่าง นำมาร้อยเรียงเป็นกุศลยิ่งใหญ่ ส่งผลให้ได้รับความสุขความดีในชาติหน้า”

 

 

“เราไม่มุ่งหวังชาติหน้า เพียงหวังในชาตินี้” จีเฉวียนยื่นพระหัตถ์ไปลูบไล้เส้นผมของนาง “ซิงซิงก็คือกุศลอันยิ่งใหญ่ของเรา”

 

 

อ้ายย่าห์! ดูเอาเถอะ! ตู๋กูซิงหลันค้นพบว่าคำหวานของฮ่องเต้สุนัขก้าวหน้าขึ้นทุกวันจนฟังแล้วใจสั่นเข้าไปทุกที

 

 

วิญญาณที่อยู่ด้านข้างร้องเพลงขึ้นมา ‘ทุกสิ่งมีเหตุส่งให้เกิดผล สิ่งตอบแทนที่เขาต้องการก็คือเจ้า’

 

 

นางไม่ใช่บุญกุศลตอบแทนอันใดของจีเฉวียนสักหน่อย ถ้าจะใช่ก็คงเป็นเคราะห์กรรมมากกว่า

 

 

จีเฉวียนทรงฟังแล้ว ก็มิได้หันไปเอาเรื่องกับวิญญาณทมิฬ เพียงแต่ประคองใบหน้าของนาง จูบลงไปบนหน้าผากอีกครั้ง

 

 

แผ่วเบาราวกับจูบหอมบุตรสาวสุดที่รัก

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกชาๆ บนหน้าผาก ทั้งยังคันนิดๆ

 

 

นางเบือนหน้าออกไป มองดูทิวทัศน์ด้านนอก “ข้าคิดจะชำระวิญญาณแค้นเหล่านี้ มิทราบว่าฝ่าบาทจะทรงช่วยเหลือข้าได้หรือไม่?”

 

 

ถึงแม้ว่าวิญญาณแค้นมากมายที่กลายเป็นปีศาจจะถูกฉู่เจียงจับกลืนกินไปแล้ว แต่ว่าก็ยังมีอีกนับพันที่กำลังทำท่าถมึงทึงอยู่ในตอนนี้

 

 

ชำระวิญญาณนับหมื่น บอกว่ายากก็ยากอยู่ บอกว่าไม่ยากก็ไม่ยาก

 

 

นักพรตโดยทั่วไป แต่ละครั้งอย่างมากก็สามารถชำระวิญญาณได้ทีละสองสามตน

 

 

หากสามารถชำระวิญญาณได้ครั้งละร้อยตนก็ต้องถือว่าเก่งกาจสุดยอดแล้ว

 

 

หากจะชำระวิญญาณมากถึงแสนตนในครั้งเดียว….เกรงว่ามีแต่อาจารย์ของนางซื่อมั่วเท่านั้นที่ทำได้

 

 

วิญญาณทมิฬร้องด้วยความประหลาดใจขึ้นมา “หลันหลัน เจ้าอย่าได้ฝืนเกินไป วิญญาณแค้นเหล่านี้ให้ข้ากินบ้างก็ได้….”

 

 

คิดจะชำระทั้งหมด คงยากเกินไปแล้ว

 

 

“หากว่าเป็นการทำให้ร่างกายของเจ้าต้องอ่อนล้า เราจะไม่อนุญาต” จีเฉวียนทอดพระเนตรออกไปด้านนอก

 

 

“เราจะสั่งให้พวกอู๋เจินมาที่นี่และชำระวิญญาณแค้นพวกนี้ เหล่านักพรตในอารามเทียนเก๋อกวนอยู่ว่างๆ น่าเบื่อเกินไปแล้ว สมควรทำความดี สร้างกุศลให้มาก คิดว่าอู๋เจินก็คงยินดี”

 

 

นักพรตอู๋เจินที่อยู่ห่างจากฮ่องเต้ไกลแสนไกล อยู่ๆ ก็จามครั้งใหญ่ๆ ติดๆ กัน

 

 

ธูปที่พึ่งจะจุดบูชาบรรพอาจารย์อยู่อยู่ก็ดับไป อู๋เจินรีบนับนิ้วทำนายทายทัก

 

 

ตกอยู่ในอันตราย! เคราะห์ร้ายมาเยือน!

 

 

หากว่าไทเฮาน้อยยังอยู่ล่ะก็ บางทีอาจช่วยให้รอดพ้นไปได้ แต่เพราะเรื่องสระสวรรค์ครั้งก่อน ……ไทเฮาน้อยถึงกับทรง……

 

 

ที่เชิงเขาฝูซางซาน ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าอู๋เจินช่างน่าสงสารอยู่บ้าง

 

 

ในมือของนางปรากฏยันต์สีชาดผืนหนึ่ง ยื่นส่งไปถึงเบื้องหน้าจีเฉวียน

 

 

“ขอฝ่าบาททรงระลึกถึงพระทัยเมตตาที่ทรงมีต่อใต้หล้า หยดพระโลหิตลงบนยันต์แผ่นนี้”

 

 

จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูยันต์สีชาด ก็ย้อนคิดไปถึงยามที่อยู่ในโลงทองแดง นางใช้ยันต์สีชาดเช่นนี้กักตัวพระองค์ ขณะที่ไม่อาจขยับพระองค์ได้นั้นนางก็หายไป

 

 

พอตอนนี้ได้เห็นยันต์แบบเดียวกัน จีเฉวียนก็ทรงต่อต้านขึ้นมา

 

 

กลัวว่านางจะหนีจากไปเหมือนตอนนั้น

 

 

“ซิงซิง เจ้าจะกลับไปกับเรา ใช่ไหม?”

 

 

พระองค์ตรัสถามออกไป ด้วยทีท่าน่าสงสาร

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่เข้าใจเลยว่าอยู่ๆ เขาจะถามเรื่องนี้ออกมาทำไม ตอนนี้นางไม่สามารถกลับไปยังโลกปัจจุบันได้ ทั้งยังมีฐานะเป็นไทเฮาน้อย ย่อมต้องกลับไปอยู่แล้ว

 

 

เอาไว้ขาหายแล้วค่อยว่ากันอีกที

 

 

ตู๋กูซิงหลันผงกศีรษะ “ใช่อย่างแน่นอน”

 

 

“ห้ามไม่ให้เจ้าหลอกลวงเรา หลอกลวงเราคือหมิ่นเบื้องสูง หมิ่นเบื้องสูงต้อ….”

 

 

ตู๋กูซิงหลันคว้าลำคอของตนเองในทันที “ตัดหัวสุนัขของข้า?”

 

 

จีเฉวียน “…..”

 

 

 

 

——

 

 

ตอนต่อไป “เผ่ามังกรตะวันตก”

 

 

ไรท์: ไฮ้ย่าห์ มังกรก็มา?