ตอนที่ 638
หนียามค่ำคืน
“อาจารย์ ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ”อาทู้ที่กำลังเฝ้าอาการของหลินเฟยร่วมกับเซี่ยจินเย่ถามหลินเฟยด้วยน้ำเสียงตกใจ เพราะก่อนหน้านี้หลินเฟยพูดบางสิ่งที่นางไม่อยากจะเชื่อออกมา
“เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก อาการของข้าไม่ดีขึ้นเลย ข้าจึงจะเข้าไปหาสมุนไพรในเขตอสูร”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา แน่นอนว่าอาการของหลินเฟยจะไปดีขึ้นได้อย่างไรในเมื่อหลินเฟยไม่ได้เป็นอะไรเลยตั้งแต่แรก ที่หลินเฟยอ้างไปนั้นก็เพื่อจะเดินทางไปเขตอสูรนั่นเองเพราะทั้งเซี่ยจินเย่ ทั้ง อาทู้ไม่ปล่อยให้หลินเฟยมีช่องแอบหนีออกไปเลย พวกนางเล่นผลัดกันมาเฝ้าอย่างกับยามวังหลวงไม่มีผิด หลินเฟยเลยตัดสินใจบอกพวกนางไปตรงๆเลยว่าตนเองจะไปเขตอสูร
“ท่านจะบ้าไปแล้วหรือไง ท่านจะเข้าไปในเขตอสูรเนี่ยนะ ต่อให้ร่างกายยังแข็งแรงดีก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งชัดๆ”อาทู้พึ่งเข้ามาเป็นศิษย์ของหลินเฟยหลังจากพวกหนี่หลิงหนานเข้าไปเจอประสบการณ์ในเขตอสูรกันมาแล้ว นางเลยไม่ทราบว่าหลินเฟยนั้นสามารถเข้าออกเขตอสูรได้ไม่ลำบากอะไรเลย
“อาจารย์….หากท่านต้องการสมุนไพรจากเขตอสูรจริงๆ ให้ข้าเข้าไปเอาให้เถอะนะเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่มองหลินเฟยด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้นางจะเคยเข้าเขตอสูรมาแล้วแถมยังมีพลังอสูรคอยสอดส่องอสูรรอบๆก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้นางเข้าไปกับฟงเป่าและหนี่หลิงหนานไม่เคยเข้าไปคนเดียวมาก่อนหลินเฟยเลยไม่คิดจะยอมปล่อยให้นางไปคนเดียวอย่างแน่นอน และที่สำคัญการไปครั้งนี้นั้นแท้จริงแล้วก็เพื่อหาอสูรพาหนะเท่านั้น
“ไม่ได้ ข้าจะต้องไปเองเท่านั้น”หลินเฟยตอบพลางลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ หากมองด้วยสายตาก็จะเห็นว่าหลินเฟยเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นมาก ที่หลินเฟยทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เซี่ยจินเย่และอาทู้เข้าใจว่าหลินเฟยอาการดีขึ้นมาหน่อยจนสามารถขยับได้แล้ว
“เช่นนั้นก็ให้พวกเราตามไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ”ในเมื่อหลินเฟยต้องไปงั้นนางก็จะไปด้วย ถึงเขตอสูรจะน่ากลัว แต่หากมีกัน 3 คนโอกาสรอดก็สูงกว่าแน่นอน
“ข้าเองก็จะตามอาจารย์ไปด้วยเหมือนกัน”เซี่ยจินเย่ตอบด้วยท่าทีสนับสนุนอาทู้เต็มที่ ส่วนหลินเฟยนั้นคิดเอาไว้แล้วว่าพวกนางยังไงก็ต้องขอตามไปด้วยแน่ๆ
“ได้ พวกเจ้าตามข้ามาก็แล้วกัน”หลินเฟยตอบพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ พอเดินทางไปใกล้ๆเขตอสูรแล้วก็ง่าย หลินเฟยขอเพียงทิ้งพวกนางไว้ที่เมืองที่ใกล้เขตอสูรที่สุด แล้วรีบไปรีบกลับเท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว
.
.
เขตอสูรที่หลินเฟยเลือกไปในคราวนี้คือเขตอสูรบนยอดเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางใต้ของอาณาจักรซาน คราวก่อนตอนเดินทางไปร่วมประลองที่สำนักเกราะทอง หลินเฟยได้พูดคุยกับคนของสำนักต่างๆรวมถึงคนมาชมงานประลองด้วย ทำให้ได้ยินข่าวลือที่ว่าบนยอดเขาศิลาครามนั้นมีพวกมังกรอาศัยอยู่ และมังกรก็เป็นอสูรที่นิยมใช้เป็นพาหนะที่สุดแล้ว เพราะพวกมันบินได้เร็วและนานนั่นเอง
“อาจารย์… สมุนไพรที่ท่านต้องการ หากได้มาแล้วอาการของท่านจะดีขึ้นสินะเจ้าคะ”ระหว่างเดินทางไปหมู่บ้านชมมังกร หมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับเขตอสูรยอดเขาศิลาครามที่สุดนั้น อยู่ๆเซี่ยจินเย่ก็เอ่ยปากถามออกมาด้วยท่าทีเป็นห่วง
“ถูกแล้ว บางทีอาจจะหายสนิทในทันทีเลยก็ได้”หลินเฟยยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางตอบคำถามนางไปอย่างนั้นเอง เพราะทันทีที่ได้อสูรพาหนะตามที่หวังเอาไว้หลินเฟยก็จะเลิกแกล้งป่วยทันที ข้อมูลของสมุนไพรที่หลินเฟยบอกไปนั้นเลยเป็นข้อมูลเท็จทั้งสิ้น
“ดีจัง”เซี่ยจินเย่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ดูเหมือนนางจะกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของหลินเฟยมากกว่าตัวหลินเฟยเสียอีกกระมัง แต่หลินเฟยก็ลืมคิดไปว่าก่อนหน้านี้มันให้ชิวซุยแกล้งรักษาตนเองโดยบอกว่าการรักษาไม่ได้ผล นั่นทำให้เหล่าศิษย์กังวลใจกันมาก เพราะอาการบาดเจ็บจากการทำลายวรยุทธของอาทู้ยังสามารถรักษาหายได้ในพริบตา แต่ของหลินเฟยนั้นกลับรักษาไม่ได้พวกนางเลยกังวลกันว่าจริงๆแล้วอาการบาดเจ็บของหลินเฟยอาจจะเลวร้ายกว่าที่เห็นภายนอกมาก การที่ได้ยินว่าสามารถรักษาอาการนี้ได้ทำให้ทั้งเซี่ยจินเย่และอาทู้โล่งใจไปตามๆกัน
“อาจารย์ ทำไมหมู่บ้านที่เราจะไปถึงตั้งชื่อว่าหมู่บ้านชมมังกรล่ะเจ้าคะ”อาทู้ถามขณะกำลังมองรถม้าที่กำลังแล่นด้วยความเร็วสูง
“ดูเหมือนหมู่บ้านที่ว่าจะอยู่ใกล้เขตอสูรมาก ก็เลยได้เห็นมังกรบ้างเป็นบางครั้งนะสิ”หลินเฟยตอบตามข้อมูลที่ได้ยินมา ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมากไปที่หมู่บ้านนั้นเพื่อได้เห็นมังกรสักครั้งในชีวิตเลยทีเดียว ทำให้หมู่บ้านที่ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงของทางใต้เลย
“จริงนะอาจารย์ มังกรตัวเป็นๆเลยงั้นเหรอ”อาทู้ได้ยินก็แสดงท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น ช่วยไม่ได้นี่นาคนในอาณาจักรนี้ไม่ค่อยได้เห็นมังกร จะตื่นเต้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“อาจารย์ งั้นถ้าพวกเราเข้าไปในเขตอสูรก็จะได้เห็นมังกรชัดๆใช่หรือเปล่า แบบนั้นยอดไปเลยไม่ใช่หรือ”อาทู้พูดพร้อมดวงตาเป็นประกาย นี่นางชอบมังกรงั้นหรือคิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย
.
.
“อาจารย์ เราเดินทางมาตั้งหลายวันแล้วนะเจ้าคะ เราควรจะพักผ่อนก่อนสักวันแล้วค่อยเข้าไปในเขตอสูรนะเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่เสนอขณะกำลังลงจากรถม้า
“ได้สิ ข้าไม่ใจร้อนขนาดนั้นเสียหน่อย”หลินเฟยหัวเราะออกมาพลางพาสาวๆไปหาอะไรกินกันเสียก่อนแล้วค่อยไปหาที่พักอีกที แน่นอนว่าหลินเฟยวางแผนจะแอบออกไปตอนกลางคืนอยู่แล้ว การที่เซี่ยจินเย่เสนอให้หาที่พักก่อนนั้นถือว่าเข้าแผนเลยทีเดียว
“อาจารย์ สมุนไพรที่ท่านต้องการมีรูปร่างแบบไหนหรือเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่ถามระหว่างกำลังทานอาหาร เพราะหลินเฟยบอกพวกนางว่าพรุ่งนี้จะเดินทางเข้าเขตอสูรด้วยกันพวกนางก็เลยอยากจะช่วยสอดส่องสายตาหาสมุนไพรสินะ
“เอ่อ……..มันเป็นต้นหญ้า……..สีฟ้า”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีตะกุกตะกัก เพราะหลินเฟยไม่ได้คิดเรื่องสมุนไพรที่ว่าเลย ตนมาหาสมุนไพรแบบไหนแทบไม่มีอยู่ในสมองของหลินเฟยยามนี้เลยแม้แต่น้อย
“จริงสิ มันคือหญ้าเล็บมังกร มีลำต้นสีฟ้างองุ้มเหมือนกรงเล็บของมังกร”หลินเฟยเลือกเอาสมุนไพรหายากชิ้นหนึ่งออกมาเป็นข้อมูล แม้จะไม่ทราบว่าบนภูเขานั้นมีสมุนไพรที่ว่าหรือเปล่า แต่พวกนางคงไม่ต้องหาหรอกเพราะหลินเฟยจะหายดีก่อนพวกนางจะรู้ตัวเสียอีก
“ของแบบนั้นมีจริงด้วยงั้นหรือ ข้านึกไม่ถึงเลยนะ”อาทู้พูดด้วยท่าทีตื่นเต้น สำหรับอาทู้แล้วทั้งเรื่องเขตอสูรและเรื่องสมุนไพรหายากล้วนเป็นเรื่องใหม่น่าสนุกทั้งสิ้น
“ท่าทางสนใจขนาดนี้เจ้าชอบเรื่องพวกนี้งั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีพอใจ
“แน่นอนเจ้าค่ะ พวกเราแทบไม่รู้เรื่องของอสูรเลย แต่ข้าว่าพวกอสูรเท่ๆมีเยอะเลยนะเจ้าคะ อย่างมังกรเองก็น่าเกรงขามมาก”อาทู้ยิ่งพูดก็ยิ่งดูร่าเริง แต่ไม่ทราบทำไมความชอบของนางถึงเหมือนเด็กผู้ชายนัก หรือเพราะปลอมตัวเป็นผู้ชายมานานก็ไม่ทราบ
“ถ้าข้าบอกเจ้าว่าข้ากำลังสร้างกลุ่มสำรวจของสำนักขึ้นมา เจ้าจะสนใจหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเหมือนผู้ใหญ่กำลังเอาของเล่นไปล่อตาล่อใจเด็กน้อยไม่มีผิด
“หมายถึงกลุ่มที่เข้าไปสำรวจในเขตอสูรหรือเจ้าคะ”อาทู้ถามด้วยท่าทีสนใจ การเข้าเขตอสูรเป็นเรื่องอันตราย ต่อให้เป็นผู้มีพลังวิญญาณระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 หากเข้าไปโดยไม่ระวังก็อาจจะตายได้เช่นกัน ทำให้คนที่กล้าเข้าไปในเขตอสูรมีไม่มาก
“ใช่แล้ว ข้ามีความรู้เกี่ยวกับอสูรและเขตอสูรเป็นจำนวนมาก ต่อให้เป็นเจ้าในตอนนี้หากศึกษาอย่างดีก็สามารถเข้าเขตอสูรศิลาครามได้ไม่ยากหรอก”หลินเฟยยิ้มพลางมองอาทู้ด้วยท่าทีชื่นชม ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่บอกว่าจะพาเข้าเขตอสูรแล้วจะกล้ามา อาทู้คนนี้ท่าทางจะมีใจกล้าไม่น้อย หากสั่งสอนวิชาของกลุ่มสำรวจเขตอสูรให้คงตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน
“จริงหรือเจ้าคะ ยอดเลย”อาทู้ตอบด้วยท่าทีตื่นเต้นก่อนจะถามคำถามเกี่ยวกับเขตอสูรยอดเขาศิลาครามออกมาหลายคำถาม ทำเอาโต๊ะอาหารกลายเป็นห้องเรียนเรื่องเขตอสูรไปเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าเซี่ยจินเย่เองก็ตั้งใจฟังด้วยเช่นกัน เพียงแต่คนที่ถามคำถามออกมารัวๆนั้นเป็นอาทู้นั่นเอง
“ยอดเลย ถ้ามีข้อมูลขนาดนี้ละก็ พรุ่งนี้พวกเราต้องเข้าเขตอสูรได้อย่างปลอดภัยแน่ๆ”หลังจากสอบถามเรื่องของเขตอสูรจากหลินเฟยเป็นจำนวนมาก ในที่สุดพวกอาทู้ก็ถึงเวลาต้องเข้าที่พักกันเสียที แม้จะเป็นศิษย์อาจารย์กัน แต่นอกสำนักชายหญิงอยู่ร่วมห้องกันคงไม่งาม ทำให้พวกเซี่ยจินเย่และอาทู้ต้องแยกห้องมาพักอีกห้องหนึ่ง ทำให้นี่เป็นโอกาสของหลินเฟยที่จะแอบเข้าไปในเขตอสูรตามลำพังแล้ว
“พี่อาทู้ ท่านพักสักหน่อยเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเข้าเขตอสูรกันจริงๆแล้ว”เซี่ยจินเย่ว่าพลางนำผ้ามาปูพื้นให้กับอาทู้และตนเอง อาทู้ที่มีพลังต่ำที่สุดในตอนนี้สมควรจะเป็นคนที่เหนื่อยที่สุดแล้ว
“เข้าใจแล้ว เจ้าเองก็ต้องพักเหมือนกันล่ะ”อาทู้ยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนผ้าที่เซี่ยจินเย่ปูเอาไว้ให้ ดูท่านางจะเหนื่อยอย่างที่คิดจริงๆ ไม่นานนางก็ผล็อยหลับไปโดยมีเซี่ยจินเย่นั่งอยู่ข้างๆ
“………”เซี่ยจินเย่มองอาทู้อยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าอาทู้หลับไปแล้วเซี่ยจินเย่จึงลุกขึ้นยืนช้าๆก่อนจะเปิดหน้าต่างออก สายตาของนางนั้นมองไปทางยอดเขาศิลาครามไม่วางตาก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองห้องของหลินเฟยช้าๆ ตอนนี้อาจารย์บาดเจ็บหนักนางกลัวว่าหากยังฝืนเข้าไปในเขตอสูรอีกอาจารย์อาจจะพลาดท่าบาดเจ็บหนักกว่าเดิมหรืออาจจะถึงตายได้ เซี่ยจินเย่ไม่อาจปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นได้ นางจึงเลือกที่จะแอบออกไปที่เขตอสูรตามลำพังเสียยังดีกว่า
“น้องเซี่ย…..”หลังจากเซี่ยจินเย่ออกไปได้ไม่นาน อยู่ๆอาทู้ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะอะไรก็ไม่ทราบ แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วกลับพบว่าภายในห้องว่างเปล่าไม่มีใครนอกจากตนเองอยู่เลย
“หรือว่าจะไปที่ห้องของอาจารย์กันนะ”อาทู้ว่าพลางลุกขึ้นเดินออกจากห้องแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องของหลินเฟยบ้าง
“………..”เพียงแต่ทันทีที่เปิดประตูออก อาทู้ก็พบว่าภายในห้องของหลินเฟยเองก็ว่างเปล่าเช่นกัน ทำให้นางไม่ทราบเลยว่าทั้งสองหายไปไหน