บทที่ 551 ดัดจริตอะไรกัน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดแบบนี้หรอก

ทุกคนเป็นผู้ชม และมีเพียงเธอคนเดียวที่เป็นตัวตลก

คล้ายกับถอดเสื้อผ้าของเธอจนหมด จากนั้นก็เผยให้ทุกคนเห็น มันรู้สึกเจ็บจนไม่อยากมีชีวิตต่อ

ไม่รู้ว่าเดินไปยังที่นั่งได้อย่างไร สีหน้าของพนาวันซีดขาวมาก

อาคิระเลิกคิ้ว สั่งน้ำอุ่นมาวางตรงหน้าเธอ

เขาวางแก้วหนักมือเล็กน้อย จึงเกิดเสียงขึ้น เพราะอารมณ์ไม่ค่อยดีเป็นเหตุ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสายตารอบข้าง เขายิ่งรู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้น

พนาวันยกแก้วน้ำขึ้นมา จากนั้นก็นิ่งเงียบ

เธอเคยเตือนเขาแล้ว พาเธอมายังสถานที่แบบนี้มีแต่จะกลายเป็นตัวตลกของทุกคน

นี่เป็นงานเลี้ยงของนักธุรกิจ

ตอนนี้มีคนมาทักทายอาคิระไม่น้อย เขาทิ้งพนาวันให้อยู่คนเดียว แล้วเดินออกไป

เขาถูกรายล้อมด้วยผู้คน คล้ายกับดาวล้อมเดือน ต่างพากันยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม จากนั้นก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ

เวลานี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงมา ซึ่งเธอสวมใส่ชุดเดรสสีฟ้า

กระทั่งต่างหูและจี้บนสร้อยคอก็ยังเป็นสีฟ้า ช่างงามพิสุทธิ์และสง่างามมาก

เหมือนความสัมพันธ์เธอกับอาคิระจะดีมาก เธอเดินเข้าไปกอด จากนั้นก็พูดกระซิบข้างหูอย่างสนิทสนม

จากนั้นพิมแสงก็เชิญอาคิระขึ้นไปชั้นบน “เพื่อนเก่า ไม่เจอกันนาน อย่าบอกนะว่าไม่มีเวลาคุยกัน? ฉันรับรองว่าใช้เวลาไม่มากหรอกค่ะ ถ้าคุณปฏิเสธก็เท่ากับไม่ให้เกียรติฉัน ฉันจะโกรธเอานะ”

ได้ยินดังนั้นอาคิระก็ยิ้มเบา ๆ

มือใหญ่โอบเอวบางเธอ ทั้งสองร่างกายแนบชิดติดกัน

จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบน และหายลับไปจากสายตาในที่สุด

โครม——

หัวใจพนาวันเหมือนฉีกขาด

ความเจ็บปวดหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหยุ่น เธอก้มหน้าดื่มน้ำอุ่น ฝืนบังคับไม่ให้น้ำตาไหลลงมา

เมื่ออาคิระไม่อยู่ สายตามองสำรวจก็มีเยอะขึ้น และกำเริบเสิบสานมากขึ้น เวลาเดียวกันก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง

“ตระกูลอนันต์ธชัยเป็นตระกูลผู้ดีในเฮทเค ทำไมจึงแต่งคนขาเป๋เป็นสะใภ้นะ?”

“ได้ยินว่าท้องก่อนแต่ง คุณปู่ของคุณชายอาคิระรู้เรื่องนี้ก็ตัดสินใจให้พวกเขาแต่งงานกัน จากนั้นไม่นานก็เสียชีวิต”

“แผนสูงเหมือนกันนะเนี่ย แต่ทำไมขาเป๋แล้วยังกล้ามาที่นี่อีก”

“……”

เหล่าผู้หญิงชอบซุบซิบนินทาอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม

พวกผู้ชายก็เพ่งความสนใจมาทางนี้เหมือนกัน รู้สึกว่าหน้าตาผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่เสียดายที่ขาไม่ดี

ผู้ชายใส่สูทสีเทากล่าว“เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานคืนนี้อย่างแน่นอน แต่ไม่รวมเรื่องขานะ”

ผู้หญิงนิสัยเย่อหยิ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่พอใจกับประโยคนี้

เธอส่งเสียงอึดฮัดเย็นเยียบ“เอาคนขาเป๋มาขนานนามว่าเป็นผู้หญิงสวยที่สุดในงาน สายตาคุณมีปัญหาหรือเปล่า?”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์และสายตาถากถางคล้ายกับของมีคมแทงอยู่ด้านหลังเธอ พนาวันเริ่มนั่งไม่เป็นสุขแล้ว

สายตาเธอจ้องแต่บันได หวังว่าอาคิระจะปรากฏตัวเร็วไว

สามนาที ห้านาที สิบห้านาที……

แต่เขาไม่ปรากฏตัวซะที สายตาของพนาวันมืดมน เสียงวิจารณ์ด้านข้างดังมาก เธอไม่อยากฟังอีกแล้ว

เธอลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย

ผู้หญิงคนหนึ่งก็ลุกขึ้นตาม เธอหยิ่งยโสคล้ายกับนกยูงกางปีก

ระหว่างที่พวกเธอทั้งสองเดินเฉียดไหล่ ผู้หญิงคนนั้นก็เร่งฝีเท้าจงใจเหยียบกระโปรงตัวยาวของพนาวัน

พนาวันเดินพันแข้งพันขาล้มลงกับพื้น

ชั่วพริบตาเดียว สายตานับไม่ถ้วนก็จ้องมองแต่เธอผู้เดียว

พนาวันไม่อยากขายหน้าในงานแบบนี้

เธอเอื้อมมือจับโต๊ะข้างกาย อยากจะพยุงตัวเองขึ้นมา

และเธอพึ่งลุกขึ้นได้ ผู้หญิงด้านหลังก็จงใจเหยียบกระโปรงเธออีกครั้ง

พนาวันล้มลงพื้นอย่างจัง เวลาเดียวกันไวน์แดงบนโต๊ะก็ร่วงตกลงมาด้วย

ทั้งเสื้อผ้า ใบหน้า ล้วนมีแตะคราบไวน์แดงเต็มไปหมด และยังมีแก้วไวน์หล่นใส่กระโปรงเธอด้วย ไวน์แดงในแก้วจึงไหลลงมา

เวลานี้เธอเหมือนตัวตลกคนหนึ่ง สภาพอเนจอนาถมาก

“โอ้พระเจ้า” ผู้หญิงคนนั้นปิดปาก จงใจกล่าวเสียงตกใจ“ทำไมเธอไม่ระวังแบบนี้?”

สายตารอบตัวเต็มไปด้วยความรังเกียจและรู้สึกขยะแขยง

ไม่มีใครเมตตาช่วยเธอเลย ต่างรอดูคนขาเป๋อย่างเธอตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา และรอดูช็อตเด็ดอย่างเดียว

พนาวันก็ไม่ได้หวังให้ใครช่วยเธอเช่นกัน

ใบหน้าเธอซีดขาว สะบัดกระโปรงให้แก้วไวน์ออกจากกระโปรง

เพราะพื้นมีแต่ไวน์แดง จึงลื่นมาก ลุกขึ้นลำบาก

เธอขบฟัน สองมือดันพื้น แล้วคุกเข่า จากนั้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา

ในที่สุดคนรอบ ๆ ทนดูไม่ได้ เข้ามาประคองตัวเธอ

พนาวันปฏิเสธ ถึงจะดูแย่แค่ไหน แต่เธอก็รู้สึกยืนขึ้นมาเองได้ ซึ่งหัวใจก็ยังคงเจ็บปวดเช่นเดิม

และเธอก็ยืนขึ้นในท้ายที่สุด

ผู้หญิงคนนั้นแกล้งพูดว่า“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่คนขาเป๋ก็อย่าออกนอกบ้านเลย เพราะเดินไม่สะดวก”

“คนขาเป๋เดินไม่สะดวก แต่ก็ดีกว่าคนตาบอดเป็นไหน ๆ” เธอเช็ดไวน์แดงบนหน้าออก

“เธอ……” ผู้หญิงเกรี้ยวกราด

เธอไม่แยแสและไม่สนใจสายตารอบข้าง ยิ่งไม่หวังให้สามีเดินลงมาจากบันได

เธอยืนหันหลังและเดินโซเซออกจากโรงแรมอย่างน่าเวทนา

คืนนี้เธอขายหน้าพอแล้ว

บนท้องถนนมีรถสัญจรเต็มไปหมด

เธอใส่ชุดราตรีหรูหรา แต่ใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยไวน์ บวกกับเท้าก็ไม่ดี จึงเดินลำบากมาก

เธอเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน ดึงดูดสายตามากขึ้น

พนาวันรู้สึกตัวเองเป็นตัวตลกคนหนึ่ง

เธอสามารถจินตนาการได้ว่าตัวเองดูแย่และน่าขันแค่ไหน

เป็นคนขาเป๋ แต่ไม่รู้จักเจียมตัว ริอ่านใส่ชุดราตรีราคาแพง

เธอใส่รองเท้าส้นสูงสามเซนติเมตร ซึ่งผลิตได้ประณีตและสวยงามมาก

แต่เธอใส่แล้วกลับรับน้ำหนักเธอไม่ได้ และยังทำให้เธอไม่มั่นคงอีก แถมยังทำท่าเท้าพลิกจนเกือบล้มตลอดเวลา

เมื่อคนอื่นเห็นเธอเป็นเช่นนี้ แล้วจะไม่รู้ตลกได้อย่างไร?

เมื่อเห็นสายตาจ้องเธอมากขึ้น หัวใจพนาวันก็เต้นตัวแรง ใบหน้าร้อนวูบวาบ

ตอนนี้เธอแทบอยากมุดแผ่นดินหนีเลย

แต่เธอไม่มีเงินติดตัวและไม่มีพกมือถือมาด้วย เธอยังทำอะไรได้อีก?

จึงได้แต่เดินไปทีละก้าวอย่างหน้าด้านหน้าทน

ขาเธอพลิกอีกครั้ง และรับน้ำหนักของร่างกายไม่ไหว จึงล้มอย่างจังอีกครั้ง

ครั้งนี้คนที่เดินผ่านก็หยุดเดินด้วยเช่นกัน

พนาวันรู้สึกอายมาก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง

คนชราใจดีเห็นเข้า พลางล้วงเงินเหรียญออกมาแล้ววางตรงหน้าเธอ จากนั้นก็ส่ายหัวและถอนหายใจ

ท่าทางแบบนี้ยิ่งทิ่มแทงหัวใจพนาวันลึกกว่าเก่า เลือดทั่วร่างสูบฉีดขึ้นมายังหัว แล้วปะทะกันเป็นคลื่นน้ำวน

เวลาเดียวกันรถเบนซ์สีดำก็จอดลง

จากนั้นประตูรถก็เปิดออก ผู้ช่วยโก๋เดินเข้ามากล่าวว่า“คุณหญิงพนาวัน”

ต้องเจอคนรู้จักที่นี่อีก พนาวันรู้สึกตัวเองขายหน้าถึงขีดสุด

“หลีกทางหน่อยครับ มองอะไรกัน มีอะไรน่ามองเหรอ?” ผู้ช่วยโก๋เลิกคิ้ว ไล่คนรอบ ๆ ไป

จากนั้นเขาก็ประคองพนาวันลุกขึ้นจากพื้น“ไปกันเถอะครับ ผมจะส่งคุณหญิงพนาวันกลับไปครับ”

พนาวันรู้สึกอบอุ่นใจขึ้น กล่าวว่า“ขอบคุณค่ะ”

ทว่าวินาทีที่เปิดประตูรถ เธอก็อึ้งอยู่กับที่

เธอคิดว่ามีผู้ช่วยโก๋คนเดียวเสียอีก ที่ไหนได้ ยังมีฉันทัชและภรรยาของเขาอีก รู้สึกประหม่ามาก