หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ออกจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ อีกเลยตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ออกไป เธอยุ่งมากกับการดูแลทหารที่บาดเจ็บในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เมื่อเห็นบาดแผลของทหารในตอนนี้มีสภาพคงตัว หลิน ชูจิ่วจึงต้องการออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อย
หลิน ชูจิ่ว คิดว่าถ้าเธอใช้สมุนไพรเป็นข้อแก้ตัว เสี่ยวเทียนเหยา จะไม่สงสัยเธอ เธอเลยตัดสินใจออกไปซื้อยา
หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเสี่ยวเทียนเหยา เธอเพียงแค่บอกให้พ่อบ้านเฮ้าเตรียมรถม้าให้เธอ
“หวางเฟย หวางเย่ รู้เรื่องนี้หรือไม่ขอรับ” พ่อบ้านเฮ้าแอบบ่นในใจของเขาอย่างลับ ๆ
ทำไมหวางเฟย ต้องการออกไปอีกครั้ง!
“ เขาไม่รู้ ท่านก็ไปรายงานเขาเอง” ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เธอไปพบเสี่ยเทียนเหยาเพื่อกล่าวคำขอบคุณ เธอก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย
แต่แน่นอนยกเว้นช่วงกลางคืน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะนอนด้วยกัน แต่หลิน ชูจิ่วก็ยังไม่ทราบว่าเขามาถึงเมื่อใด
“ เรื่องนี่……” พ่อบ้านเฮ้าดูเขินอาย เขาหวังว่าหลิน ชูจิ่วจะเข้าใจความหมายของเขา แต่“ ไปรายงานเขา ข้าจะรอท่านก่อนที่จะออกไปข้างนอก”
พ่อบ้านเฮ้าทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทำตามเท่านั้น เขาได้แต่ดึงความกล้าขึ้นมาและไปรายงานต่อเสี่ยวเทียนเหยา พ่อบ้านเฮ้าคิดว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะปฏิเสธ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสี่ยวเทียนเหยา พูดขึ้น “นางสามารถไปพร้อมกับทหารได้เท่านั้น”
“บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ” ด้วยความยินยอมของเสี่ยวเทียนเหยาเขาจึงไม่ต้องกังวลอะไรอีก
ทหารกลุ่มเดียวกับครั้งที่แล้วก็ไปพร้อมกับหลิน ชูจิ่วอีกครั้ง หลังจากเห็นทหารแล้วหลิน ชูจิ่วก็พยักหน้า ก่อนจะเข้าไปในรถม้า
ทหารถามหลิน ชูจิ่วว่าเธออยากจะไปที่ไหน จากนั้นเขาก็นำหลิน ชูจิ่วไปยังร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แต่แน่นอนว่าทหารเหล่านี้จะไม่บอกหลิน ชูจิ่วว่าร้านขายยาแห่งนี้เปิดขึ้นโดยเสี่ยวเทียนเหยา
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินว่าเสี่ยวหวางเฟยมาซื้อสมุนไพร พวกเขาก็พาคนของเขาออกมารับใช้หลิน ชูจิ่ว หลังจากถามหลิน ชูจิ่ว ว่าสมุนไพรชนิดไหนที่เธอต้องการซื้อ เขาก็หยิบตัวอย่างที่ดีที่สุดออกมาและเอามาให้เธอดู หลิน ชูจิ่ว พอใจกับคุณภาพเป็นอย่างมาก ราคาก็สมเหตุสมผล ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงให้เจ้าของร้านส่งพวกมันไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ก่อนจะชำระเงิน
หลังจากพวกเขาซื้อสมุนไพรเสร็จแล้ว ทหารก็ถามหลิน ชูจิ่วอีกครั้งว่าเธอต้องการจะไปที่ไหน หลิน ชูจิ่ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอบอกว่าเธอต้องการไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง
เธอเป็นเด็กกำพร้า เธอรู้ชัดเจนว่าเด็ก ๆ ควรได้รับอาหารที่ดีเพื่อสุขภาพที่ดี ดังนั้นเธอจึงอยากไปช่วย
เธอมีเงินจำนวนมาก การเลี้ยงลูกเด็กสักกลุ่มจะไม่ใช่ปัญหา
ทหารคิดว่าเขาได้ยินผิด ดังนั้นเขาจึงถามหลิน ชูจิ่ว อีกครั้ง เมื่อหลิน ชูจิ่วย้ำพูดคำของเธอซ้ำอีกครั้ง ทหารก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เป็นสถานที่ที่ผู้คนในสังคมชั้นสูงไม่ต้องการไป ดังนั้นทหารจึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหลิน ชูจิ่วถึงอยากไปที่นั่น เขาต้องการเกลี้ยกล่อมหลิน ชูจิ่ว แต่หลิน ชูจิ่ว ก็ยังปฏิเสธขึ้นทั้งที่เขายังพูดไม่จบ หทารจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขับรถม้าไปทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เป็นสถานที่ที่ราชสำนักได้สร้างขึ้นสำหรับเด็กทารกและเด็กที่ถูกทอดทิ้ง และถึ้งแม้ว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง จะมีอยู่ทั่วแคว้นตะวันออก แต่ผู้คนกล่าวว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ดูดีที่สุดจะอยู่ในเมืองหลวง
แม้ว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ในเมืองหลวงไม่ใช่สถานที่ที่ลำบาก แต่ก็แยกออกจากถนนที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง มันถูกสร้างขึ้นบนถนนจู้เชวี่ย
ถนนจู้เชวี่ย นั้นไม่กว้าง รถม้าไม่สามารถผ่านไปได้ ทหารจึงจอดรถม้าเอาไว้ข้างถนนและพูดขึ้น“หวางเฟย ข้างหน้าของเราคือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง แต่รถม้าไม่สามารถเข้าไปถึงที่นั่นได้ขอรับ”
“ข้าจะลง แล้วพวกเราค่อยเดินไป” หลิน ชูจิ่วลงมาจากรถม้าและกำลังจะไปกับทหารที่ถนนจู้เชวี่ย แต่……
ทันทีที่เธอก้าวออกมาข้างนอก ระบบการแพทย์ก็ส่งสัญญาณเตือนขึ้น: ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาทันที
มันเข้าใจผิดไปใช่ไหม!
หลิน ชูจิ่ว เกือบสาปแช่งขึ้น …
แบบนี้มันหมายความว่า ทุกครั้งที่เธอออกมาข้างนอกและมีผู้ป่วยที่ต้องการการรักษา เธอก็ต้องรักษาพวกเขาหรือ?
ผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่วิกฤต โปรดให้การรักษาทันที ระบบการแพทย์เตือน หลิน ชูจิ่วขึ้นอีกครั้ง คนที่ยังยืนอยู่ในจุดเดิมด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด
หลังจากรออยู่เป็นเวลานาน ทหารที่ยังคงเห็นหลิน ชูจิ่วไม่ขยับ ดังนั้นเขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้น “หวางเฟย พวกเรายังจะไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง หรือไม่ขอรับ?”
“ เราจะไป แต่ไม่ใช่ตอนนี้……” หลิน ชูจิ่ว กัดฟันของเธอและหันหลังไปอย่างขุ่นเคือง เธอจะไปตามหาผู้ป่วยของระบบการแพทย์……