เป้าหมายของหลิน ชูจิ่ว นั้นชัดเจนมาก ดังนั้นเธอจึงเห็นได้ในทันทีที่หันหลังกลับไป …
บนถนนถนนจู้เชวี่ย ร้านขายยาชื่อ ‘ร้านขายยาหมื่นปี’ ที่รายล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมาก หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นพูด แต่เธอมั่นใจว่าผู้ป่วยอยู่ที่นั่น
หลิน ชูจิ่ว เดินไปทางฝูงชนโดยไม่ลังเล ทหารต้องการหยุด หลิน ชูจิ่ว แต่หลิน ชูจิ่ว จ้องมองไปที่เขา ด้วยความหวาดกลัวทหารจึงทำได้เพียงแค่ติดตามไปอย่างเงียบ ๆ ตามหลังหลิน ชูจิ่วไปเท่านั้น
“เด็กสองคนนี้น่าสงสารมาก พ่อของพวกเขาเสียชีวิตและแม่ของพวกเขาก็หนีไปกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ฝนตกหรือแดดออก พวกเขากลับไม่มีที่อยู่อาศัย ดังนั้นเด็กตัวเล็กๆ จึงลงเอยแบบนี้”
“เด็กน้อย ลุกขึ้นมาแต่โดยเร็ว ความเจ็บป่วยของน้องชายเจ้านั้นหมดความหวังแล้ว ทำไมเจ้าไม่เก็บเงินแล้วเอาไปซื้อของอร่อย ๆ กินแทน ปล่อยให้เขาตายอย่างสงบสุขเถิด”
“ใช่ นั่นจะดีกว่าเจ้าเด็กน้อย หมอหลิวกล่าวว่า เขาไม่สามารถรักษาน้องชายของเจ้าได้ ยังจะขอความช่วยเหลืออีกต่อไปก็มีแต่จะไร้ประโยชน์เปล่าๆ”
หลิน ชูจิ่ว เบียดตัวเข้าไปข้างหน้าด้วยความช่วยเหลือของเหล่าทหาร จากนั้นเธอก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมคนหนึ่งกำลังกอดเด็กน้อยอีกคนที่ค่อนข้างสะอาดอยู่หน้าร้านขายยาหมื่นปี ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น แต่ใบหน้าของเด็กคนนั้นดูแดงและบวม มันดูน่ากลัวมาก จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พวกเข้าแม้แต่น้อย
“ ท่านหมอ ข้าขอร้อง โปรดช่วยน้องชายของข้าด้วย ข้าจะทำงานเพื่อตอบแทนบุญคุณ ข้าขอร้องท่าน โปรดช่วยน้องชายของข้าด้วยเถิด” เด็กหนุ่มที่กำลังอุ้มเด็กน้อยเอาไว้อย่างแน่นหนา ขอร้องอยู่หน้าร้านขายยา แต่ก็ไม่มีใครออกมาช่วย
“ท่านหมอ ข้าขอร้องท่าน” เสียงของเด็กหนุ่มฟังดูสิ้นหวัง ดวงตาของเขาแดงก่ำและดูเหมือนว่าเขากำลังหมดหวัง
ในร้านขายยา ชายวัยกลางคนก้าวออกมาและมองอย่างช่วยไม่ได้ไปที่เด็กหนุ่ม “ เด็กน้อยเอ้ย ข้าไม่สามารถรักษาน้องชายของเจ้าได้จริงๆ ความเจ็บป่วยของน้องชายของเจ้ายืดเยื้อมานานเกินไปและรุนแรงมาก และเขายังเป็นโรคขาดสารอาหารอีก ข้ากลัวว่าคงจะมีแต่โสมพันปีที่จะสามารถช่วยชีวิตเขาได้”
สำหรับหมอในร้านขายยา ฉากดังกล่าวถือเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงิน ผู้ป่วยจึงหมดทางรอด หมอเห็นใจพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเห็นอกเห็นใจทุกคนได้
เมื่อเด็กหนุ่มนามว่าโจว ได้ยินคำพูดของหมอหลิว นัยน์ตาของเขาก็สว่างขึ้น“ หมอหลิว ท่านสามารถมอบโสมให้กับน้องชายของข้าก่อนได้หรือไม่ แล้วข้าจะจ่ายเงินให้ท่านในภายหลังได้”
หมอหลิวไม่ได้พูดอะไร แต่พ่อค้ายาขายกลับพูดอย่างเย้ยหยันขึ้นแทน “จ่ายพวกเราภายหลังอย่างนั้นหรือ เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ เจ้าไม่แม้แต่จะสามารถซื้อขนมปังสักชิ้นได้ด้วยซ้ำ”
“ข้า…” เด็กหนุ่มนามว่าโจวกัดริมฝีปากของเขา ริมฝีปากของเขาเริ่มมีเลือดออก แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขากัดริมฝีปากของเขาอย่างต่อเนื่องและพยายามระงับน้ำตาของเขาเอาไว้
เด็กหนุ่มผู้ที่กำลังอุ้มเด็กตัวน้อยลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่เนื่องจากร่างกายของเขาอ่อนแอเขาจึงสะดุดล้มลง หลิน ชูจิ่วจึงรีบเข้าไปช่วยเขาทันที“ ระวังด้วย!” เพราะเธอเป็นห่วงถึงความเจ็บป่วยของเด็ก
“ หมอหลิว…” เด็กหนุ่มเรียกและเงยหน้าขึ้นมอง เขาคิดว่าหมอในร้านขายยาช่วยเขา แต่แล้วเขากลับเห็นหญิงสาวนางหนึ่งแทน แล้วความหวังของเขาที่ลุกขึ้นกลับกลายเป็นความผิดหวัง เขาย่อตัวลงและพูดขึ้น “ขอบคุณคุณหนู แต่ท่านจะสกปรกเอาได้”
หลิน ชูจิ่ว ไม่สนใจคำพูดของเด็กหนุ่ม เธอชี้ไปที่เด็กน้อยแล้วพูดขึ้นแทน “ข้าสามารถช่วยน้องชายของเจ้าได้”
“ อะไรนะ” ดวงตาของเด็กหนุ่มนามว่าโจวเบิกกว้างขึ้นและจ้องมองไปที่หลิน ชูจิ่วทันที เขาแทบจะไม่อยากเชื่อคำพูดของนาง “คุณหนู ท่านเพิ่งจะพูดว่าอย่างไรนะ”
“ข้าบอกว่า ข้าสามารถช่วยน้องชายของเจ้าได้ ให้ข้าดูเขาก่อนได้หรือไม่” อันที่จริงแม้จะไม่มีการเตือนของระบบการแพทย์ เธอก็อยากจะช่วยเด็กพวกนี้อยู่ดี
“ คุณหนู ท่านสามารถช่วยน้องชายของข้าได้จริงๆ หรือ? ท่านไม่โกหกข้ามใช่ไหม?” ร่างกายของเด็กหนุ่มสั่นเทาขึ้น น้ำตาของเขาที่เขาพยายามระงับในที่สุดก็ตกลงมาในวินาทีถัดมา
“ข้าไม่ได้โกหก ข้าเป็นหมอ ข้าสามารถช่วยน้องชายของเจ้าได้จริงๆ ให้ข้าดูเขาก่อน” แล้วหลิน ชูจิ่วก็คว้าเด็กน้อยออกจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่มทันที
เด็กหนุ่มไม่ปฏิเสธในเวลานี้ เขาปล่อยน้องชายของเขาและให้หลิน ชูจิ่วรับเด็กไป