เมื่อเห็นว่าเย่เทียนจัดการกับนักขับมอเตอร์ไซค์สองคนได้อย่างง่ายดาย สีหน้าของนักขับแปดคนที่เหลือก็กลายเป็นความเคร่งขรึมอย่างห้ามไม่ได้ และแววตาที่มองเย่เทียนก็เริ่มหวาดกลัวเล็กน้อย
“คุณชายเย่ครับ คือว่า……”
หยางซิงไห่ที่หลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วก็เริ่มแสดงสีหน้ารู้สึกผิด เขาไม่ได้แปลกใจสำหรับผลงานที่โดดเด่นของเย่เทียน แต่เขาละอายใจที่หลบการโจมตีก่อนหน้านี้ด้วยสัญชาตญาณของเขามากกว่า เพราะนี่เป็นบททดสอบของเย่เทียนสำหรับเขา!
“ไม่เป็นไร”
ก่อนที่หยางซิงไห่จะพูดจบ เย่เทียนก็โบกมือเพื่อขัดจังหวะเขา และยังคงยืนอยู่กับที่แล้วมองที่นักขับมอเตอร์ไซค์ที่เหลือด้วยสีหน้าอมยิ้มเล็กน้อย
“ก็คิดว่าจะเก่งสักแค่ไหนเชียว ที่แท้ก็งั้นๆ”
ในความเป็นจริง เขาไม่รู้ว่าหัวหน้าของศัตรูคือใครด้วยซ้ำ เพราะตามปกติแล้ว ผู้นำมักจะยืนอยู่ตรงกลางสุดไม่ใช่หรือ?
ในเวลาเดียวกัน ณ โรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ชายสวมแว่นขอบดำขมวดคิ้วและผลักแว่นตาของเขา ซึ่งเขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์ที่ตามคาดของเขาจะเกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้ได้
แต่ชายสวมแว่นดำไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ได้แต่พูดพึมพำว่า “ไอ้หมอนี่มันมีของนี่นา ในเมื่อสองคนไม่ไหวก็เข้าไปพร้อมกันสี่คนเลย!”
ทันทีที่พูดจบ นักขับที่อยู่ตรงกลางสุดโบกมือ และมอเตอร์ไซค์วิบากสี่คันที่อยู่ข้างๆ ก็พุ่งออกไปหาเย่เทียนด้วยความเร็ว
“เพื่ออะไร?”
เย่เทียนแสยะยิ้มอย่างเหลืออด จากนั้นคว้ารถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งล้มลงกับพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วและบิดคันเร่งให้สุดเพื่อพุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่สนใจชีวิต
บรึ้นนนน!
เสียงคำรามของรถมอเตอร์ไซค์วิบากดังสนั่นขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และภายใต้การขับขี่ของเย่เทียน เขาได้เร่งความเร็วของรถจักรยานยนต์ให้สูงสุด ซึ่งดูแล้วเขากำลังจะชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์สี่คันที่กำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว
และภาพนี้ก็ทำให้หัวหน้านักขับที่จอดนิ่งอยู่ถึงกับอดหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ เพราะพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และตราบใดที่ไม่ได้รับคำสั่ง ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นใคร พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดได้!
แม้จะหนีความตายจากมัจจุราชได้ในชั่วขณะ แต่หลังจากนั้นเขาจะถูกองค์กรตามล่าอย่างแน่นอน และถึงเวลานั้นเขาจะตายอนาถมากกว่าตอนนี้!
แต่เป้าหมายของภารกิจ.oวันนี้กลับตรงกันข้าม เพราะศัตรูกำลังขับรถตรงเข้ามาเพื่อชนพวกเขา แล้วนี่ไม่ใช่การดิ้นหาที่ตายงั้นหรือ?!
“คุณชายเย่!”
เมื่อเห็นเย่เทียนพุ่งเข้าไปโดยไม่คำนึงถึงชีวิต และแม้จะรู้ว่าเย่เทียนไม่ใช่คนธรรมดา แต่หยางซิงไห่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ชายสวมแว่นที่บงการอยู่เบื้องหลังก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน รอยยิ้มที่โหดเหี้ยมปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา และเขาก็ย้ำเตือนว่า “นายจ้างบอกแล้วว่าต้องการหัวมัน อย่างให้พลาดเชียวล่ะ!”
แต่ทว่า หลังจากที่เขาพูดจบ รอยยิ้มอันเหี้ยมโหดบนใบหน้าของเขาก็แข็งตัวลงทันที และเขาก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความประหลาดใจ
“เป็นไปได้ไง!”
ชายที่สวมแว่นลุกขึ้นยืนทันที และรูม่านตาอันลึกล้ำของเขาสะท้อนถึงร่างของเย่เทียนที่ซึ่งกำลังบินอยู่ท่ามกลางอากาศและกางปีกออกดั่งนกอินทรี
แน่นอนว่าเย่เทียนคงไม่โง่พอที่จะเล่นกับพวกกุ๊ยกลุ่มนี้จนเข้าเนื้อตัวเองหรอก และเมื่อระยะของทั้งสองฝ่ายมาถึงครึ่งเมตร เขาอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหว
ในขณะนั้น เขาขยับเท้าและกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ด้วยมือที่เปิดกว้างเหมือนกับนกอินทรีที่กางปีกออก และวาดเส้นส่วนโค้งที่สวยงามแล้วกดลงไปที่พื้น
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ในใจเย่เทียนก็ยังแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดเลยว่าคนกลุ่มนี้จะไม่กลัวความตายเลย
ในชั่วพริบตา และก่อนที่เท้าของเย่เทียนจะแตะลงพื้น เสียงระเบิดที่รุนแรงก็ดังสนั่นขึ้น!
บูม!
ระเบิดดังสนั่นหลายครั้ง และรถจักรยานยนต์ทั้งห้าคันจากทั้งสองฝ่ายก็ชนเข้าหากันอย่างหนัก ซึ่งเย่เทียนหลบได้อย่างง่ายดาย แต่นักขับอีกสี่คนนั้นไม่ได้โชคดีเหมือนเขาเลย
ก่อนอื่นก็คือรถจักรยานยนต์สองคันที่อยู่ตรงกลางชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ของเย่เทียนอย่างจัง และเกิดการระเบิดขึ้นทันที ทำให้นับขับทั้งสองถูกฝังอยู่ในกองไฟ
ส่วนอีกสองคันด้านข้างก็ถูกชนจนกระเด็นออกไปลอยอยู่กลางอากาศและฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง และในที่สุดก็ระเบิดจนลุกเป็นกองไฟ
ส่วนคนขับสองคนนั้นก็กระเด็นออกไปอีกข้างแล้วฟาดลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า เชื่อว่าจะลุกไม่ขึ้นในชั่วขณะแน่นอน
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดตามถนนนั้น ทำให้หยางซิงไห่รู้สึกเหลือเชื่อ และทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นความสุข!
ในขณะที่รถเพิ่งชนกัน เขาทนมองไม่ได้จนต้องหลับตาลง จึงทำให้เขาไม่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่เขารู้ดีว่าเมื่อเผชิญกับการโจมตีของรถจักรยานยนต์วิบากเหล่านี้ ถ้าหากเย่เทียนเสียชีวิต เขาก็อย่าคิดจะมีชีวิตต่อได้อีก
เพราะจนถึงตอนนี้ เขายังคิดว่ารถวิบากกลุ่มนี้เป็นศัตรูเก่าของเขา
แต่หยางซิงไห่จะรู้ได้อย่างไรว่าวินาทีต่อมาที่เขาหลับตาลง เย่เทียนทำอะไรไปบ้าง
หลังจากที่เขาลืมตา เขาเห็นเพียงเย่เทียนที่ค่อยๆ ลอยลงสู่พื้นด้วยสภาพร่างกายที่ปกติ ซึ่งดูแล้วไม่มีทางได้รับบาดเจ็บแน่นอน
“คุณชายเย่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
เมื่อภาพของเย่เทียนที่จะตายในกองไฟไม่ได้ปรากฏขึ้น หยางซิงไห่ที่ตกตะลึงก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันที และหลังจากที่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจแล้ว เขาก็ถามเย่เทียนทันที
“นี่คุณอยากให้ผมเกิดเรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เย่เทียนอึดอัดใจเล็กน้อยและหันมากลอกตาขาวใส่หยางซิงไห่
“เปล่าๆ ครับ คุณชายเย่อย่าเข้าใจผิดนะครับ”
อย่าว่าแต่การฟื้นฟูตานเถียนยังต้องพึ่งเย่เทียน เพราะแม้แต่ชีวิตของเขายังต้องพึ่งเย่เทียนเลย แล้วหยางซิงไห่จะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร?
“แมร๊งเอ๊ย! ไอ้หมอนั่นมันเป็นนักบู๊เหรอวะ แล้วไอ้พวกนั้นมันตรวจสอบกันยังไง!”
ในเวลาเดียวกัน ชายใส่แว่นในโรงแรมที่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ก็โกรธจนฟาดแก้วไวน์ในมือจนแหลกเป็นชิ้นๆ และในใจก็รู้ว่าภารกิจนี้ไม่ง่ายแล้ว
ซึ่งการที่พวกเขากล้าดักเย่เทียนกลางทางแบบนี้ ก็เพราะว่าได้ทำการตรวจสอบข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว และผลการตรวจสอบนั้นชัดเจนว่าเย่เทียนเป็นแค่คนธรรมดา พวกเขาจึงส่งคนธรรมดาสิบกว่าคนนี้มาจัดการแทน
เดิมทีคิดว่าจะจัดการเย่เทียนได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่คิดเลยว่าแผนกตรวจสอบข้อมูลจะผิดพลาดขนาดนี้ ดูเหมือนว่าคืนนี้พวกเขาจะล้มเหลวแล้ว!
แล้วชายสวมแว่นจะรู้ได้อย่างไรว่า หลังจากที่เย่เทียนกลายเป็นสมาชิกของทีมสายฟ้านั้น ข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดของเขาก็ถูกซ่านหงเลี่ยงเปลี่ยนไปหมด อย่าว่าแต่เย่เทียนเป็นนักบู๊เลย เพราะแม้แต่สถานะของตระกูลเย่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นครอบครัวธรรมดาไปแล้ว
บอกได้เพียงว่าชายใส่แว่นตรวจสอบข้อมูลของเย่เทียนช้าไป ถ้าพวกเขาทำการตรวจสอบก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน คงไม่ต้องเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว!
“ไป! หนีไป! ข้อมูลผิดพลาด! รีบถอยด่วน!”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ชายใส่แว่นก็รีบสั่งลูกน้องให้ถอยเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่มากกว่านี้
“ยกเลิกภารกิจก่อน!”
หัวหน้าของกลุ่มวิบากเริ่มประหม่าและตะโกนบอกลูกน้องอีกสามคันที่เหลือ จากนั้นบิดคันเร่งเพื่อต้องการหลบหนีไป
“คิดจะหนีตอนนี้เหรอ? จะดูถูกเราเกินไปไหม?”
เย่เทียนที่จับตามองสถานการณ์มาตลอดจะเดาความคิดของพวกเขาไม่ทันได้อย่างไร เขาจึงแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับกระทืบเท้าจนลอยตัวขึ้นกลางอากาศ จากนั้นสองมือสะบัดและเหรียญที่กลายเป็นแสงสีขาวก็พุ่งออกไป…..