หลิน ชูจิ่วฉีดเซรุ่มให้กับเด็กน้อยและให้ยาลดไข้ที่ค่อนข้างแรงแก่เขา จากนั้นเธอก็ให้น้ำเกลือและทำความสะอาดแผลของเด็ก

       ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะรู้สึกอึดอัด เขาบิดร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา หลิน ชูจิ่ว เปิดปากแล้วพูดขึ้น “อย่าขยับ มันจะจบลงในไม่ช้า” แล้วเด็กน้อยก็ผ่อนคลายร่างกายของเขาลง แต่เขาก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี …

       เมื่อหลิน ชูจิ่ว เสร็จทุกอย่าง มันก็ผ่านไปแล้วประมาณครึ่งชั่วยาม หทารคุ้มกันและพี่ชายของเด็กน้อยรออย่างอดทน ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนหลิน ชูจิ่ว พวกเขาเพียงจ้องมองไปที่ประตูรถม้า และรอให้หลิน ชูจิ่วลงมาเท่านั้น

       เมื่อประตูถูกเปิดออก ดวงตาของทหารคุ้มกันและเด็กหนุ่มก็เบิกกว้างขึ้นในเวลาเดียวกัน ทหารคุ้มกันถอนหายใจขึ้นอย่างโล่งอก ในขณะที่เด็กหนุ่มอยากจะถามอะไรบางอย่าง“ คุณหนู ……”

“ฮูหยิน นายท่านของพวกเราแต่งงานออกเรือนแล้ว” ทหารคุ้มกันบอกแก่เด็กหนุ่มอย่างใจเย็น แล้วเด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนคำแทนตัวของหลิน ชูจิ่ว ก่อนจะพูดขึ้น “ ฮูหยินน้อย น้องชายของข้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

       แม้ว่าเด็กหนุ่มจะกระตือรือร้นที่จะรู้สภาพของน้องชายของเขา แต่เขาก็ไม่พลีพลาม และแม้ว่าเขาจะรู้ว่าตัวตนของหลิน ชูจิ่ว นั้นไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกอย่างหวาดกลัวอย่างคนทั่วไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่บุตรของครอบครัวที่ยากจนจริงๆ

“เขาจะไม่เป็นไรในขณะนี้ ข้าต้องกลับไปก่อน แล้วจะให้คนของข้าส่งยามาให้เขา ตอนนี้เขาต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ” อาการไข้ของเด็กยังไม่ลดลง พิษในร่างกายของเขายังไม่หายเป็นปกติ แต่ตอนนี้หลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถให้ยาเขาได้อีก เธอต้องรอจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้

“ขอบคุณฮูหยินน้อย ท่านเป็นผู้มีพระคุณ ในชีวิตนี้ข้าโจว เหอจะมอบชีวิตของข้าเพื่อตอบแทนบุณคุณนี้” เด็กหนุ่มรีบขายตัวเองอย่างง่ายดายและสาบานขึ้นทันที

       หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัวของเธอ “ไม่ต้อง ข้าไม่ได้ช่วยน้องชายของเจ้าเพื่อให้เจ้ามาเป็นหนี้บุญคุณข้า พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่ไหน ข้าจะส่งยาไปให้ในวันพรุ่งนี้”

“ข้า…” โจว เหอ ก้มหน้าลง เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

       หลิน ชูจิ่ว เข้าใจสถานการณ์ของเขาทันที“เจ้าไม่มีที่อยู่หรือ?”

“ข้าได้ขายบ้านเรือนก่อนหน้านี้เพื่อที่จะรักษาอาการป่วยของน้องชายข้า ข้าจะรอคนของฮูหยินอยู่ที่นี่ในวันพรุ่งนี้ จะได้หรือไม่” โจว เหอมองไปที่หลิน ชูจิ่วด้วยความหวัง เขากลัวที่จะได้ยินการปฏิเสธของหลิน ชูจิ่ว

“ น้องชายของเจ้าต้องการการพักฟื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหากเจ้าไม่มีที่อยู่อาศัย?” หลิน ชูจิ่วมองไปที่เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอและถามด้วยความปรารถนาดี จากนั้นเธอก็พูดขึ้น“ข้าจะช่วยเจ้าและน้องชายในเรื่องของโรงเตี้ยมก่อน พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นั่นไปชั่วคราวจนกว่าน้องชายของเจ้าจะดีขึ้น ว่าอย่างไร?”

“ ฮูหยินน้อย เรื่องนี้ยอมไม่ควร” โจว เหอปฏิเสธขึ้นทันที เขาก้มศีรษะลงและพูดขึ้น“ข้า พวกเราเป็นหนี้ท่านมากมายเกินไปแล้ว”

“มันไม่สำคัญ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นหนี้ข้ามากหรือน้อย เมื่อเจ้าเติบใหญ่ขึ้นและสามารถหาเงินได้มากมายแล้ว ค่อยมาตอบแทนข้า” เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่คนขี้เกียจ เพียงแค่เขายังเด็กเกินไปที่จะแบกรับความรับผิดชอบนี้เพียงลำพัง

       เธอเคยเป็นเด็กมาก่อน เธอรู้ดีว่าการมีชีวิตอย่างไร้ประโยชน์ตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นอย่างไร

“ขอบคุณฮูหยินน้อย ท่านสามารถวางใจได้ เมื่อไหร่ที่ข้าสามารถหาเงินได้แล้ว ข้าจะคืนให้ท่านอย่างแน่นอน” โจว เหอไม่ได้ปฏิเสธในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการใช้ประโยชน์จากนาง แต่เพราะเขารู้สถานการณ์ของน้องชายของเขา และแน่นอนว่ามันไม่เหมาะที่น้องชายของเขาจะอาศัยอยู่ในวัดเก่าๆ

“ ไปกันเถอะ ข้าต้องการไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย” เธอมีเสื้อผ้าสำรองอยู่ในรถม้า ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับบ้าน

       เมื่อพิจารณาว่าทั้งโจว เหอและน้องชายของเขายังเป็นเด็ก หลิน ชูจิ่วจึงหาโรงเตี้ยมที่ดีสำหรับพวกเขาให้พักผ่อน เธอจ่ายค่าเช่าโรงเตี้ยมและอาหารสำหรับหนึ่งเดือน เธอยังให้เงินกับโจว เหออีกด้วย เมื่อน้องชายของเขาตื่นขึ้นมา เขาต้องซื้อของอาหารบางอย่างเพื่อชดเชยการขาดสารอาหารของน้องชายเขา

       โจว เหอต้องการปฏิเสธ แต่เมื่อเขาเห็นว่าน้องชายของเขาผอมมาก เขาก็ทำได้แค่หลับตาลงและยอมรับมันเท่านั้น ครั้งนี้เขาไม่ได้ขอบคุณหลิน ชูจิ่ว