หลายวันนี้..สิ่งที่หลิงหยุนต้องทำอยู่เป็นประจำนอกเหนือจากการฝึกฝนวิชา ก็คือการทรมานซือกงถูกับลูกชายของเขาซือกงวู่จี๋ ที่เวลานี้ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินบ้านตระกูลหลิง..
  และเหตุผลที่หลิงหยุนต้องทรมานสองคนพ่อลูกอย่างแสนสาหัสเช่นนี้เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการแก้แค้น..
  เวลานี้จุดตันเถียนของซือกงถูได้ถูกหลิงหยุนทำลายแล้วเขาจึงมีสภาพไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น ซือกงถูเจ็บปวดจนแทบสิ้นใจตาย แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่ยอมให้ตาย เขาจะเข้ามารักษาซือกงถูทุกวัน เพื่อต่อลมหายใจให้ซือกงถูได้มีชีวิตอยู่รับการทรมานจากเขาต่อไปทุกๆวันนั่นเอง..
  เวลานี้ตามร่างกายของซือกงถูนั้นมีรูและบาดแผลฉกรรจ์อยู่เต็มไปหมด มันเจ็บปวดจนแทบบ้า และอยากจะรีบตายๆไปให้รู้แล้วรู้รอด..
  และที่หลิงหยุนทรมานสองพ่อลูกอย่างหนักหน่วงเช่นนี้นอกเหนือจากการแก้แค้นส่วนตัวแล้ว เขายังต้องการเค้นเอาข้อมูล และความลับจากปากสองพ่อลูกให้มากที่สุดด้วย และข้อมูลที่ได้มาก็เป็นประโยชน์กับหลิงหยุนยิ่งนัก!
  สิ่งที่หลิงหยุนเค้นมาได้จากปากของซือกงถูก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับแท่นบูชาของพรรคมาร อาวุโสพรรคมาร สำนักแดนใต้ และความลับอื่นๆของพรรคมารอีกมากมาย..
  ในเวลาเดียวกัน..หลิงหยุนก็ได้รู้ข้อมูลและความลับต่างๆมากมายจากปากซือกงวู่จี๋ด้วย รวมถึงเรื่องขององค์กรนักฆ่าสาขาฮู๋ตง และอำนาจอิทธิพลต่างๆของพรรคมารในต่างประเทศ..
  เวลานี้..หลิงหยุนสามารถเค้นเอาความลับจากปากของสองพ่อลูกได้แทบทุกอย่างที่ต้องการ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องปล่อยให้ทั้งคู่มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว..
  หลังจากที่ทรมานสองพ่อลูกจนหนำใจแล้วเวลานี้ก็เหลือเพียงสังหารทั้งคู่เพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเขา..
  แต่การจะสังหารซือกงถูได้นั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องให้จินเหยียวจัดการถอนหนอนกู่ออกจากร่างของซือกงถูเสียก่อน ไม่เช่นนั้นหากซือกงถูตาย จินเหยียวก็ต้องตายด้วยเช่นกัน!
  หลังจากที่หลิงหยุนได้รักษาอาการบาดเจ็บให้กับจินเหยียวแล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าหลายวันมานี้จินเหยียวมีอาการดีขึ้นมาก ไม่เพียงจดจำเรื่องราวในอดีตได้ แต่ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจก็กลับเป็นปกติ และอยู่ในระดับสมบูรณ์มากด้วย..
  หนำซ้ำเวลานี้จินเหยียวก็อยู่ในครึ่งระดับที่หนึ่งของขั้นเซียงเทียน-9แล้ว แต่ยังไม่สามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งของขั้นเซียงเทียน-9 ได้เสียที หลิงหยุนสันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวพันกับหนอนกู่ที่ฝังอยู่ในร่างของซือกงถู..
  ในเมื่อหนอนกู่ได้เชื่อมชีวิตและความตายของซือกงถูกับจินเหยียวไว้ด้วยกันเมื่อซือกงถูได้รับการทรมานอย่างแสนสาหัสเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อจินเหยียวด้วยอย่างแน่นอน จินเหยียวจึงไม่สามารถก้าวสู่ขั้นต่อไปได้เสียที..
  ทันทีที่ได้ยินคำถามของหลิงหยุนคิ้วของจินเหยียวก็ขมวดเข้าหากัน หลังจากครุ่นอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงตอบไปว่า
  “ไม่น่าจะมีปัญหา..แต่เจ้าคงต้องอยู่ช่วยข้าด้วย!”
  และเพราะหนอนกู่ที่ฝังอยู่ในร่างของซือกงถูมานานถึงสิบแปดปีนี่เองจินเหยียวจึงสามารถมีชีวิตรอดจากเงื้อมือของซือกงถูมาถึงทุกวันนี้ และแน่นอนว่าอานุภาพของหนอนกู่ย่อมไม่ธรรมดา..
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ได้.. ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปจัดการถอนหนอนกู่ออกจากร่างของซือกงถูตอนนี้เลย!”
  “ดี..ถ้าเช่นนั้นเจ้าพาข้าไปพบมันเดี๋ยวนี้!”
  ตลอดหลายวันที่อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิงจินเหยียวอยู่แต่ในห้องเพื่อฟื้นฟูร่างกายตนเอง นางจึงไม่สนใจเรื่องของซือกงถูนัก แต่เมื่อพูดชื่อซือกงถูขึ้นมา และคิดว่ากำลังจะได้พบหน้าซือกงถูอีกครั้ง สีหน้าของจินเหยียวจึงเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น และน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกดุดันขึ้นมาทันที!
  หากไม่นับความแค้นของหยินชิงเฉวียนกับพ่อของหลิงหยุนเพียงแค่ความแค้นของจินเหยียวคนเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้นางคับแค้นใจซือกงถูมากแล้ว เป็นเพราะซือกงถูที่ตามไล่ล่านางออกมาจากพรรคมาร ทำให้นางต้องระเบิดปราณปีศาจของตนเอง จนใบหน้าเสียโฉม ลมปราณตีกลับ และต้องสูญเสียความทรงจำนานถึงสิบแปดปี เพียงแค่นี้ก็มากพอที่จะให้นางโกรธแค้นซือกงถูจนแทบกระอักเลือดแล้ว!
  หลิงหยุนพยักหน้าและเดินนำจินเหยียวไปยังคุกใต้ดินตระกูลหลิงทันที และไม่นานทั้งคู่ก็ไปถึงห้องขังของซือกงถู..
  “ฆ่าข้าซะ!ได้โปรดฆ่าข้าให้ตาย.. ข้าอยากตาย..”
  เวลานี้..ร่างของซือกงถูถูกตอกตะปูตรึงไว้กับผนังคุกดังเช่นที่เคยทำกับหลิงเสี่ยว เพียงแต่ตะปูบนร่างของซือกงถูนั้นมากมายกว่าเมื่อครั้งที่หลิงเสี่ยวได้รับมากนัก..
  สภาพของซือกงถูเวลานี้ช่างน่าสยดสยองและชวนขวัญผวายิ่งนัก ทั่วทั้งร่างกายแทบหาที่ดีไม่ได้เลย ร่างทั้งร่างกลบไปด้วยเลือดสีแดง ภายใต้แสงไฟสลัวในคุกใต้ดินนั้น ซือกงถูจึงดูน่าหวาดกลัวราวกับภูติผีปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรก!
  ถัดจากซือกงถูไปก็คือลูกชายของเขาซือกงวู่จี๋ที่สภาพนั้นดีกว่าพ่อของตนมาก ร่างที่เต็มไปด้วยลือดสดๆของมันนั้นนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น ไม่มีแม้กระทั่งเรียวแรงจะขยับเขยื้อน..
  ซือกงถูถูกทรมานจนแทบคลุ้มคลั่งและเวลานี้ก็มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ และคำอ้อนวอนร้องขอความตายจากหลิงหยุน..
  ทันทีที่เข้าไปในห้องขัง..ร่างของจินเหยียวก็ถึงกับสั่นสะท้าน แม้ว่านางจะเคยติดตามหยินชิงเฉวียนธิดาพรรคมารมานาน และได้เคยพบเห็นภาพที่น่าสยดสยองมาแล้วมากมาย แต่สภาพของซือกงถูเวลานี้ทำให้จินเหยียวถึงกับใจสั่น และสะท้านไปทั้งร่าง..
  จินเหยียวใช้เวลาเพียงแค่น้อยนิดก็สามารถปรับสภาพจิตใจให้คุ้นเคยกับภาพที่เห็นได้ เพราะนี่คือศัตรูคู่แค้นของนาง และต่อให้หลิงหยุนไม่ทรมานซือกงถู นางก็จะจัดการด้วยตัวเอง..
  จินเหยียวตะโกนใส่หน้าซือกงถู“ซือกงถู.. เจ้ามองให้ดี และดูให้เต็มตาว่าข้าคือใคร”
  “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดฆ่าข้า.. ได้โปรดฆ่าข้าที..”
  “นั่น..เจ้า.. เจ้าคือจินเหยียว!”
  เมื่อเห็นว่าซือกงถูจดจำตนเองได้เชนนี้แววตาของนางก็ปรากฏไอสังหารขึ้นมาทันที และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “ถูกต้อง..ข้าคือจินเหยียว! วันนี้ข้าจะมาทวงของของข้ากลับคืน!”
  จินเหยียวยกมือขึ้นชี้ไปที่หน้าผากของซือกงถูพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุนว่า“หลิงหยุน.. หนอนกู่ชีวิตและความตายของข้าอยู่ในศรีษะของมัน ข้าจะสื่อสารกับหนอนกู่ให้เคลื่อนที่ไปยังหัวใจของซือกงถู ส่วนเจ้ามีหน้าที่คอยรักษาหัวใจของซือกงถู อย่าให้มันเจ็บปวดจนสิ้นใจตายได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
  หนอนกู่นั้น..จะถูกฝังเข้าร่างของอีกฝ่ายผ่านทางหัวใจ หลังจากที่เข้าไปได้แล้ว มันจะวิ่งไปตามเส้นเลือด และตรงเข้าสู่สมองของคนผู้นั้นทันที จากนั้นก็จะฝังตัวอยู่ที่กลางศรีษะเช่นนั้น..
  และสำหรับหนอนกู่ชีวิตและความตายนี้..อย่าว่าแต่ซือกงถูซึ่งอยู่ในระดับสองขั้นเซียงเทียน-9 เลย แม้แต่หลิงหยุนที่มีจิตหยั่งรู้อันทรงพลัง หากถูกฝังหนอนกู่ชนิดนี้เข้าไป ก็ยากที่จะบังคับมันให้ออกจากร่างได้เช่นกัน..
  “ท่านน้าจินเหยียว..ท่านไม่ต้องห่วง! ข้าไม่ปล่อยให้มันตายแต่ ท่านลงมือถอนหนอนกู่ออกจากร่างของมันได้เลย!
  จากนั้นหลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้อันทรงพลังและใช้เนตรหยิน–หยางมองทะลุเข้าไปภายในร่างกายของซือกงถู เพื่อคอยจับตาดูปฏิกิริยาภายในร่างกายของมัน ก่อนจะค่อยๆ แนบฝ่ามือข้างหนึ่งไว้ที่หัวใจของซือกงถู เพื่อจะได้รักษาหัวใจของมันไว้ได้ทันหากเกิดวิกฤติขึ้น..
  หลังจากพร้อมแลัวหลิงหยุนก็ยกมือส่งสัญญาณให้จินเหยียวเริ่มทำการถอนหนอนกู่ได้..
  จินเหยียวใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปกลางหน้าผากของซือกงถูจากนั้นนางจึงหลับตาพร้อมกับร่ายมนต์คาถาเพื่อสื่อสารกับหนอนกู่ที่อยู่ภายใน..
  จินเหยียวท่องมนต์อยู่นานกว่ายี่สิบนาทีและหน้าผากของนางก็เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวใดๆในร่างกายของซือกงถูเลยแม้แต่น้อย!
  หลิงหยุนถึงกับขมวดคิ้วและได้แต่คิดในใจว่า ‘หรือเพราะหนอนกู่อยู่ในร่างของซือกงถูนานจนเกินไป จึงไม่ต้องการที่จะขยับเคลื่อนไหวอีก แม้แต่จินเหยียวซึ่งเป็นเจ้าของ ยังไม่สามารถเรียกมันกลับไปได้!’
  ผ่านไปอีกราวเจ็ดถึงแปดนาที..เวลานี้จินเหยียวเหงื่อท่วมไปทั้งใบหน้า และเส้นผม ในขณะเดียวกันจินเหยียวก็เริ่มร่ายมนต์คาถาเร็วขึ้นเรื่อยๆ และหลิงหยุนเองก็ไม่ได้ยินว่าจินเหยียวท่องคาถาอะไรบ้าง..
  แต่แล้วจู่ๆนิ้วมือทั้งห้าของจิงเหยียวก็กางออก และฟาดลงกลางศรีษะของซือกงถูทันที พร้อมกับร้องตะโกนว่า..
  “ออกมา!”
  หลิงหยุนรู้ดีว่านี่คือนาทีแห่งความเป็นความตายเขาไม่กล้าเพิกเฉยเหม่อลอยแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ และรีบกลั่นหยดเสินหยวนรอไว้ พร้อมกับถ่ายเทพลังชีวิตธาตุไม้เข้าไปปกป้องหัวใจของซือกงถูไว้..
  ในขณะเดียวกันก็ลืมตาขึ้นเพื่อจะรอดูว่าหนอนกู่ที่ฝังอยู่ในร่างของซือกงถูนั้นมีหน้าตาเช่นใด
  แต่ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่เนตรหยิน–หยางของหลิงหยนก็ไม่สามารถมองเห็นหนอนกู่ได้นับว่าวิชาของชนเผ่าเหมี่ยวเจียงนั้นลึกลับไม่เหมือนใครจริงๆ!
  “หลิงหยุน..หนอนกู่กำลังออกมาแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ซือกงถูจะต้องเจ็บปวดอย่างมากทีเดียว อย่าปล่อยให้มันเจ็บปวดจนตายได้!”
  จินเหยียวไม่ลืมที่จะย้ำให้หลิงหยุนเตรียมพร้อมรักษาหัวใจของซือกงถูไว้อย่างดีที่สุด!
  “ท่านน้าจินเหยียว..อย่าได้กังวลใจไป ไม่ว่าอย่างไรซือกงถูจะต้องไม่ตายแน่!” novel-lucky
  ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะพูดจบดีด้วยซ้ำไปเขาก็เห็นร่างของซือกงถูกสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างรุนแรง และปากก็กรีดร้องออกมาราวกับคนคลุ้มคล้่งเสียสติ..
  เวลานี้หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเคลื่อนที่ไปมาอยู่ที่หัวใจของซือกงถูแต่ก็เป็นเพียงแค่การสัมผัสได้เท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา..
  และเมื่อหนอนกู่เคลื่อนที่มายังหัวใจของซือกงถูหลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น และแรงดันโลหิตที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าหัวใจของซือกงถูกำลังจะระเบิด และแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้ทุกเมื่อ!
  ในนาทีนั้นเองหลิงหยุนจึงเข้าใจว่าเพราะเหตุใดจินเหยียวจึงย้ำนักย้ำหนาให้เขาคอยปกป้องหัวใจของซือกงถูไว้ให้ดี เพราะหากเขาไม่ช่วย.. ซือกงถูคงต้องขาดใจตายไปนานแล้ว!
  ฟิ้ว!
  หลังจากนั้นไม่นาน..หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงดังฟิ้วขึ้น พร้อมกับแสงสีขาวอมฟ้าที่พุ่งออกจากหน้าอกของซือกงถู และหายเข้าไปในร่างของจินเหยียวทันที!
  และในที่สุด..หนอนกู่ชีวิตและความตายก็ถูกถอนออกจากร่างของซือกงถูได้สำเร็จ!
  แสงสีขาวอมฟ้าขนาดเล็กเท่าหัวเข็มที่หลิงหยุนเห็นนั้นก็คือหนอนกู่ชีวิตและความตายนั่นเอง!
  หลิงหยุนหันไปมองจินเหยียวและเวลานี้ใบหน้างดงามของนางก็ได้เปลี่ยนเป็นซีดขาวสลับกับแดงอย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนจะกระอักออกมาเป็นเลือด!
  หลิงหยุนเข้าใจดีว่าการที่จินเหยียวฝังหนอนกู่ลงไปในร่างฝ่ายชายและต้องการถอนกลับคืนเช่นนี้ แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บนี้คือสิ่งที่นางจะต้องได้รับ และคงจะต้องใช้เวลาราวสี่ถึงห้าวันในการพักฟื้น..
  หนอนกู่นั้นนับเป็นสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่งมันรับรู้ได้ว่าซือกงถูกำลังใกล้จะตาย มันจึงไม่เต็มใจที่จะออกจากร่างของซือกงถู หนอนกู่ก็เหมือนสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ที่ไม่ต้องการถูกควบคุม เมื่อซือกงถูตาย จินเหยียวก็ต้องตายตามไปด้วย และเมื่อทั้งสองคนตายหมดแล้ว มันก็จะเป็นอิสระ มันจึงดื้อดึงไม่ยอมออกจากร่างของซือกงถู จินเหยียวจึงต้องใช้กำลังมากขึ้น..
  “ท่านน้าจินเหยียว!”
  หลิงหยุนรีบถอนฝ่ามือจากหน้าอกของซือกงถูและรีบแนบฝ่ามือทั้งสองข้างลงไปบนแผ่นหลังของจินเหยียวแทน จากนั้นจึงถ่ายเทพลังปราณให้กับนาง..
  จินเหยียวยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ปากพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าไม่เป็นอะไรมาก!”
  “หนอนกู่ทั้งสองเป็นสัตว์วิญญาณมันฉลาดและรู้ว่าซือกงถูใกล้ตาย จึงดื้อดึงไม่ยอมกลับมาหาข้าเพราะอยากมีอิสระ!”
  “ข้าจึงต้องขู่มันว่า..หากมันไม่กลับมาข้าก็จะสังหารหนอนกู่อีกตัวที่อยู่ในตัวข้า และจะยืนดูพวกมันทั้งคู่ตายไปต่อหน้าต่อตา มันจึงยอมกลับเข้าร่างข้า!”
  “แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่ในร่างของข้าแล้วไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก!”
  “หนอนกู่ชีวิตและวิญญาณนั้นจะเกิดมาเป็นคู่..และไม่ว่าพวกมันจะอยู่ห่างไกลกันมาเพียงใด หากมีชีวิตก็มีชีวิตทั้งคู่ และหากตายก็ต้องตายทั้งคู่เช่นกัน! ด้วยเหตุนี้มันจึงมีชื่อว่าหนอนกู่ชีวิตและวิญญาณ..”
  และนั่นทำให้หลิงหยุนนึกถึงหนอนกู่ที่ฝังอยู่ในร่างของท่านหมอเสี่ยวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา..
  แต่แล้วจินเหยียวก็พูดออกมาอย่างแปลกใจ“คิดไม่ถึงว่าหนอนกู่ดูดเลือดของซือกงถูไปตั้งมากมาย มันยังมีชีวิตรอดอยู่ได้อีกหรือนี่!”
  หลิงหยุนถึงกับถามออกมาอย่างประหลาดใจ“ท่านน้าจินเหยียว.. หนอนกู่ดื่มเลือดมนุษย์ด้วยงั้นรึ”
  จินเหยียวพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่แค่ดื่มเลือดเท่านั้นนะ แต่มันยังรับรู้ได้ถึงความคิด ความรู้สึก และความทรงจำของร่างที่มันอาศัยอยู่ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้ต่อให้อีกฝ่ายอยู่ไกลแค่ใหน อีกคนก็จะสามารถตามหาจนพบได้!”
  “และด้วยเหตุนี้..ข้าถึงได้สามารถตามหาซือกงถูพบไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด”
  “ท่านน้าจินเหยียว..ข้าทำให้ท่านต้องลำบากนัก!”
  จินเหยียวเอื้อมมือไปตบบ่าหลิงหยุนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เด็กดี.. เจ้ามีชีวิตรอดมาได้ ข้าก็ไม่ผิดต่อคุณหนูแล้ว! ยิ่งเห็นเจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ข้าก็ยิ่งมีความสุข เรื่องที่ผ่านมาแล้ว.. อย่าไปรื้อฟื้นอีกเลย..”
  แต่ระหว่างนั้นเสียงร้องของซือกงถูก็ดังขึ้น“หลิงหยุน.. จินเหยี่ยว.. ได้โปรดฆ่าข้าเถิด! ฆ่าข้า..”
  จินเหยียวเห็นสภาพของซือกงถูที่ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นก็ได้แต่หันไปมองหน้าหลิงหยุนคล้ายกับจะถามว่า หลิงหยุนจะจัดการเช่นใดต่อไป
  หลิงหยุนตอบกับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“ซือกงถู.. ข้าทรมานเจ้ามาพอควรแล้ว! ข้าได้แก้แค้นให้กับท่านพ่อ ท่านแม่ ตระกูลหลิงของข้า และท่านป้าจินเหยียวแล้ว!”
  “แต่ผู้ที่จะส่งเจ้าไปลงนรกไม่ใช่ข้า!”
  แน่นอนว่าผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะฆ่าซือกงถูนั้นจะต้องเป็นพ่อของเขา – หลิงเสี่ยวเท่านั้น!
  “แต่ระหว่างนี้..หากเจ้าจะฆ่าตัวตายไปก่อน ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เดินตรงไปที่ร่างของซือกงวู่จี๋ที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นและจัดการซัดฝ่ามือใส่ร่างของซือกงวู่จี๋ขาดใจตายในทันที!
  ซือกงวู่จี๋เป็นศัตรูของเขาเองหลังจากที่ทรมานจนหนำใจแล้ว หลิงหยุนจึงสังหารซือกงวู่จี๋ตายต่อหน้าซือกงถู
  “ท่านน้าจินเหยียว..พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถิด!”