วางการ์ดลงแล้วเฉินเกอก็หยิบลูกกุญแจจากบนโต๊ะขึ้นมามองเงียบ ๆ หลังจากพ่อกับแม่ของเขาหายตัวไป ผู้เข้าชมที่บ้านผีสิงก็ลดลงอย่างมากเรื่อย ๆ ทำให้บ้านผีสิงต้องเผชิญกับการเกือบจะต้องปิดตัวลง ในช่วงเวลาเลวร้ายที่สุด ซูว่านเลือกที่จะอยู่ต่อ เธอเป็นพนักงานที่ได้รับคัดเลือกจากพ่อกับแม่ของเฉินเกอเพียงคนเดียวที่เลือกจะอยู่ต่อจนถึงที่สุด

“เป็นไปได้ไหมว่าเด็กคนนั้นสัมผัสได้ถึงบางอย่าง?” เฉินเกอเก็บลูกกุญแจไปและเปิดกล่องเค้ก เทียบกับกล่องแล้ว เค้กที่ด้านในนั้นเรียกได้ว่าเป็นหายนะ ที่ตรงกลางนั้นยุบ และยังมีจุดดำ ๆ จากการอบนานเกินไป ทั้งก้อนดูโงนเงนเหมือนแค่แตะก็จะถล่มลงมา

แต่ก็ยังมองเห็นความตั้งใจของผู้อบได้ เธอใช้ครีมปาดไปทั่วหน้าเค้กพยายามปกปิดตำหนิที่เกิดขึ้น และในระหว่างนั้นเค้กคงจะแบะออก ดังนั้นครีมจึงเป็นทั้งการตกแต่งและเป็นกาวยึดทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน มันซึมลึกเข้าไปในเนื้อเค้ก แค่มองดูเค้กนี่ ภาพซูว่านอบมันก็ปรากฏขึ้นในใจเฉินเกอ

“ไม่แปลกใจเลยที่เธอเป็นพนักงานของฉัน กระทั่งอบเค้กก้อนหนึ่งก็ยังมอบความรู้สึกพรั่นพรึงได้” หยิบมีดที่อยู่ในกล่องขึ้นมา เฉินเกอตัดชิ้นเล็ก ๆ ออกมาใส่ปาก “หืม เนื้อเค้กยังสยดสยองยิ่งกว่า ด้านนอกแข็งกระด้างเกินไป และที่ด้านในยังไม่สุก เหนียวติดฟัน และยังมันเลี่ยนมาก อย่างที่คิดเลย นี่น่าจะเป็นเพราะว่าอบที่อุณหภูมิต่ำนานเกินไป ไม่อย่างนั้นด้านนอกก็คงไม่ไหม้และด้านในก็คงสุกดี เดี๋ยวก่อนนะ เธอใช้แป้งขนมปัง? เธอไม่รู้หรือไงว่าอบเค้กก็ต้องใช้แป้งเค้ก?”

ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะวิจารณ์มันยับ เขาก็ยังกินเค้กเกือบครึ่งก้อนเข้าไปอย่างรวดเร็ว เห็นเฉินเกอมีความสุขมากเจ้าแมวขาวก็สงสัย แต่พอมันชะโงกเข้าไปหาเค้ก มันก็ถูกดันกลับเข้าไปในกระเป๋า “ครีมไม่ดีต่อตัวแก เมื่อถึงวันเกิดของแก ฉันจะทำเค้กอาหารแมวให้แทน”

เฉินเกอไม่สนใจการดิ้นรนประท้วงของเจ้าแมว เฉินเกอเช็ดปาก หิ้วกระเป๋าออกไปจากห้องพักพนักงาน งานเลี้ยงวันเกิดใช้เวลาไปพักหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้กินเวลาแผนการคืนนี้ของเฉินเกอนัก เขาค้นหาทุกอย่างที่ทำได้เกี่ยวกับดวงตาข้างซ้ายแล้ว และเขาก็วางแผนจะไปดูสักหน่อยในคืนนี้

ออกจากสวนสนุกนิวเซนจูรี่แล้วเฉินเกอก็รออยู่ที่ริมถนนอยู่เป็นนานแต่ว่าไม่มีแท็กซี่ผ่านมาเลยสักคัน คนขับแท็กซี่ในจิ่วเจียงดูเหมือนจะเห็นพ้องต้องกัน– อย่าไปที่สวนสนุกนิวเซนจูรี่หลังเที่ยงคืน และอย่ารับผู้โดยสารจากที่นั่น

“โชคไม่ดี รถเมล์ของฉันตอนนี้ติดอยู่หลังประตูในเมืองหลี่ว่าน”

หลังจากเดินไปอีกสองถนน ในที่สุดเฉินเกอก็ได้เจอแท็กซี่คันหนึ่ง หลังจากขึ้นรถ เขาก็บอกที่อยู่ “คุณครับ ผมต้องการไปที่บ้านพักตากอากาศเขาหยงหลิงครับ”

“เขาหยงหลิง?” คนขับงุนงงไปครู่หนึ่ง “มีบ้านพักตากอากาศที่นั่นด้วย?”

“ทำไมคุณไม่เปิด GPS ดูล่ะครับ?” เฉินเกอนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน– นั่นเป็นสิ่งที่ในอินเตอร์เนตบอกมา

“ชื่อเต็มของที่นั่นล่ะ?” คนขับรถพิมพ์คำว่าเขาหยงหลิง แต่ว่า GPS นั้นไม่แสดงสถานที่ที่เรียกว่าเป็นบ้านพักตากอากาศเขาหยงหลิง

“ชื่อเต็ม…” เฉินเกอหรี่ตา เขามองสองสามชื่อที่ปรากฏขึ้นบน GPS– สถานีเติมน้ำมันเขาหยงหลิง ตลาดดอกไม้เขาหยงหลิง ฮอลิเดย์วิลล่าเขาหยงหลิง “อย่างนั้นพวกเราไปฮอลิเดย์วิลล่าเขาหยงหลิง”

“หือ? คุณเลือกปลายทางง่าย ๆ อย่างนี้เลย?” คนขับรถมองเฉินเกอผ่านกระจกมองหลัง เขารู้สึกเหมือนคุ้น ๆ หน้าเฉินเกอ และเรื่องผีที่เล่ากันอยู่ในกลุ่มเพื่อนฝูงของเขาก็ผ่านเข้ามาในใจ ติดเครื่องยนต์แล้วพวกเขาก็ออกรถไป ประมาณครึ่งชั่วโมง แสงไฟในเมืองก็เริ่มห่างหายไป มีเงาใหญ่โตอยู่ที่ปลายถนน และนั่นก็น่าจะเป็นภูเขาหยงหลิงจิ่วเจียงตะวันตก

ตามที่ GPS บอก แท็กซี่น่าจะไปถึงที่หมายในไม่ช้าแล้ว คนขับกำพวงมาลัยรถไว้แน่น เขาเปิดปากจะพูดคุยกับเฉินเกออยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขาก็ยอมแพ้ในนาทีสุดท้าย เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไม– บางทีผู้ชายที่เบาะหลังนี่อาจจะดูเข้าถึงยากเกินไป

หลังจากแท็กซี่ขึ้นเขามา แสงไฟรอบ ๆ พวกเขาก็หายไปหมด ผู้คนน้อยนักที่จะมาที่นี่ตอนกลางคืน ดังนั้นที่นี่จึงดูเวิ้งว้างว่างเปล่า หลังจากขับต่อไปอีกประมาณห้านาที GPS บนโทรศัพท์ของคนขับก็บอกว่า “พวกเรามาถึงปลายทางแล้ว”

รถจอดอยู่บนถนน และรอบด้านพวกเขาก็มีแค่ความมืด บางครั้งยังมองเห็นเงาพร่ามัวของกิ่งก้านต้นไม้แกว่งไกวอยู่ในความมืดและเสียงใบไม้ขยับไปตามสายลม มือของคนขับที่กำพวงมาลัยรถอยู่นั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ และใบหน้าของเขาก็ซีด ‘การเดินทาง’ ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกของเขาเลยสักนิด

“พวกเรามาถึงแล้ว GPS บอกว่าที่นี่คือฮอลิเดย์วิลล่าภูเขาหยงหลิง” คนขับหันหน้ากลับไปมองเฉินเกออย่างกระอักกระอ่วน เปลือกตาของเขากระตุกไม่หยุด เขากลัวว่าคนน่าสงสัยที่เบาะหลังนี่จะจู่ ๆ ก็ดึงอาวุธออกมายึดรถของเขาไป

“นี่คือฮอลิเดย์วิลล่า? ไม่มีตึกอะไรเลย นี่มันที่ร้างชัด ๆ” ด้วยดวงตาหยินหยางของเขา เฉินเกอสามารถมองเห็นในความมืดได้ เขาพบว่าพวกเขาถูกป่าล้อมเอาไว้ “คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้โกหกผม? คุณขับรถพาผมมาที่ไหนก็ไม่รู้ตอนกลางดึก?”

“ทำไมคุณถึงมาสงสัยผมได้เล่า? คุณครับ ผมก็ตาม GPS มาเนี่ยแหละ!” คนขับรถเปิดไฟทุกดวงขึ้น แต่แสงไฟก็ยังไม่สามารถขับไล่ความหวาดกลัวในใจของเขาได้

“งั้นก็ได้” เฉินเกอจ่ายค่าโดยสาร คว้ากระเป๋าแล้วลงจากรถ เขาเปิดไฟฉายที่บนโทรศัพท์ เขาเดินไปตามถนนและเห็นทางเล็ก ๆ ที่มีพุ่มไม้โตล้ำเข้ามาบังมุ่งหน้าตัดผ่านป่านี้ไป “ฉันต้องเข้าไปลึกอีกงั้นเหรอ? ฮอลิเดย์วิลล่าเขาหยงหลิงอยู่ข้างในนั่น? ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนว่าที่นี่ร้างมานานแล้วล่ะ?”

เฉินเกอหันกลับไปหวังจะถามคนขับรถเรื่องนี้ แต่ตอนที่หันกลับไปนั้นเขาก็เห็นคนขับรถเลี้ยวรถแล้วเร่งความเร็วลงเขาไปเท้าเหยียบนิ่งอยู่บนคันเร่ง

“ที่นี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ในเมื่อพึ่งพาคนอื่นไม่ได้ เฉินเกอก็ต้องเชื่อในตัวเอง เขายกโทรศัพท์ขึ้นแล้วเดินไปตามทาง เขาเดินอยู่สองสามนาทีก่อนที่ตรงหน้าจู่ ๆ จะเปิดกว้างออก เฉินเกอมองเห็นกำแพงเตี้ย ๆ แถวหนึ่งและสิ่งก่อสร้างที่มีสถาปัตยกรรมแปลกตาสองสามหลัง

“ฮอลิเดย์วิลล่า? ใครจะมาที่นี่เพื่อใช้เวลาวันหยุดกัน? ที่นี่ดูเหมือนบ้านผีสิงของฉันมากกว่าอะไรทั้งนั้น” วันหยุดนั้นมีไว้เพื่อผ่อนคลาย ไม่ใช่เพื่อให้หัวใจวาย ยิ่งเฉินเกอเดินเข้าไปหาที่นั่น เขาก็ยิ่งงุนงง

“ตำแหน่งถูกบันทึกเอาไว้ใน GPS แต่มันเหมือนว่าที่นี่จะถูกคนหลงลืมไปนานแล้ว ฉันอยากรู้ว่ามันยังเปิดบริการอยู่หรือเปล่า” ถนนเต็มไปด้วยหลุมและรอยแตก ต้นไม้ที่ด้านข้างนั้นรกและระเกะระกะ พวกมันต้องการการดูแลให้ดีกว่านี้มาก ๆ

กำแพงนั้นก็มีเถาวัลย์ไต่ และยังบังตัวอักษรที่บนกำแพงไปหมด เฉินเกอหาดูอยู่นานกว่าจะเจอทางเข้าวิลล่าที่อยู่ห่างไปประมาณสิบเมตร บนประตูเหล็กสนิมกรังนั้นมีป้ายเขียนเอาไว้ว่าห้ามเข้า และที่ข้าง ๆ กันนั้นเป็นตู้จดหมายทำจากไม้สีน้ำตาลเข้ม

“ทุกวันนี้ยังมีคนใช้ตู้จดหมายอยู่อีกหรือ?” ป้ายไม้และตู้จดหมายนั้นเป็นงานทำมือทั้งคู่ ชิ้นงานนั้นหยาบและยังไม่เข้ากันกับรูปแบบของที่นี่เลยสักนิด

“ตัวอักษรที่บนป้ายนั้นอ่านง่ายและลวดที่มัดมันเอาไว้บนประตูนั้นยังไม่มีสนิมขึ้น ดังนั้นนี่จะเป็นของใหม่” เฉินเกอพยายามดึงประตูเหล็กเปิด บานพับลั่นเสียงดังและเมื่อเขาผลักแรงขึ้น ประตูเหล็กก็เปิดออกตามแรงของเขา