เนื้อหาจากคำพูดของเชียนเย่เสวี่ยมากมายยิ่งนัก ทำให้อวี้ซิงฉงเริ่มตามไม่ทัน
“ช้าก่อน! เจ้าบอกว่าเยียนเอ๋อร์ก็แต่งงานแล้ว?”
สำหรับเรื่องการกลับมา การแต่งงานและมีลูกของอวี้เชียนเสวี่ยนั้น อวี้ซิงฉงไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ลุงสามอายุอานามไม่น้อย จึงควรจะแต่งงานตั้งนานแล้ว
แต่สำหรับเยียนเอ๋อร์นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ทั้งตระกูลอวี้ คนที่อวี้ซิงฉงเป็นห่วงมากที่สุดก็คืออวี้เฟยเยียน
ฟังจากน้ำเสียงของอีกฝ่าย อวี้เฟยเยียนไม่เพียงแต่แต่งงาน ทั้งยังเดินทางมาที่อู๋โยวอีกด้วย ดังนั้นอวี้ซิงฉงจึงเกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย
เยียนเอ๋อร์มีอุปสรรคทางด้านร่างกาย แล้วนางจะเดินทางมาที่เมืองอู๋โยวได้อย่างไร ทั้งๆ ไร้ซึ่งวรยุทธ์? แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน? จะเป็นอันตรายหรือไม่? ยังมีอีกเรื่อง คนชุดดำตรงหน้ายังบอกอีกว่าน้องเขยคนนี้เขารู้จักเสียด้วย ใครกันนะ?
“สามีของเยียนเอ๋อร์คือใคร?”
เมื่อเชียนเย่เสวี่ยเอ่ยชื่อ ‘ซย่าโหวฉิงเทียน’ สี่คำนี้ออกไป อวี้ซิงฉงยังคิดไปว่าตนเองกำลังตกอยู่ในความฝันด้วยซ้ำไป จึงไม่ทันได้ฟังให้ชัดเจน
“เจ้าบอกว่าหลินเจียงอ๋องคนนั้น? คนนั้น…”
ดาวโชคร้าย?!
ไม่จริงกระมัง!
ทำไมเยี่ยนเอ๋อร์ถึงแต่งงานกับเขาได้? ท่านปู่รู้เรื่องหรือไม่? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!
คราวนี้ ทำเอาอวี้ซิงฉงร้อนใจจนแทบจะบ้า
น้องสาวของเขาเรียบร้อยน่ารักตลอดมา นิสัยอ่อนโยนชอบเก็บตัว นางได้หมั้นหมายกับซย่าโหวหนานไปแล้วมิใช่หรือ? แล้วมาถูกตาต้องใจซย่าโหวฉิงเทียนได้อย่างไร? ซย่าโหวฉิงเทียนคือบุคคลอันตราย ช่วงเวลาที่เขาจากบ้านมานั้น อู๋โยวเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!
หรือว่าซย่าโหวฉิงเทียนบีบบังคับแย่งชิงนางมา?
ไม่ได้ เขาจะต้องปกป้องเยียนเอ๋อร์!
ทำหน้าท่าทางของอวี้ซิงฉงเปลี่ยนเป็นอย่างนั้นทีอย่างนี้ที เชียนเย่เสวี่ยจึงกอดอกพิงกำแพงรอคอยเขาอยู่ข้างๆ
นางรู้มาตั้งนานแล้วว่าพี่ชายน้องสาวคู่นี้ผูกพันกันยิ่งนัก อวี้ซิงฉงหวงน้องสาวอย่างกับอะไร ตอนนี้ได้มาเห็นกับตา ไม่ผิดจากที่คิดเลยจริงๆ
จนปัญญา ใครใช้ให้ชื่อเสียงหรือความโหดเ**้ยมของซย่าโหวฉิงเทียนลือกระฉ่อนเล่า
ให้เป็นใครหากได้ยินเรื่องนี้เข้า คงไม่มีทางวางใจในตัวน้องเขยเช่นนี้ได้หรอก
“นี่ อวี้ซิงฉง ท่านควรจะใจเย็นสักหน่อยนะ! อย่างน้อยก็ช่วยกันคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อนจะดีกว่า!”
มองดูชายหนุ่มหน้าหล่อเอาแต่เดินไปเดินมาราวกับหนูติดจั่นอยู่ในคุกใต้ดิน ด้วยสีหน้าหนักอกหนักใจ ปากก็พึมพำอะไรคนเดียวอยู่เป็นนาน เชียนเย่เสวี่ยก็อดไม่ด้ที่จะต้องเอ่ยปากเตือน
คนผู้นี้เข้าสู่สภาวะต้องการปกป้องน้องสาวอย่างเต็มตัว คิดว่าคงจะจินตนาการว่าซย่าโหวฉิงทียนเป็นศัตรูไปเรียบร้อยแล้วกระมัง…
ได้ยินคำของเชียนเย่เสวี่ย ในที่สุดอวี้ซิงฉงก็สงบสติอารมณ์ลงได้
ไม่ไปจากสกุลสุ่ย แล้วจะปกป้องน้องสาวได้อย่างไรกัน!
“บนตัวพวกเขาไม่มีกุญแจของคุกใต้ดินเสียด้วย ข้าเลยช่วยท่านไม่ได้”
เชียนเย่เสวี่ยใช้เท้าเตะไปที่ร่างของทหารยามสองคนที่นอนอยู่บนพื้น
“ท่านรู้ไหมว่ากุญแจอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่สุ่ยเจ๋อซี”
เมื่อเอ่ยถึงสุ่ยเจ๋อซี ก็ทำให้อวี้ซิงฉงคิดถึงสุ่ยเยว่เอ๋อร์ ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะเป็นห่วงเขาขนาดไหนแล้ว และหลังจากที่ได้รู้ข่าวคราวของสุ่ยเยว่เอ๋อร์จากเชียนเย่เสวี่ย พลันอวี้ซิงฉงก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
เขาถูกจองจำมาเกือบเดือน จึงไม่รู้เรื่องที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์ถูกพิษแม้แต่น้อย
“เยว่เอ๋อร์ถูกพิษ? เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร! ใครทำ? พวกท่านต้องช่วยชีวิตเยว่เอ๋อร์ให้ได้นะ! นางเป็นหญิงที่ดีคนหนึ่ง!”
ความเป็นห่วงเป็นใยของอวี้ซิงฉงที่มีต่อสุ่ยเยว่เอ๋อร์ เชียนเย่เสวี่ยรับรู้ทุกอย่างผ่านสายตาทุกอย่าง ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องทอดถอนใจออกมา
ซ่าซ่า ข้าหาพี่ชายของเจ้าเจอแล้ว นี่เขายังหาสาวงามอันดับหนึ่งให้มาเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าอีกด้วย! ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนกัน? ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน!
“วางใจเถอะ วิชาแพทย์ของเฮ่ออี้สูงส่ง!”
เชียนเย่เสวี่ยให้สัญญา
คนตาบอดยังรู้เลยว่าอวี้ซิงฉงและสุ่ยเยว่เอ๋อร์เป็นคนรักกัน แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภาระหน้าที่ของเชียนเย่เสวี่ยและตี้อู่เฮ่ออี้จึงยิ่งหนักหน่วงมากขึ้น
อย่างน้อยเชียนเย่เสวี่ยก็เป็นถึงปรมาจารย์ แต่ตี้อู่เฮ่ออี้กลับเป็นเพียงหมอที่มีวรยุทธ์เพียงหางอึ่งเท่านั้น
แล้วจะพาคนตั้งสองคนหนีออกไปจากสกุลสุ่ยได้อย่างไร นี่นับเป็นปัญหาใหญ่!
ลำพังเพียงแค่ขโมยกุญแจคุกใต้ดินจากประมุขของบ้านก็น่าปวดหัวพออยู่แล้ว!
เชียนเย่เสวี่ยคุยกับอวี้ซิงฉงอยู่อีกพักใหญ่ ก็ได้รู้ว่าบัดนี้เขาสำเร็จถึงขั้นจอมปราชญ์อาวุโสแล้ว ส่วนสุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็สำเร็จถึงปรมาจารย์ขั้นปลาย ทำให้เชียนเย่เสวี่ยมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอกีระดับหนึ่ง
วรยุทธ์ของพวกเขาไม่ด้อย โอกาสที่จะหนีออกไปได้สำเร็จก็มีมากขึ้นอีกหลายส่วน!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เชียนเย่เสวี่ยจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ให้อวี้ซิงฉงเขียนเป็นจดหมายถึงสุ่ยเยว่เอ๋อร์ นางจะได้เชื่อถือในเชียนเย่เสวี่ย
ก่อนไป เชียนเย่เสวี่ยยังได้มอบยาบางส่วนให้กับอวี้ซิงฉงไว้ใช้ในยามจำเป็น
จนกระทั่งเชียนเย่เสวี่ยออกมาจากคุกใต้ดิน นางก็คลำทางท่ามกลางความมืดกลับถึงห้องพักจนได้
“เสวี่ย เป็นอย่างไร?” นับตั้งแต่ที่เชียนเย่เสว่ยออกไป ตี้อู่เฮ่ออี้ก็หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ตลอดเวลา เขาเจ็บใจยิ่งนักที่ตนเองวรยุทธ์อ่อนด้อย จึงช่วยเหลือเชียนเย่เสว่ยไม่ได้ ทำได้เพียงแค่รอคอยด้วยความร้อนใจเท่านั้น ซึ่งตี้อู่เฮ่ออี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการรอคอยด้วยความเป็นห่วงใครสักคนนั้นเวลามันจะยาวนานและยากลำบากถึงเพียงนี้
“คนที่ถูกจองจำอยู่ในคุกใต้ดินคือพี่ชายของซ่าซ่าจริงๆ!” เชียนเย่เสวี่ยเล่าเรื่องราวทุกอย่างโดยละเอียดให้กับตี้อู่เฮ่ออี้ได้ฟังอีกครั้ง
“เรื่องนี้ เราจะต้องวางแผนให้รัดกุม!”
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถ้ำเสือ หากเทียบกันในเรื่องของวรยุทธ์แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสุ่ยเจ๋อซีอย่างแน่นอน
วรยุทธ์สู้ไม่ได้ พวกเราก็เหลือแต่ใช้สติปัญญาเข้าสู้กับสุ่ยเจ๋อซีแล้ว
เชียนเย่เสวี่ยปลอมตัวเป็นคุณชายเจ้าสำราญมาได้ตั้งหลายปีโดยที่ไม่มีใครจับได้ ดังนั้นนางจึงมีความมั่นใจในสติปัญญาของตัวเองเป็นอย่างมาก
เชียนเย่เสวี่ยและตี้อู่เฮ่ออี้ปรึกษาหารือเรื่องแผนการกันจนดึกดื่น กระทั่งถึงเวลาที่เตรียมจะเข้านอนนั่นเองถึงได้พบว่าภายในห้องมีเตียงเพียงเตียงเดียว
“ข้า ข้านอนเก้าอี้รับรอง!” ตี้อู่เฮ่ออี้พูดไปก็หน้าแดงไป
เรื่องนี้ เชียนเย่เสวี่ยเปิดกว้างยิ่งนัก นางจัดแจงเหวี่ยงตี้อู่เฮ่ออี้ขึ้นไปบนเตียงทันที
“นี่มันเวลาอะไรกันแล้ว เจ้ายังมาทำเหนียมอายให้ใครดูกัน? นอนตรงนั้นจะสบายได้อย่างไร? หากว่าอ่อนเพลียไม่สดชื่นจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร! ข้าเป็นผู้หญิงยังไม่ถือสา เจ้าจะเขินอายไปอีกทำไม!”
แม้ว่าจะเคยชินเสียแล้วกับความเป็นหญิงแกร่งของเชียนเย่เสวี่ย แต่ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ยังมีรับไม่ไหวอยู่บ้าง
ยังไม่ทันแต่งงานก็นอนเตียงเดียวกันกับผู้ชายเสียแล้ว อย่างนี้ชื่อเสียงของฝ่ายหญิงมิป่นปี้หมดแล้วหรอกหรือ?
“ทำเช่นนี้ ไม่…ไม่ค่อยดีกระมัง!” ใบหน้าขาวเรียวของตี้อู่เฮ่ออี้แดงราวกับลูกตำลึงสุก
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาและเชียนเย่เสวี่ยปฏิบัติตัวตามความถูกต้องมาโดยตลอด การร่วมเรียงเคียงหมอนเดียวกันเช่นนี้ นี่นับเป็นครั้งแรก!
“หึ…”
เชียนเย่เสวี่ยยิ้มร้าย ขณะที่มองไปยังตี้อู่เฮ่ออี้ที่กำลังใบหน้าแดงก่ำ
“เจ้าทึ่ม เจ้ามิได้กำลังเสียใจภายหลัง ไม่อยากจะแต่งงานกับข้าแล้วใช่ไหม! ข้าจะบอกอะไรเข้าให้นะ ชีวิตนี้เจ้าไม่มีทางสลัดข้าหลุดได้! ข้าจะกินเจ้าอย่างแน่นอน!”
เชียนเย่เสวี่ยตวัดเพียงครั้งเดียวก็ผลักตี้อู่เฮ่ออี้ไปนอนแองแม้งอยู่บนเตียงได้สำเร็จ จากนั้นนางก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างตนเองและเขาเอาไว้
“นอนเถอะ! หากว่าเจ้าไม่อยากให้เกิดอะไรอย่างว่าขึ้นละก็ รีบหลับตาเสีย! มิฉะนั้น…ข้าไม่รับประกันนะว่าจะเข้าหอกับเจ้าล่วงหน้าหรือเปล่า——”
เชียนเย่เสวี่ยเป่าลมที่ข้างใบหูของตี้อู่เฮ่ออี้เบาๆ แล้วจึงดับตะเกียง
ความรู้สึกซ่าบซ่านที่ใบหูทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้กำเสื้อตัวในของตัวเองไว้แน่น ไม่ยอมขยับเขยื้อน
แม่เจ้า น่าหวาดกลัวที่สุด! หญิงแกร่งกลายร่างเป็นนักเลงสาวในชั่วพริบตา เข้ายังไม่อยากเสียตัวก่อนแต่งงานหรอกนะ!
รอจนกระทั่งได้ยินลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนข้างกายดังแว่วมา ตี้อูเฮ่ออี้ถึงได้วางใจ
หญิงสาวที่ชอบมานอนอยู่ข้างกาย แล้วกลิ่นกายเฉพาะตัวของนางก็ล่องลอยเข้ามาปะทะจมูกของตี้อู่เฮ่ออี้ไม่ขาดสาย ทำให้เขาจิตใจกวัดแกว่งฟุ้งซ่านโดยไม่รู้ตัว