อีกตัวหนึ่ง

 

เฉินเจียเหยา จูเจียนฮัว และเฉินฮงได้รู้ซึ้งถึงความแตกต่างของเจ้าหนูทั้งสามตัวนี่กับหนูบ้านธรรมดาเรียบร้อยแล้ว

ต่อให้มีผู้คนมากมายเลี้ยงหนูแบบนี้ไว้เป็นสัตว์เลี้ยง แต่รับรองว่าไม่มีหนูตัวไหนที่จะชอบน้ำเป็นชีวิตจิตใจแบบนี้

ต่อให้เรียกเจ้าหนูสามตัวนี้ว่าหนูน้ำก็ยังไม่แปลกเลยซักนิด

ดูเหมือนพวกมันมีชีวิตอยู่ในน้ำไม่ใช่แค่ชอบเล่นน้ำแบบธรรมดาทั่วไปเพราะพวกมันไม่มีทางอยู่ในน้ำได้นานแบบเจ้าหนูสามตัวนี้แน่นอน แถมยังว่ายน้ำได้เหมือนปลาซะอีก

 

“พวกมันเจ๋งมากเลย ต้องมีหลายๆคนชอบเจ้าหนูสามตัวนี้แน่ๆ” จูเจียนฮัวพูดออกมาอย่างมีความสุข

 

“ถ้าเอาไปโชว์ละก็ต้องเป็นที่สนใจของผู้คนมากมายแน่นอนเลย” เฉินเจียเหยาเองก็ดูมีความสุขไม่แพ้กัน

 

“ถ้างั้นก็พาพวกมันสามตัวไปได้เลย” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าเจ้าหนูสามตัวนี้คือหนูที่เป็นตัวทดลองในการกินชาถังเข้าไป

หลังจากนั้นมันจึงกลายเป็นหนูที่มีความสามารถพิเศษแบบนี้

ซูจิ้งจึงไม่ได้ละทิ้งพวกมันไปแต่เขาก็ไม่ได้อยากดูแลพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน เอาจริงๆเขาก็ไม่ได้ชอบหนูแบบนี้นัก

เพราะว่าพวกมันชอบขโมยอาหารและแพร่เชื้อโรค เหมาะสมแล้วที่จะส่งให้สวนสัตว์เลี้ยงไปจัดการดูแลต่อ

 

“คุณซู แล้วคุณยังมีตัวอื่นอีกรึเปล่า” เฉินเจียเหยาถามออกมา

 

“ไม่มีแล้ว” ซูจิ้งส่ายหัว

 

“ฉันคิดว่าเต่าตัวนี้ก็ไม่เลวนะ นายเลี้ยงเจ้าเต่าแบบนี้ด้วยหรอ ถ้านายไม่อยากเลี้ยงแล้วก็ให้เราเอาไปโชว์ได้นะ” จูเจียนฮัวยืนอยู่ริมสระว่ายน้ำแล้วเขาชี้ไปที่เต่าที่อยู่กลางสระ

 

“ห้ะ นี่นายมองเห็นมันเป็นเต่าจริงดี” ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออก ความจริงสระนี้ซูจิ้งเอาไว้ให้เขาและฉือฉิงว่ายน้ำเท่านั้น

แต่เจ้าเต่าที่เขาขุดออกมาจากขยะห้วงเวลาฯจูเซียนถือวิสาสะยึดเอาไว้หลังจากที่เขาเอามารักษาที่นี่แต่มันดันติดใจซะอย่างนั้น

ตอนแรกพอเขารู้ว่าเจ้านี่คือเต่าพันธุ์หายากและบาดเจ็บอยางหนักก็คิดเพียงแค่เอามารักษาก่อนค่อยหาที่อยู่ให้มันใหม่ ตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ยอมแพ้ปล่อยเลยตามเลยไป

 

“อ้าว มันไม่ใช่เต่าหรอ” เมื่อจูเจียนฮัวเริ่มสังเกตุถึงความแปลกประหลาดของมันทำให้เขาตกใจขึ้นมา

 

“ไหนขอดูหน่อยสิว่าเต่าอะไร” เฉินเจียเหยาเริ่มสนใจเลยเพ่งมองดูบ้าง

 

“ไหนๆ แน่นอนว่ามันเป็นเต่า หืม เดี๋ยวนะ” เฉินฮงเองเมื่อเห็นมันได้ชัดขึ้น

เขานั้นเพ่งมองแบบตาไม่กระพริบในขณะที่เจ้าเต่านั้นว่ายน้ำอย่างสบายใจเชิบ

เมื่อเขาเห็นได้ชัดขึ้น สายตาของเขาเบิกกว้าง เขาขยี้ตาตัวเองก่อนที่จะมองดูอีกที

เขาพูดมาอย่างพยายามทำใจร่มๆว่า “พระเจ้า นั่นมันเต่า….”

 

“เต่างั้นหรอ” เฉินเจียเหยาเองก็รูสึกโง่งมขึ้นมา

หลังจากนั้นเขาคิดสักพักก่อนที่จะนึกได้ว่ามันคือเต่าอะไร เขาเองก็ถึงกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ปู่ เจ้าเต่านี้ใช่ตัวที่ปู่เคยบอกว่าเหลือแค่สามตัวบนโลกไม่ใช่หรอ”

 

“เจ้าก้อนยักษ์นั่นหายากขนาดนั้นเลยหรอ” จูเจียนฮัวถึงกับโง่งมเมื่อได้ยิน

 

“เคยมีอยู่สาม แต่ตัวหนึ่งที่อยู่ที่เวียดนามตายไปพักใหญ่แล้ว ตอนนี้เหลืออีกแค่สองตัวบนโลกเท่านั้น

อาจิ้งนี่นายขโมยมาจากสวนสัตว์ที่ชางชาหรือที่ซูโจวกันเนี่ย นายทำอย่างนี้ได้ยังไง

ต่อให้นายตายไปก็ไม่สามารถชดใช้ความผิดนี้ได้นะ” เฉินฮงพูดออกมาด้วยความโกรธ

 

“ปู่ อย่ากังวลไปเลย เมื่อเหล่าสรรพสัตว์มาอยู่ในมือซูจิ้ง ไม่มีวันที่พวกมันจะตายได้ง่ายๆหรอก

สุขภาพของมันจะดีวันดีคืนด้วยซ้ำ คุณซูน่าจะพามาเพราะว่ามันป่วยมากกว่านะ” เฉินเจียเหยาเองพยายามแก้ต่างให้

 

“นี่คุณเอาสมองส่วนไหนพูดออกมาเนี่ย ไปลองเช็คในอินเตอร์เนตก่อนไป เจ้าเต่าทั้งสองตัวนั่นสมควรมีการถ่ายทอดสดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ใช่หรอ มันหายไปรึไงกัน” ซูจิ้งเห็นทั้งสองออกตัวแบบออกนอกหน้า เขาเลยสวดกลับไปหนึ่งบท

 

เฉินเจียเหยาและจูเจียนฮัวเมื่อได้ยินดังนั้นจึงได้ลองเช็คดูด้วยมือถือ ปรากฎว่าเจ้าเต่าสองตัวที่ว่ายังอยู่ดีที่สวนสัตว์ทั้งสองแห่ง แถมยังมีทัวร์นักท่องเที่ยวพยายามถ่ายรูปมันอย่างตื่นเต้นเสียด้วยซ้ำ

 

“พระเจ้า อย่าบอกว่านี่คือเต่าตัวที่สาม” เฉินฮงมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

 

“คุณซู คุณไปได้มันมาจากไหนเนี่ย” เฉินเจียเหยาเองก็ถามออกมาพลางจ้องไปอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน

 

“ไปจับมาได้จากในป่ากลางภูเขาน่ะ” ซูจิ้งใช้นิ้วเกาจมูกระหว่างตอบออกไป

 

“ถ้าเจ้านี่ออกไปสู่สายตาชาวโลกจะต้องเป็นที่ฮือฮาแน่ๆ จิ้ง นายอย่าขายเจ้าเต่านี่เลยนะ มันค่อนข้างเสี่ยงเพราะผิดกฎหมาย” เฉินฮงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นในขณะที่จ้องมองเต่าด้วยสายตาไม่กระพริบ

 

“เฮ้อออออ แล้วใครบอกผมจะขายกัน มันบาดเจ็บอยู่ ตอนผมเจอมันก็บาดเจ็บหนักเลยพามารักษาเท่านั้น แน่นอนว่าโลกภายนอกไม่มีทางรู้หรอกตราบใดที่พวกคุณเก็บความลับนี้ไว้” ซูจิ้งพูดออกมา

 

หลังจากได้ยินซูจิ้งพูด เฉินฮงก็เบาใจขึ้นมา เขายังมองเจ้าเต่าว่ายน้ำอย่างสบายใจเฉิบ

แม้แต่เฉินเจียเหยาและจูเจียนฮัวเองก็มองอย่างสนใจ จูเจียนฮัวพลางคิดไปว่าน่าจะเอาเจ้าเต่านี่ไปโชว์ไม่ได้แหงๆเพราะเป็นถึงสมบัติที่เหลือเพียงสามตัวบนโลกใบนี้

 

สวนสัตว์เลี้ยงดูแลไม่ไหวแน่นอน

 

“อาจิ้ง เจ้าเต่านี่คงไม่ไหวอ่ะ ฉันว่านายลองหาสัตว์ตัวอื่นมาให้พวกเราเพิ่มก็ดีนะ

ถึงแม้เจ้าหนูสามตัวนั่นจะไม่เลวแต่ก็ยังไม่พออยู่ดี” จูเจียนฮัวพูดออกมา

ทันใดนั้นเขาก็เห็นสัตว์ตัวหนึ่งขนฟูๆคล้ายกระรอก มีหูใหญ่เหมือนกระต่าย

เขาเห็นมันวิ่งขึ้นบันไดมา เขาจ้องมันตาไม่กระพริบ เขาก็ว่าเขามาที่นี่บ่อยแล้วแต่ทำไมไม่เคยเห็นมันเลย

เขาคิดว่าเจ้านี่น่าจะเหมือนกับเจ้าหนูสามตัวนั่น แต่ทันทีที่เขาพูดออกมาซูจิ้งรีบยกมือมาอุดปากเขาไว้

 

ไม่ทันที่เจ้าสัตว์ตัวนั้นจะวิ่งผ่านไปพ้นสายตา

สิ้นคำของจูเจียนฮัวทำให้เจ้าหนูหูกางนั่นหยุดกึก

พร้อมหันมามองและจ้องด้วยความโกรธ

ด้วยการที่มันเป็นสัตว์สงคราม(สัตว์ที่มีสติปัญญา)เจ้าหนูนี่เข้าใจจูเจียนฮัวทุกคำพูด

ทันใดนั้นมันสูดลมเข้าปากทันที

 

“ฮ่าฮ่าดูสิเจ้านี่เหมือนจะโกรธนะ” จูเจียนฮัวพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ฮ่าฮ่า ช่างน่ารักซะจริง” เฉินเจียเหยาเองก็พูดด้วยรอยยิ้มออกมา

 

“บิงบิง หยุดนะ….” ซูจิ้งหน้าเปลี่ยนสีทันทีพร้อมตะโกนออกไป

แต่ก็สายไปเสียแล้ว บิงๆเปิดปากออกปล่อยไอเย็นออกมาในทันที มันพ่นไอเย็นไปทางจูเจียนฮัว

จูเจียนฮัวในตอนนี้มีสภาพที่เข็งเหมือนโดนแช่แข็งในห้องฟรีซตู้เย็น

เขาหายใจสั่นละรัว หลังจากนั้นก็หงายหลังล้มลงไป

 

ซูจิ้งรีบเข้าไปช่วยเหลือเขาในทันทีด้วยเวทมนต์สัมผัสแห่งใบไม้ผลิ

เฉินเจียเหยาและเฉินฮงต่างมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความโง่งม พระเจ้านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

โชคยังดีที่เวทมนต์ความเย็นนี้มีพลังไม่มาก ถึงแม้จะมีผลแช่แข็งแต่มันก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างช้าๆทำให้เขาพอจะจัดการได้ทัน

หลังจากนั้นไม่นานจูเจียนฮัวก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ

 

ซูจิ้งพลางนึกขึ้นมาว่าบิงๆช่วยสอนบทเรียนแก่เขาเลยทีเดียว

ต่อให้หมอนี่จะตัวเล็กแค่ไหนแต่ยังไงซะมันก็ยังเป็นสัตว์สงคราม(มีสติปัญญา)

และเขาเองก็เพิ่งจะเริ่มทำพันธะสัญญาและยังไม่ได้ฝึกหมอนี่ซักเท่าไหร่ทำให้ยังคงหลงเหลือสัญชาตญานแห่งสัตว์สงครามอยู่

ดีไม่ดีต่อให้ฝึกอย่างดีแล้วก็อาจจะยังคงเผลอหลุดสัญชาตญาณป่าออกมาได้อยู่ดี

ในตอนนี้บิงบิงเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าได้เผลอทำสิ่งที่ไม่ดีออกไป มันมองซูจิ้งด้วยท่าทางสำนึกผิด

ตอนนี้มันช่างดูน่าสงสารอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อจูเจียนฮัวได้สติเต็มที่แล้ว เขาไม่คิดว่าเจ้าหนูหูกองตัวนี้น่ารักอีกต่อไป

เขาถามออกมาด้วยความรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า “อาจิ้ง นี่นายเลี้ยงตัวอะไรกันแน่เนี่ย”

 

ซูจิ้งนึกซักพักก่อนจะพูดออกมาว่า “ถ้าจะให้พูดล่ะก็มันก็เป็นสัตว์จำพวกกระรอกก็ว่าได้ล่ะมั้ง

มันหายากมากๆและไม่มีทางที่จะได้พบเจอมันง่ายๆ มันมีความสามารถในการปล่อยไอเย็นออกมาแบบเครื่องปรับอากาศแต่รุนแรงกว่า

คล้ายๆกับพวกปลาไหลไฟฟ้ากับแมลงตดนั่นแหล่ะ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลยสักนิด(เสียงสูง)

พวกนายจะตกใจทำไมกัน”

 

ทั้งเฉินฮง เฉินเจียเหยา และจูเจียนฮัวในตอนนี้เหลือกตามองซูจิ้งในทันที เชื่อเขาก็บ้าแล้วล่ะ

ต่อให้เด็กสามขวบมาเห็นก็ยังบอกได้เลยว่าเจ้าหนูนี่ไม่ได้ธรรมดาสามัญอย่างที่ซูจิ้งบอกเลยซักนิด

ซูจิ้งเองก็พูดความจริงไม่ออกเลยต้องอธิบายไปแบบมั่วๆ เขาเองก็ไม่ได้พยายามอธิบายเพิ่มเติมแต่อย่างใด

เขาคงได้แต่โทษตัวเองเท่านั้นที่มัวแต่วุ่นๆเลยยังไม่ได้สอนบิงๆให้ทำตัวดีๆซักหน่อย

แต่อย่างน้อยๆเขาก็มั่นใจได้อย่างนึงว่าทั้งสามคนนี้ไม่เอาเรื่องที่พบเจอทั้งหมดนี่ไปพูดที่อื่นแน่นอน