จุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

 

เฉินฮงได้นำเพชรทั้งสามไปยังโรงประมูลฯ ส่วนเฉินเจียเหยาและจูเจียนฮัวก็ได้นำเจ้าหนูสามตัวกลับไปยังสวนสัตว์เลี้ยงโดยมีซูจิ้งตามไปด้วย

เนื่องจากวันนี้ซูจิ้งยังไม่มีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำเขาเลยตัดสินใจไปฝึกสัตว์ซักหน่อย

เขาใช้เวลาฝึกสัตว์ที่สวนสัตว์เลี้ยงไปประมาณสองชั่วโมงจึงกลับบ้าน

หลังจากกลับมาแล้วเขาได้ทำการศึกษาสิ่งที่ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯต่อ นั่นก็คือลวดลายเวทมนต์และสมุดบันทึกของจอมเวทย์

 

วันนี้สำหรับซูจิ้งแล้วถือเป็นวันที่สุดแสนธรรมดาที่ดูสบายๆ เช่นเดียวกับอีกหลายๆคนในเมืองจงหยุน ในตอนเที่ยงวันในลานทิ้งขยะแห่งหนึ่งในเมือง มีคนสองสามคนกำลังคุ้ยขยะอยู่

 

ลานทิ้งขยะแห่งนี้ช่างสกปรกและมีกลิ่นเหม็นลอยคลุ้งไปทั่ว แม้แต่คนธรรมดายังไม่อยากจะผ่านเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย

ต่อให้คุณมั่นใจว่าสามารถทนกลิ่นเหม็นได้แค่ไหนแต่มั่นใจได้เลยว่าคุณจะไม่อยากเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้แน่นอน

แต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ หรือคนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเข้ามาคุ้ยขยะในลานทิ้งขยะแห่งนี้

พวกเขาอาศัยการหาของที่ยังพอมีคุณค่าแล้วนำไปขายแลกกับเงินเพียงน้อยนิด

นอกซะจากว่าจะโชคไม่ดีจริงๆวันนั้นคุณจะได้ไม่เกินร้อยหยวน บอกได้เลยว่าคนพวกนี้ต้องใช้โชคยิ่งกว่าเสี่ยงโชคซื้อลอตเตอรี่ซะอีก

 

หลิวดาจูเป็นชายที่ถูกไล่ออกจากงาน เขาอายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบปี ร่างกายของเขาอ่อนแอและกำลังป่วย

ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ทำให้ไม่มีที่ไหนอยากได้เขาเข้าไปทำงาน เขานั้นเคยแต่งงานและมีลูกคนหนึ่ง

แต่ด้วยการที่ติดการพนันทำให้ภรรยาทิ้งเขาไปโดยพาลูกชายของเขาไปด้วย

ตอนนี้เขาเหลือตัวคนเดียวพร้อมทั้งมีหนี้สินก้อนโตอยู่แต่ก็เท่านั้นเพราะด้วยสภาพของเขาตอนนี้ไม่มีทางเคลียหนี้สินได้อยู่แล้ว

แค่เอาตัวรอดไปวันๆยังยากเลย

 

ในทุกวันเขาได้แต่เพียงวาดฝันว่าจะได้เจอแจ๊คพอตได้รวยเป็นเศรษฐีดูไบ หรือไม่ก็มีพวกทวงหนี้ซักคนมาแทงเขาให้ตายๆไปซะ เพราะตอนนี้เขานั้นเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตมากแล้ว

 

เขาได้หยิบบุหรี่ที่ถูกสูบไปแล้วครึ่งตัวที่อยู่กับพื้นขึ้นมาและเป่าลมใส่มันเล็กน้อย ถึงแม้มันจะดูสกปรกแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจมันแม้แต่น้อย

เขาคาบมันไว้พลางหยิบไม่ขีดไฟขึ้นมาจุดมัน เขาสูบมันอย่างสบายอารมณ์ เสียสุขภาพรึ น่ารังเกียจรึ

เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นแม้แต่น้อย

 

เขาได้สังเกตุเห็นว่ามีกองขยะกองหนึ่ง มันเป็นกองที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้แสดงว่ามันเพิ่งถูกเทลงมาเมื่อไม่นานมานี้

เขารีบเดินเข้าไปเพื่อจะคุ้ยหาในทันทีเพราะว่ายิ่งกองขยะใหม่เท่าไหร่นั่นหมายความว่ายังมีของให้เขาสามารถหาได้มากเท่านั้น

ที่นั่นเขาเจอชายวัยกลางคนผอมจนเนื้อติดกระดูกอยู่คนหนึ่งที่ท่าทางดูแล้วไม่ต่างไปจากเขาแม้แต่น้อย พวกเขาต่างจ้องกันและกันโดยไม่พูดอะไรออกมาซักคำ

 

หลิวดาจูรู้สึกกดดันเล็กน้อย เขารู้สึกได้ทันที่ว่าต้องมีอะไรแปลกๆเพราะเขานั้นอยู่ที่นี่มานานและคนตรงหน้าเขานั้นดูไม่ปกติเลยซักนิด

ทันได้นั้นชายคนนั้นก็ได้กรีดร้องออกมานั่นทำให้หลิวดาจูตกใจกลัวในทันที

 

“ห่าเหวอะไรวะเนี่ย มันเป็นอะไรของมันกัน” หลิวดาจูรู้สึกอารมณ์เสียทันทีพร้อมพูดออกมาด้วยความโกรธ

เขาได้เห็นว่าชายร่างผอมตรงหน้ามีอะไรบางอย่างทิ่มอยู่ที่มือข้างขวา เขานั้นดูไม่ออกเหมือนกันว่ามันเป็นหิน หรือเหล็ก มันดูแบนๆ

แต่ที่แน่ๆคือมันเหมือนกับหักทิ่มคาอยู่ที่มือของชายคนนั้น มันเหมือนกับเขาโดนทิ่มในขณะที่กำลังใช้มือคุ้ยหาขยะเมื่อครู่นี้

 

“ฮ่าฮ่า แกสมควรโดนแล้วล่ะ” หลิวดาจูรู้สึกยินดียิ่งที่เห็นความโชคร้ายของคนที่อยู่ตรงหน้า บอกได้เลยว่าคนตรงหน้าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ที่เสียอย่างมากจนคาดไม่ได้เลยทีเดียว

 

“อ๊า…” ชายร่างผอมคนนั้นได้แสดงท่าทางกลัวความเจ็บปวดออกมาเมื่อมองไปที่มือของตน

และตอนนี้ใบหน้าของขาแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด และหวาดกลัว

เขาพยายามจะใช้มือซ้ายดึงสิ่งที่ทิ่มแทงอยู่บนมือขวาของเขา หลังจากที่เขาดึงมันออกแล้วเขวี้ยงเจ้าสิ่งนั้นเข้าไปในกองขยะ

หลังจากนั้นได้หยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าแล้วทำการซับเลือดที่ไหลออกจากแผลที่บาดเจ็บ หยิบเศษผ้าที่ดูสะอาดนิดหน่อยมาพันทับทิชชู่เพื่อห้ามเลือดเอาไว้

 

ความจริงแล้วถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติเรื่องแค่นี้แค่ทำแผลธรรมดาก็จบไปแล้ว แต่สำหรับครั้งนี้มันต่างออกไป

สำหรับชายร่างผอม ตอนนี้เขารู้สึกได้ทันทีว่าหัวเขาเริ่มวิงเวียนและตาเขาเริ่มลายไปหมด

กว่าที่เขาจะตั้งตัวได้เขาก็หมดสติไปแล้ว ตอนนี้เขามีอาการน้ำลายฟูมปาก ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า

และตาแหลือกจนขาวโพลน

 

“ฉิบละ ไอ้บ้านี่ป่วยงั้นหรอ” หลิวดาจูตกตะลึงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เขาหันไปมองไปรอบตัวแล้วเดินออกมา เขานั้นไม่อยากจะมีปัญหา และก็ไม่อยากจะเรียกรถพยาบาลเพราะเขาไม่ใช่คนดีขนาดนั้น

 

หลังจากเดินออกมาได้สักพัก หลิวดาจูได้ยินเสียงแปลกๆมาจากข้างหลังของเขาและเงียบลงไป

ทำให้เขารู้สึกแปลกๆเลยหันไปดู คราวนี้เมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาแทบจะกระโดดออกมาจากตรงนั้นด้วยความกลัว

สิ่งที่เขาเห็นบอกได้เลยว่าเขานั้นจะไม่ลืมมันไปตลอดชีวิต เขานั้นเห็นชายร่างผอมเริ่มเน่าเละอย่างรวดเร็ว แม้แต่ใบหน้าในตอนนี้ก็ไม่เหลือเค้าลางเดิมอีกต่อไป

 

ร่างกายของชายผอมในตอนนี้บวมเป็นลูกบัลลูนและมีลมพุ่งฟู่ออกมา หลังนั้นเพียงไม่ถึงนาทีชายร่างผอมได้กลายเป็นของเหลวสีโคลน

เหมือนอย่างน้ำเกิดจากขยะเปียกที่ทิ้งค้างไว้ในครัว แม้แต่กระดูกและอวัยวะภายในก็ไม่เหลือให้เห็น

ถ้ามีคนมาเห็นสภาพตอนนี้ก็บอกได้เลยว่าไม่คิดว่าจะกองน้ำที่อยู่ตรงหน้านี้เคยเป็นคนมาก่อนแน่นอน

 

หลิวดาจูในตอนนี้หน้าซีดเผือด แข้งขาอ่อนแรงไปหมด เขานั้นอยากจะรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วแต่ขาของเขาไม่ยอมฟังคำสั่งแม้แต่น้อย

หัวใจของเขาเองก็รู้สึกหวิวจนแทบจะเหลวเป็นน้ำได้เลย เขาพูดกับตัวเองออกมาว่า “เกิดอะไรขึ้น เกิดห่าเหวอะไรขึ้นวะเนี่ย”

 

หลิวดาจูได้ปลุกแรงเฮือกสุดท้ายออกมา เขาใช้มือดันดัวเองขึ้นจากพื้นแล้วพยายามหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

แต่ทันใดนั้นเหมือนสมองของเขามีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา สิ่งที่เขาคิดได้นั่นคือเจ้าแผ่นเหล็กนั่นและโอกาสหาเงิน

 

หลิวดาจูได้คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่หัวสมองดีอะไร และไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกับชายร่างผอมคนนี้

ถึงแม้จะเคยเห็นบ่อยๆแต่เขาก็แค่คนธรรมดาแต่อยู่ดีๆเขาก็ลงไปกองกับพื้นแล้วเปลี่ยนสภาพกลายเป็นโคลนตมแบบนี้ มันต้องเกิดอะไรซักอย่างที่ไม่ปกติมากๆ

และความเป็นไปได้ที่เขานึกออกคือเจ้าแผ่นอะไรบางอย่างนั่นจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน

 

หัวใจของหลิวดาจูในตอนนี้เต้นอย่างระส่ำระสายและชีพจรเองก็เต้นเร็วไม่แพ้กัน

แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้คิดเรื่องบ้าๆออกมาได้เรื่องหนึ่งออกมา เขานั้นเกิดมาและมีชีวิตด้วยความยากแค้นและใกล้ตายอย่างแน่นอนแล้ว

เขาจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ

ถ้าเขาใช้ไอ้เจ้าแผ่นบ้าๆนั่นหาผลประโยชน์ล่ะก็ ไม่มีใครทำอะไรเขาได้เพราะเขาสามารถฆ่าใครก็ได้แทบจะในทันที

 

หลิวดาจูพยายามข่มความกลัวของตนเอง เขาเดินไปเดินมาทั่วบริเวณ แม้กระทั่งย่ำลงไปบนกองเลือดเน่าๆนั่น ไม่นานเขาก็พบเจ้าแผ่นที่เขาเห็นเต็มไปด้วยเลือด นั่นทำให้เขานั้นรู้สึกอยากจะอ้วกในทันที

 

เขานั้นหันไปมองรอบๆจนเห็นขวดๆหนึ่ง เขาจึงได้เอาปากขวดไปจ่อกับเจ้าแผ่นนั่นแล้วใช้ไม้เขี่ยเจ้าแผ่นนั่นเข้าไปในขวด เขารอดูซักพักหนึ่งพอเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง

 

เขาได้ทำการสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์โนเกียรุ่นเก่ามากๆออกมาและทำการโทรหาใครคนหนึ่ง

 

“หลิวดาจู ฉันไม่คิดว่าแกจะเป็นคนโทรมาหาเองเลยนะเนี่ย นี่แกจะจ่ายเงินคืนฉันงั้นหรอ”

 

“ลูกพี่ไบครับ ผมนั้นไม่มีเงินหรอก แต่ผมได้ของน่าสนใจมาชินหนึ่ง ลูกพี่ต้องลองดูด้วยตาของตัวเองนะ ผมคิดว่ามันทีค่ามากกว่าแสนหยวนแน่นอน” หลิวดาจูพูดออกไป

 

“อะไรล่ะ”

 

“ผมบอกไม่ได้ครับ ลูกพี่จะได้รู้เมื่อลูกพี่เห็นมันด้วยตาตัวเอง แต่เชื่อได้เลยว่าผมไม่ทำให้ลูกพี่ต้องผิดหวังน่านอน”

 

“ถ้าแกเล่นตุกติกกับฉันล่ะก็ ฉันจะทำให้แกร้องขอความตายแน่นอน”

 

“ลูกพี่ไบ ผมจะไปกล้าเล่นตุกติกกับพี่ได้ไงล่ะ ถ้าผมทำก็เหมือนผมไม่อยากจะมีชีวิตอยู่น่ะสิ”

 

“ก็ดี ถ้าแกว่าอย่างนั้นก็ไปเจอกันที่เก่าวันพรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้าแล้วกัน”

 

“ได้ครับ” หลิวดาจูได้วางสายลง ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นและหวั่นใจในเวลาเดียวกัน เขาจับขวดที่อยู่ในมือให้กระฉับไว้เหมือนจะกลัวขวดนั้นหลุดมือหล่นแตก

เขามองกลับไปที่แอ่งเลือดที่เน่าดำอยู่บนพื้นก่อนที่จะหาไม้มาเขี่ยกองขยะกลบมันจนหมด แล้วเขาก็เดินจากไป