ไป๋ซู่เย่ซื้อที่ตรวจครรภ์กลับไปยังคอนโดห้องเดี่ยวของตัวเองโดยไม่ได้เลือกกลับจงซัน

 

 

ไม่ได้กลับมานานในห้องยิ่งเงียบเหงา สงบไร้เสียงราวกับเหลือเพียงเธอในโลกใบนี้ ได้ยินแค่เสียงหายใจของเธอ

 

 

เธอวางกุญแจรถลงเดินเข้าไปในห้องน้ำ สองนาทีหลังจากนั้นนั่งอยู่บนฝาชักโครกมองสองขีดแดงที่ขึ้นตรงที่ตรวจครรภ์ เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นไปพักใหญ่

 

 

เธอท้องแล้ว…

 

 

ท้องลูกของเย่เซียว…

 

 

แต่เดิมทีควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีแต่ว่า…

 

 

เธอกอดเข่าแน่นให้ตัวเองงอตัวเป็นก้อน รอบข้างเย็นไปหมด ความเย็นนั้นแล่นริ้วขึ้นมาจากฝ่าเท้าซึมเข้าผิวหนังของเธอก่อนจะแผ่ไปที่หัวใจของเธอ

 

 

เย็นวาบไปทั้งหัวใจ…

 

 

เธอนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนถูกดูดวิญญาณออกจากร่าง

 

 

ไม่รู้นั่งอยู่นานเพียงใดถึงได้สติกลับมา เธอเดินออกจากห้องน้ำในสภาพร่างไร้วิญญาณ ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าซึ่งแสดงตรงหน้าจอว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากไป๋หลางหลายสาย เธอไม่มีใจที่จะโทรกลับแค่โทรไปหาเลขาเฉิน

 

 

“เลขาเฉิน ช่วยฉันเอาคิวที่โรงพยาบาลสักที่นอกจากโรงพยาบาลเป้ยซือหยวนที” เธอได้ยินน้ำเสียงตัวเองที่ราบเรียบเกินคาด เรียบเสียจนผิดปกติ

 

 

 “อา ได้ค่ะ แต่ว่าแผนกไหนคะ?”

 

 

 “สูตินรีเวช”

 

 

 “…” เลขาเฉินมึนไปชั่วขณะ พักหนึ่งถึงตอบรับหลังได้สติกลับคืนมา แต่ไป๋ซู่เย่ได้วางสายไปแล้ว

 

 

ฉะนั้น…

 

 

เธอไม่ได้พูดเหลวไหล รัฐมนตรีไป๋ท้องจริงๆ ?!แต่พ่อของเด็กคือใครกัน!

 

 

…………………………

 

 

ไป๋ซู่เย่วางสายไปรีบเปิดยาในห้องเทขวดยานอนหลับและยาต้านโรคซึมเศร้าออกมาทั้งหมด

 

 

เม็ดยาสีขาวสีเหลืองสาดกระจายเต็มโต๊ะไปทั่วอาณาบริเวณ สภาพวุ่นวายไปหมด

 

 

เธอพลิกคู่มือมาอ่าน

 

 

ห้ามหญิงตั้งครรภ์ใช้

 

 

ประโยคสั้นๆ ที่ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร ราวกับมีดคมทิ่มแทงดวงตาของเธอ ทิ่มจนตาเธอแดงระเรื่อ

 

 

เธอรู้ รู้มาโดยตลอด…

 

 

ยาพวกนี้เดิมก็มีผลเสียต่อร่างกายมนุษย์มากอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเด็กในครรภ์ล่ะ?

 

 

เธอล้มตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง มือหนึ่งกอดหมอนข้างอย่างสิ้นหวังส่วนอีกมือกดท้องน้อยไว้เพียงรู้สึกเจ็บขึ้นมาติดๆ

 

 

เธอกลับหาสาเหตุไม่ได้ว่าเจ็บตรงไหน หรือจะพูดได้ว่ามีส่วนไหนที่เธอไม่เจ็บบ้าง?

 

 

เด็กคนนี้…เป็นลูกของเธอกับเย่เซียว จะรอดไหม? เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด

 

 

…………

 

 

นอนไม่หลับไปอีกคืน

 

 

ในที่สุดก็ทนถึงฟ้าสว่างได้เธอลุกจากเตียงล้างหน้าแปรงฟัน ปฏิทินที่แขวนบนกำแพงเรียกให้เธอหยุดชะงักฝีเท้า

 

 

อีกแปดวัน ก็คือวันแต่งงานของเขากับน่าหลัน…

 

 

เธอก้มมองหน้าท้องแบนเรียบของตัวเองแวบหนึ่ง

 

 

เธอคิด หากเย่เซียวรู้ว่าตัวเองท้อง อย่างน้อยจะไม่แต่งงานกับน่าหลันหรือไม่? ต่อให้พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่แต่งงานกับคนอื่น…

 

 

แม้ว่าการเอาลูกที่ยังไม่เกิดเป็นหมากจะดูหน้าไม่อายไปหน่อย แต่เธอกลับหักห้ามใจที่เห็นแก่ตัวนั่นไม่ได้…

 

 

หากแต่เงื่อนไขคือเด็กคนนี้ต้องมีชีวิตอยู่รอด…

 

 

ไป๋ซู่เย่ตัดบทความคิดตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้าและพกยาที่ใช้มาช่วงระยะหนึ่งออกจากบ้านไป ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เจาะเลือดไปถึงอัลตร้าซาวด์ก็แทบจะใช้เวลาทั้งเช้าของเธอไป

 

 

ขณะที่กำลังรอผลเธอนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ทางเดินยาวแสนเงียบเหงาของโรงพยาบาล คอยมองคู่สามีภรรยาข้างกายด้วยท่าทางที่มีทั้งผิดหวังและมีความสุข

 

 

วินาทีนี้ต่อให้พวกเขาจะผิดหวัง ร้องไห้ เธอกลับมีความรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก

 

 

อย่างน้อยพวกเขาต่างมีกันและกัน…

 

 

 “หมายเลข 2302 ไป๋ซู่เย่!” เสียงพยาบาลดังขึ้นบนทางเดินยาวเรียกสติเธอกลับมา ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องตรวจของคุณหมอ

 

 

คุณหมอสูติสรีเวชเป็นคุณหมอสูงวัยท่านหนึ่งและมากประสบการณ์

 

 

 “อืม เด็กใกล้จะครบหกสัปดาห์แล้ว คุณมีความคิดยังไงบ้าง? ท้องแรกฉันแนะนำให้คลอดดีกว่า แฟนหนุ่มของคุณล่ะ? พวกคุณเคยปรึกษากันหรือเปล่า?”

 

 

ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าลึกพยายามเอ่ยปากพูดอย่างใจเย็น “ฉันไม่มีแฟนค่ะ”

 

 

คุณหมอมองเธอแวบหนึ่ง คล้ายว่าไม่รู้สึกแปลกใจกับสถานการณ์อย่างเธอ แค่ดันแว่นตาบนสันจมูกหน่อยๆ พลิกดูผลตรวจทั้งหมดแล้วกล่าวอีก“ค่าโปรเจสเตอโรนของคุณค่อนข้างต่ำ วันมะรืนมาตรวจดูค่าฮอร์โมน HCG จะคลอดหรือไม่คลอดยังไงก็ต้องรีบเตรียมไว้ก่อน ถ้ารอเด็กโตอีกนิด จะผ่าตัดยาก”

 

 

ไป๋ซู่เย่พยักหน้าน้อยๆ พลางล้วงขวดยาจากกระเป๋ามาวางตรงหน้าคุณหมอเบาๆ

 

 

คุณหมอหยิบไปดูอย่างสงสัยแวบหนึ่งก่อนที่สีหน้าจะตึงเครียดขึ้น

 

 

 “ยาพวกนี้…” เธอมองมาทางไป๋ซู่เย่แล้วถาม

 

 

 “ตลอดหนึ่งเดือนนี้ฉันกินแทบทุกวัน”

 

 

 “ถ้างั้นก็แย่แล้ว ยาพวกนี้มีผลร้ายแรงต่อเด็กในท้อง อ่ะ แค่ยาต้านโรคซึมเศร้านี้ของคุณ โดยปกติแล้วคุณหมอที่จ่ายยาให้ต้องเตือนคุณไว้แล้วว่าสามเดือนหลังใช้ยาห้ามมีลูก”

 

 

ไป๋ซู่เย่หายใจติดขัดขึ้นเล็กน้อย “ฉะนั้นเด็กคนนี้…”

 

 

 “มะรืนมาวัดค่า HCG เถอะ” คุณหมอถอนหายใจ “จากอาการตอนนี้ฉันก็ให้คำตอบแน่ชัดไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงคุณต้องเตรียมใจไว้ล่วงหน้า ในเมื่อคุณใช้ยานี้ในปริมาณที่มากเกินไป”

 

 

……

 

 

ไป๋ซู่เย่ออกมาจากโรงพยาบาลในสภาพมึนๆ งงๆ ข้างนอกหิมะโปรยปราย เธอมองโลกที่ไร้ชีวิตชีวานิ่ง ชั่วขณะกลับไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรต่อ

 

 

หนึ่งวันหลังจากนั้นเธอผ่านทุกนาทีมาด้วยความทรมานที่ยากยิ่งกว่าอะไร

 

 

วันที่สามหลังตรวจเสร็จกลับไปที่คุณหมอคนเดิม

 

 

 “คุณกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเตรียมผ่าตัดดีกว่า” คุณหมอเปิดผลตรวจส่งมาตรงหน้าเธอ “ปกติค่า HCG จะต้องเท่าตัว การเจริญเติบโตของเด็กถึงจะไม่มีปัญหา แต่ค่า HCG ของคุณไม่ปกติ ไม่ขยับสักนิด นั่นหมายความว่าเด็กในท้องคุณไม่มีการเจริญเติบโตอย่างปกติ”

 

 

 “งั้นมียาหรือเข็มอะไรที่ช่วยเพิ่มค่า HCG มั้ยคะ? คุณหมอ ขอแค่เก็บเด็กคนนี้ไว้ จะให้ฉันลำบากแค่ไหน เจ็บแค่ไหน ฉันก็ยอม!” เป็นครั้งแรกที่เธอร้อนรนมากขนาดนี้ ร้อนเสียจนกุมมือคุณหมอ

 

 

คุณหมอถอนหายใจส่ายศีรษะ “เราไม่เคยจ่ายยานี้ให้คนไข้มาก่อนเพราะมันช่วยอะไรไม่ได้ ต่อให้พึ่งยาสังเคราะห์ที่ช่วยเพิ่มค่า HCG เด็กในท้องคุณจะถูกกำจัดทิ้งหรือเปล่า ปัญหาอยู่แค่จะเร็วหรือเช้าเท่านั้น”

 

 

ต่อให้เตรียมใจมาอย่างดี แต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ พอได้รู้ผลแบบนี้ไป๋ซู่เย่ยังรู้สึกเจ็บปานใจจะขาด

 

 

ดวงตาแดงก่ำโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

 

 

เธอมองคุณหมออย่างไร้ที่พึ่ง ถามนิ่งๆ “ไม่มี…วิธีอื่นที่จะช่วยเก็บเด็กไว้จริงๆ หรือคะ?”

 

 

ประโยคที่ถามปนสะอื้น

 

 

คุณหมอเองก็สงสารแต่มันช่วยไม่ได้ “สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้คือดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ปรับสภาพจิตใจและอารมณ์ของคุณเพื่อที่ว่าตอนที่ลูกคนต่อไปมา ร่างกายคุณจะเป็นเปลนอนที่แข็งแรงให้กับลูกคนต่อไปได้ ถ้าอารมณ์ซึมเศร้าตลอดเวลา ต่อให้ท้องอีกก็ส่งผลกับเด็กอย่างมากเหมือนกัน”

 

 

…………………………