ดังนั้น…
หมดหนทางจะช่วย
ไป๋ซู่เย่แทบจะออกมาจากโรงพยาบาลในสภาพตัวโงนเงน
พักใหญ่ที่เธอนั่งเหม่อบนรถ ดวงตาว่างเปล่ามองกลุ่มคนสัญจรไปมาตรงหน้า ไม่รู้ว่ามองอย่างไร้จุดหมายแบบนี้นานเท่าไร มองจนน้ำตาแห้งเหือดถึงหลุดจากภวังค์
คุณหมอได้นัดเวลาทำแท้งเธอในอีกหกวันข้างหน้า
ช่างบังเอิญ
วันนั้นเป็นวันที่เขาแต่งงานกับคนอื่นพอดี…
นึกถึงเย่เซียวน้ำตาของไป๋ซู่เย่กลับไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่อีกครั้ง
น้ำตาเม็ดโตหล่นใส่พวงมาลัย เธอร้องไห้เหมือนเด็กน้อยที่ไม่ได้รับความยุติธรรม คนที่เดินขวักไขว่ข้างนอกมองเข้ามาทางหน้าต่างอย่างสงสัยและชี้นิ้วมาทางเธออย่างฉงน แต่เธอกลับไม่คิดจะสนใจว่าตัวเองในตอนนี้จะสภาพแย่ขนาดไหน อารมณ์พังทลายอย่างสิ้นเชิง
สุดท้าย…
พวกเขาก็ไร้บุญวาสนา…
แม้แต่ลูกของเขา เธอยังปกป้องไม่ได้…
……………………
เธอขับรถกลับไปที่คอนโดห้องเดี่ยวของตัวเอง
ถึงหน้าประตูไป๋หลางกำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น
เธอชะงักไปครู่ จากนั้นพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเรียบนิ่งดังเดิม
“คุณกลับมาสักที ผมรอคุณตั้งนานแล้ว” ไป๋หลางลุกขึ้นยืน
“นายมาได้ยังไง?” เธอเปิดประตู
“กลัวคุณหิวตายเลยซื้อผักมาทำกับข้าวให้คุณ ซาบซึ้งมากใช่มั้ย?” ไป๋หลางยิ้มตาหยีมองเธอ เธอร้องไห้จนดวงตาทั้งคู่แดงก่ำปูดโปนเหมือนลูกวอลนัท ไป๋หลางยังไม่กล้าถาม
ไป๋ซู่เย่ฉีกปากน้อยๆ“ใช่ ซาบซึ้งใจ นายเข้ามาสิ ฉันเหนื่อยแล้ว ขอพักสักแป๊บหนึ่ง”
เธอวางกุญแจรถยนต์ไว้ตรงหน้าประตูก่อนเจ้าตัวจะเข้าไปก่อน ไป๋หลางมองแผ่นหลังเธอพลางรู้สึกว่าเหมือนตัวเธอจะลอยๆ ราวกับวินาทีถัดไปจะหายตัวไป
“รัฐมนตรี ตอนเที่ยงเราดื่มน้ำซุปไก่กันดีกว่า ผมซื้อไก่ดำมาให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ คุณป้าขายไก่ที่ตลาดบอกว่าคนท้องทานอันนี้ดีมาก คุณผอมเกินไป ต้องบำรุงดีๆ สักหน่อยแบบนี้ลูกถึงจะได้แข็งแรง” ไป๋หลางว่าไปก็ยกถุงเล็กถุงใหญ่เข้าไปในห้องครัวของเธอ
ไป๋ซู่เย่ทิ้งตัวลงบนโซฟา เสสายตาว่างเปล่าไปนอกหน้าต่าง ได้ยินเสียงพูดไม่หยุดหย่อนของเขาผ่านไปครู่ใหญ่ถึงพูดขึ้นมาเรียบๆ “ห้าวันหลังจากนี้นายไปที่โรงพยาบาลกับฉันหน่อยสิ”
“ได้ ไม่มีปัญหา” ไป๋หลางตอบรับทันควันก่อนจะถามตามหลัง “ไปตรวจอะไรงั้นเหรอ?”
“ช่วยเซ็นเอกสารให้ฉันหน่อย”
“เซ็น?” ไป๋หลางนิ่งไปอึดใจ จากนั้นถึงจับผิดปกติได้ วางของทุกอย่างลงเดินออกมาจากห้องครัว “เซ็นอะไร?”
“ทำแท้ง คุณพ่อของเด็กต้องเซ็น…นายมาเถอะ” เธอใช้แรงมหาศาลถึงห้ามไม่ให้ตัวเองสะอื้นออกมา หลับตาแรงเพื่อสกัดกลั้นน้ำใสในตาแล้วกล้ำกลืนทุกความรู้สึกลงท้องพร้อมกัน
ไป๋หลางขมวดคิ้ว “คุณจะเอาเด็กออก?!”
“…อืม”
“คุณ…คุณคิดดีแล้วเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ไม่ออกเสียงอีก คิดดี? มีทางเลือกให้เธอได้คิดดีหรือ? เธอ ไม่มีทางเลือก
“แต่เรื่องนี้ผมคิดว่าต้องไตร่ตรองอีกที” ไป๋หลางนั่งลงตรงข้ามเธอ “รัฐมนตรี คุณต้องถามเย่เซียวก่อนหรือเปล่า? ผมเซ็นให้คุณเพื่อเอาลูกเขาออก เกิดเขารู้เข้าไม่แน่เขาจะมาฆ่าผมได้”
“นายมีเบอร์เย่เซียวมั้ย?”
เธอต้องบอกเย่เซียวก่อนจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรเขาเป็นพ่อของเด็ก ต่อให้เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้เขาก็ต้องรู้เรื่อง
“ผมไม่มี แต่ขอคุณหมอถังได้ เขามี”
ไป๋ซู่เย่พยักหน้า “ฉันรู้แล้ว ฉันจะหาถังซ่งเอง แล้วคุยกับเย่เซียวให้รู้เรื่อง”
ความจริงไป๋หลางอยากจะเกลี้ยกล่อมให้เธอคิดใหม่อีกทีแต่ความจริงเกลี้ยกล่อมไปก็เปล่าประโยชน์
เธอเป็นคนที่มีสติแยกแยะมากกว่าผู้หญิงทั่วไปมาก หากเธอได้ตัดสินใจในเรื่องใดจะต้องผ่านการพิจารณามาอย่างดี คนนอกพูดมากเท่าไรก็ไม่มีความหมาย
ยิ่งไปกว่านั้น…
เขาเย่เซียวอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงาน หากเด็กคนนี้คลอดมาแล้วจะอยู่ที่ใด?
ไป๋หลางคิดๆ แล้วก็ทำใจไม่ได้ รอได้สติกลับมาอีกทีพบว่าเธอเอียงตัวหลับบนโซฟาไปแล้ว อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าเกินพิกัดทำให้ครั้งนี้สามารถหลับได้โดยไม่พึ่งยา
เธอดูโทรมเหลือเกิน ใต้ตามีขอบตาสีดำกว้าง
ไป๋หลางส่ายศีรษะ ผู้หญิงที่ดื้อรั้นต้องการเอาชนะมากขนาดไหนความจริงในใจก็อ่อนแอไม่แพ้ใคร
……………………
รอไป๋ซู่เย่ได้เบอร์โทรจากถังซ่งก็เป็นห้าวันหลังจากนั้น
พรุ่งนี้คือวันที่เธอต้องทำแท้ง และเป็น…วันแต่งงานของเย่เซียว
คืนนี้บอกเขาไม่นับว่าสาย
เธอจ้องเบอร์ยาวที่ถังซ่งส่งมาให้ตัวเอง คล้ายตัดสินใจแล้วถึงกดเบอร์ทีละตัวๆ
ทุกหมายเลขล้วนทำให้นิ้วเธอสั่นเทาอย่างรุนแรง
…………
อีกฟากหนึ่ง
เย่เซียวมองโทรศัพท์ที่ยังคงไร้การติดต่อมาใดๆ แวบหนึ่งด้วยแววตาเย็นชาและหม่นหมอง
วันสุดท้าย…
วันสุดท้าย สุดท้ายทุกการรอคอยและความคาดหวังของเขาก็สูญเปล่า!
เขาแพ้เช่นเดิม…
นี่เป็นการพนันที่ไม่มั่นใจมากตั้งแต่เริ่ม แต่เขากลับไม่คิดว่าตนจะพ่ายแพ้ได้ยับเยินขนาดนี้จนวินาทีสุดท้าย
วันนั้นทั้งที่เธอบอกคิดถึงเขามาก เขาคิดว่าอย่างน้อยเธอต้องสนใจเขาบ้าง…
ไม่มากก็น้อย
แต่สุดท้ายเธอได้พิสูจน์ให้เขาอีกครั้งว่าในโลกของเธอไม่จำเป็นต้องมีเขาก็ได้…
หน้าอกอึดอัดแทบหายไม่ออก เขาโยนโทรศัพท์ไว้บนเตียงแรงๆ ถอดเสื้อผ้าหมุนตัวไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ เขาต้องให้ตัวเองมีสติหน่อย
……
คืนนี้น่าหลันมีความสุขมาก
ต่อให้ผู้ชายคนนั้นไม่รักเธอ แต่การได้แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองชื่นชม อารมณ์แบบนี้มันกระโดดโลดเต้นจนยากจะอธิบาย
เธอลองสวมชุดแต่งงานในห้องครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่งอาชิงโผล่หัวมาบอกเธอ “คุณหนู คุณหญิงมาแล้ว”
“งั้นเหรอ? งั้นเธอก็อย่ามัวชักช้า รีบถอดชุดแต่งงานให้ฉันเร็ว”
อาชิงยิ้มร่ารีบวิ่งเข้ามา
ผ่านไปสักพักรอน่าหลันออกจากห้องก็เห็นคุณแม่เย่เซียวนั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น
“คุณป้า” เธอทักทายเสียงเบา
คุณแม่เย่ถึงได้เงยหน้าขึ้นยิ้มให้น่าหลันที “วันมะรืนก็ต้องเปลี่ยนคำเรียกแล้ว”
ใบหน้าน่าหลันแดงเถือก
“มานี่ มาทานบัวลอยถ้วยนี้สิ รูปร่างกลมๆ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” น่าหลันเชื่อฟังอย่างดีและทานบัวลอยไป คุณแม่เย่แหงนมองชั้นบนที “เย่เซียวหลับไปแล้วเหรอ?”
“น่าจะยัง แต่คืนนี้ไม่เห็นเขาออกมาเลย”
คุณแม่เย่ถอนหายใจ “หลายวันนี้เขาดูมีเรื่องให้หนักใจมากเลย และไม่ค่อยทานอะไร บัวลอยถ้วยนี้หนูก็เอาไปส่งให้ที่ห้องเขาแทนป้าแล้วกัน”
ว่าถึงนี่ก็หยุดเว้นช่วง “ในเมื่อหนูจะเป็นภรรยาของเขาแล้วก็ช่วยเกลี้ยกล่อมเขาแทนคุณป้าที ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ให้เขาปล่อยวางใจให้สบายหน่อย ฉันกับเด็กนี่แยกจากกันหลายปี มีหลายเรื่องที่ยังไม่รู้”
………………………