“ทำไมคุณถึงถามอย่างนั้น?” ผู้ชายคนนั้นถือไม้เท้าเอาไว้และอยากจะรักษาระยะห่างจากเฉินเกออยู่บ้าง แต่ว่าเขาอ่อนแรงเกินไปและไม่สามารถดิ้นหนีได้

“เพื่อนของผมหายตัวไปในโรงละครนี่ ดังนั้นผมจึงอยากจะย้อนรอยเท้าเขาและดูว่าจะเจอเงื่อนงำอะไรไหม” เฉินเกอพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ขณะยืนอยู่ในความมืดและกวาดตามองไปทั่วโรงละคร ที่นั่งหลายแถวนั้นสูงไม่เท่ากัน มองไปแล้วก็เหมือนเงามากมายกำลังยืนหรือไม่ก็นั่งอยู่

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณมาที่นี่ตอนตีสองและต้องการให้ผมเปิดหนังให้คุณดู?” ถึงจะไม่มีข่าวลือน่ากลัวพวกนั้น ผู้ชายคนนี้ก็ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนธรรมดาคนไหนทำตัวเหมือนเฉินเกอ มาที่โรงละครร้างในตอนกลางดึกเพื่อดูหนัง

“ผมไม่ได้บ้าและรู้ดีว่าผมกำลังทำอะไรอยู่” เฉินเกอส่องไฟฉายบนโทรศัพท์ไปที่อุปกรณ์ต่าง ๆ “ถ้าคุณไม่สะดวก ทำไมคุณไม่สอนผมล่ะว่าต้องทำยังไงแล้วให้ผมทำเอง?”

เฉินเกอนั้นเป็นคนที่ขยันเรียนรู้ เขาจะไม่ยอมเสียโอกาสที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลให้เขาครอบครอง ‘ทักษะ’ หลายอย่าง

“คุณจำเป็นต้องไตร่ตรองสิ่งที่คุณจะทำให้มาก ๆ สิ่งที่ผมบอกคุณก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่นิทาน– มันคือความจริง” เปลือกตาของเขาสั่น– ผู้ชายคนนี้มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ เขาวางไม้เท้าลงที่ด้านข้างแล้วเริ่มยื่นมือออกไปคลำที่บนโต๊ะอย่างมืดบอด จากนั้นเขาก็ขยับช้ามาก ๆ และไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เฉินเกอยืนมองเขาอยู่ข้าง ๆ และยิ่งเขามองชายคนนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

มือของเขานั้นคล่องแคล่วเกินไป ดวงตาของเขาปิดอยู่ แต่เขารู้ว่าอุปกรณ์และปุ่มต่าง ๆ อยู่ตรงไหน และสถานการณ์เช่นนี้อธิบายได้เพียงแค่สองแบบ

หนึ่งคือก่อนที่เขาจะตาบอด หรือกระทั่งหลังจากเขาตาบอด เขามาที่โรงละครนี้เป็นประจำ กระทำสิ่งเดียวกันซ้ำ ๆ และเมื่อเวลาผ่านไป การกระทำนี้ก็กลายไปเป็นความทรงจำของกล้ามเนื้อ และเขาก็สามารถเปิดใช้เครื่องมือพวกนี้ได้อย่างราบรื่นแม้ว่าดวงตาจะปิด

ความเป็นไปได้ที่สองก็คือเขาไม่เคยตาบอดเลยตั้งแต่ต้น

หลังจากเขาต่อวงจรทั้งหมด เขาก็คลำหาแหล่งกำเนิดพลังสำหรับเครื่องเล่น เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็เปิดไม่ได้ “สวิตช์เปิดไฟหลักอยู่ที่ชั้นสอง คุณช่วยไปเปิดให้ผมได้ไหม?”

“ชั้นสอง?” เฉินเกอยกค้อนขึ้นแล้วเดินออกไปจากโรงละคร เขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง แต่ว่า เขาไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่บนบันไดมองไปที่ทางเข้าโรงละคร

ประมาณห้าวินาทีให้หลัง ใบหน้าของชายคนนั้นก็โผล่ออกมาจากในโรงละคร เขาหยุดฟังเสียง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีเสียงอะไรแปลก ๆ อะไร จู่ ๆ เขาก็วิ่งเข้าไปในความมืด เสียงฝีเท้าสองเสียงก้องอยู่ในความมืด ก่อนที่ชายคนนั้นจะหนีพ้น ก็มีคนกดไหล่ของเขาเอาไว้

“คุณจะทิ้งผมไว้ที่นี่คนเดียวได้ยังไง?” เสียงของเฉินเกอดังเข้าไปในหูชายคนนั้นและฝ่ายหลังก็สะดุ้งด้วยความตกใจเหมือนถูกสายฟ้าฟาด “ผมหาสวิตช์ไฟหลักไม่เจอ ไปด้วยกันนะครับ”

เฉินเกอช่วยพยุงชายคนนั้นขึ้นไปที่ชั้นสองแล้วเปิดสวิตช์

เกิดเสียงระเบิดตามมา ไฟทั้งหมดในโรงละครกะพริบอยู่ครู่หนึ่ง

“ผมแค่อยากดูหนังที่นี่แล้วตามหาเพื่อนที่หายตัวไป แค่นั้นเอง ถ้าคุณยังจะขัดขวางผม ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อว่าคุณมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเพื่อนผม”

หลังจากเปิดไฟแล้ว เครื่องฉายหนังก็เริ่มทำงานเอง ผู้ชายคนนั้นเปิดช่องใส่ม้วนเทป หลังจากทุกอย่างถูกใส่เข้าที่แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นพูด “คุณสามารถเลือกหนังที่จะดูได้ด้วยตัวเอง แต่ว่าผมขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย– อย่าเลือกหนังสยองขวัญ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น”

ดูหนังในโรงละครนั้นเป็นภารกิจส่วนแรกของดวงตาข้างซ้าย ตอนนี้ตีสองแล้ว ถ้าเขาไม่ทำภารกิจนี้ให้เสร็จโดยเร็ว เขาอาจจะไม่สามารถทำภารกิจสำเร็จได้ในคืนนี้ เพราะมีความคิดนี้อยู่ในใจ เฉินเกอจึงกวาดตามองรายชื่อหนังทั้งหมด และเขาก็ตั้งใจจะเลือกหนังที่สั้นที่สุด

โทรศัพท์เครื่องดำแค่ต้องการให้นั่งดูหนังที่นี่ และมันไม่ได้ระบุชนิดของหนังเอาไว้เป็นพิเศษ

เฉินเกอนั้นไม่ได้คิดจะเพิ่มความยากให้กับภารกิจ เขามองหาหนังศิลปะแนวอบอุ่น หรืออะนิเมชั่น แต่เมื่อเขาคลิกไปบนรายชื่อหนัง เขาก็พบว่าไม่มีเรื่องไหนที่เล่นได้เลย มันบอกว่าหนังแต่ละเรื่องนั้นไม่มีอยู่ และต้องการดูให้ดาวน์โหลดใหม่อีกครั้ง หลังจากค้นอยู่พักหนึ่ง เฉินเกอก็พบว่ามีแค่หนังสยองขวัญเท่านั้นที่เล่นได้

เชื่อมโยงเรื่องนี้เข้ากับสิ่งที่ชายคนนั้นพูดก่อนหน้า เฉินเกอก็เริ่มสงสัย มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หรือว่ามีบางอย่างทำลายไฟล์หนังอื่น ๆ ไป?

เมื่อตรวจดูรายชื่อหนังแล้ว เขาก็พบเรื่องประหลาดอีกจุดหนึ่ง เฉินเกอเปิดบ้านผีสิง เขามักจะดูหนังสยองขวัญมองหาแรงบันดาลใจ แต่เขากลับไม่รู้จักหนังในรายชื่อสักเรื่องเลย

หนังสยองขวัญเหล่านี้นั้นต่างไปจากที่อยู่บนท้องตลาด ทั้งผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างของหนังพวกนี้นั้นมีชื่อเหมือนกัน

เฉินเกอคลิกหนังเรื่องหนึ่งแล้วจำชื่อผู้กำกับเอาไว้

ฉางกู? นั่นเป็นชื่อจริงหรือชื่อในวงการกันนะ?

“คุณเลือกหนังได้หรือยัง?” มือของผู้ชายคนนั้นยังสั่นอยู่ตลอด สภาพรอบด้านไม่ได้เปลี่ยน แต่เขากลับดูไม่สบายใจมากขึ้น เหมือนยิ่งเขาอยู่ที่นี่นานเข้าแล้วจะมีบางอย่างตามเขากลับบ้าน

“อืม ผมจะเลือกหนังที่สั้นที่สุด” หนังสยองขวัญส่วนใหญ่นั้นยาวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่เฉินเกอเจอเรื่องหนึ่งที่ยาวแค่ยี่สิบห้านาที ชื่อของหนังเรื่องนั้นก็คือ ‘เพื่อนร่วมโต๊ะ’

ยังมีเวลาอีกห้านาทีกว่าภารกิจจะจบลง หนังเริ่มฉาย และแสงไฟในโรงละครก็สลัวลงขณะภาพพร่ามัวปรากฏขึ้นบนจอ

“ยังไงผมก็มองอะไรไม่เห็นอยู่ดี ดังนั้นเลยคิดจะกลับไปก่อน ที่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของผม หลังจากคุณดูจบก็โทรหาผม แล้วผมจะกลับมาเก็บกวาดที่นี่” ชายคนนั้นพ่นตัวเลขชุดหนึ่งออกมา หลังจากเฉินเกอบันทึกเลขพวกนั้นแล้วเขาก็กดโทรออก เสียงสั่นดังมาจากในกระเป๋าของชายคนนั้น เขาไม่ได้โกหก

ด้วยประสบการณ์การรับมือกับผู้เข้าชมที่หวาดกลัว เฉินเกอนั้นแน่ใจว่าความกลัวของชายคนนั้นไม่ได้เสแสร้งขึ้นมา หลังจากรู้อย่างนั้นแล้วเขาก็ยิ่งไม่ยินดีจะปล่อยผู้ชายคนนี้กลับออกไป เขาต้องรู้เรื่องภายในบางอย่าง แต่เขาไม่ยอมบอกเรื่องพวกนั้นกับเฉินเกอ

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนออกไปหรอก พวกเราสองคนควรจะอยู่ด้วยกันไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็ช่วยดูแลกันและกันได้” เฉินเกอรั้งชายคนนั้นเอาไว้แล้วกดเขาลงกับที่นั่งอย่างหนักแน่น เมื่อคิดถึงความปลอดภัย เฉินเกอก็เลือกที่นั่งที่ใกล้กับทางออกที่สุด

“ขอบคุณนะครับ แต่…”

“ชู่ หนังเริ่มฉายแล้ว”

ดูหนังสยองขวัญในโรงละครนั้นเป็นประสบการณ์ที่ต่างไปจากดูที่บ้าน ความรู้สึกของการถูกความมืดห้อมล้อมเอาไว้และอยู่ที่นั่นด้วยตนนั้นไม่สามารถลอกแบบไปไว้ที่บ้านได้

หัวใจเต้นอยู่ข้างหู และจากนั้นก็เสียงหายใจหนัก ๆ ดวงตาดวงหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอช้า ๆ และจากม่านตาสีดำ นั้นมองเห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่ง กล้องถอยออกช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เบนไปทางโต๊ะเขียนหนังสือตัวหนึ่ง นาฬิกาปลุกที่บนนั้นบอกเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง ที่นอกหน้าต่าง เมฆดำและลอยต่ำ

พายุกำลังจะมา

หนังเล่าเรื่องจากมุมมองบุรุษที่หนึ่ง และผู้ชมก็มองเห็นสิ่งที่ตัวละครหลักเห็น

“ชิวเหมย!”

มีคนเรียกชื่อนี้ซ้ำ ๆ อยู่ที่ชั้นล่าง กล้องขยับอีกครั้ง ตัวละครหลักลุกจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่าง เธอเปิดหน้าต่างแล้วดูเหมือนจะชะโงกหน้าออกไป บนจอแสดงสิ่งที่อยู่ด้านล่าง

เด็กหญิงในเสื้อแจ็กเกตสีแดงคนหนึ่งกำลังโบกมือให้ตัวละครหลัก