แม้ว่าตระกูลหนานกงจะอยู่ในอันดับรั้งท้ายจากบรรดาตระกูลทั้งแปด แต่ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีมาช้านานเทียบเท่าอายุของเมืองอู๋โยวแห่งนี้ด้วยซ้ำ และวรยุทธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยแต่อย่างใดอีกด้วย!
ต่อให้คนสี่คนนั้นจะเก่งกาจมากเพียงใด ก็คงไม่ถึงขั้นนี้หรอกกระมัง!
“สุ่ยเจียง เจ้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? ข้าจำได้ว่าหนานกงซีรั่วเป็นถึงเทพอาวุโสขั้นหกเชียวนะ!”
จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ สุ่ยเจ๋อซียังไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
“นายท่าน นี่เป็นเรื่องจริง! ตระกูลอื่นๆ ต่างก็ได้รับทราบข่าวนี้กันหมดแล้ว! เราเป็นตระกูลสุดท้าย!”
‘ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น’
สุ่ยเจ๋อซีเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน เหวินจู๋เคยเพลี่ยงพล้ำภายใต้น้ำมือของเขามาแล้ว เมื่อกลับไปเหวินจู๋ยังต้องรักษาตัวอีกนานนับเดือน ตอนนั้นสุ่ยเจ๋อซียังหัวเราะเยาะเย้ยเขาอยู่เป็นนานทีเดียว สมน้ำหน้าในที่สุดก็มีคนมาสั่งสอนเหวินจู๋เสียที!
เดิมทีเขายังคิดว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมีความแค้นกับสกุลเหวินเสียอีก สุ่ยเจ๋อซียังคาดหวังให้พวกเขาต่อสู้กันสักยก แต่นึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มาตอนนี้เขากลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ด้วยการกำจัดสกุลหนานกงเชียวหรือนี่…
‘แม่เจ้า ผลงานชิ้นใหญ่ไปแล้วกระมัง!’
‘หรือว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมีความแค้นต่อสกุลหนานกง?’
‘สกุลสุ่ยและสกุลหนานกงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นั้นจะมาหาเรื่องสกุลสุ่ยเพราะเหตุนี้ไหมนะ?’
ฉับพลันสุ่ยเจ๋อซีก็คิดการไปไกลจนวุ่นวายไปหมด
หากเป็นเช่นนั้นจริงเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว
ตระกูลทั้งแปดขาดไปหนึ่ง สุ่ยเจ๋อซีมีลางสังหรณ์ว่าเหตุการณ์อันตรายที่ตระกูลที่เหลือจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์กันกำลังจะเกิดขึ้น
ยิ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงสกุลเสิ่นถูด้วยแล้ว หรือว่าตระกูลเสิ่นถูและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นร่วมมือกัน?
‘ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจจะมีแผนร้ายแอบแฝงอยู่ ข้าต้องไตร่ตรองให้รอบคอบเสียแล้ว!’
เนื่องด้วยเมืองอู๋โยวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น สุ่ยเจ๋อซีจึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างชายหญิงของสุ่ยเยว่เอ๋อร์อีกต่อไป เขาจึงได้ให้ตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยไปที่ห้องนอนของบุตรสาวเพียงสองคน ส่วนตนเองรีบร้อนสาวเท้าออกไป
ระหว่างทางที่เดินไปยังเรือนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์นั้น เชียนเย่เสวี่ยก็ได้สะกิดตี้อู่เฮ่ออี้ด้วยการดึงชายเสื้อของเขาเบาๆ
“ไม่รู้เพราะอะไรข้าถึงได้รู้สึกว่าการใหญ่นี้ เป็นฝีมือของซ่าซ่าและซย่าโหว!” สิ่งที่เกิดขึ้นแลดูคล้ายคลึงกับวิถีปฏิบัติของพวกเขาสองสามีภรรยาจริงๆ!
เชียนเย่เสวี่ยเอ่ยขึ้น ซึ่งก็ตรงกันกับสิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้กำลังคิดอยู่เช่นกัน
หนานกงจื่อหลิงคือคนของสกุลหนานกง คงมิใช่ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนาง ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนถึงได้บันดาลโทสะแสดงแสงยานุภาพออกมาใช่ไหม! เมื่อคิดได้เช่นนั้น ตี้อู่เฮ่ออี้ก็รีบ ‘ถุย’ สามครั้งทันที
ปากเสียจริงๆ เลยเชียว!
หนานกงจื่อหลิงเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนั้น จะเกิดเรื่องเหตุร้ายกับนางได้อย่างไรกัน!
ไม่แน่ว่าอาจจะมีเหตุผลอื่น!
ไม่ว่าจะอย่างไร เพียงแค่สองสามีภรรยาคู่นี้เหยียบย่างเข้ามายังเมืองอู๋โยวก็ปฏิบัติการส้รางผลงานชิ้นใหญ่ที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินเสียแล้ว น่านับถือจริงๆ!
คนเพียงแค่สี่คนฆ่าล้างตระกูลหนานกงทั้งตระกูล——
น้องสาวและน้องเขยจะเก่งกาจเกินไปแล้ว! ความเ**้ยมโหดเด็ดขาดนี้สมควรได้รับการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์!
“ข้าก็มีความรู้สึกว่าเป็นฝีมือของพวกเขา” ตี้อู่เฮ่ออี้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
อวี้เฟยเยียนวรยุทธ์สูงส่ง วิชาแพทย์ก็เป็นเลิศ
หากกล่าวในอีกแง่หนึ่ง อวี้เฟยเยียนสามารถแก้ไขจุดอ่อนในเรื่องวรยุทธ์ที่อ่อนด้อยของชาวเผ่าตันที่ผ่านๆ มาได้สำเร็จ นับเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ
หากว่าน้องสาวเดินทางไปที่ตันซ้ายละก็ บางทีอาจจะเป็นการบุกเบิกสายเลือดใหม่ให้กับตันซ้าย และจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ ของชนเผ่าก็เป็นได้
ตี้อู่เฮ่ออี้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้พบกับอวี้เฟยเยียนยิ่งนัก
เมื่อมาถึงยังห้องนอนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ตั้งใจตรวจสอบให้กระจ่างว่ายาพิษนั้นถูกซุกซ่อนที่ใด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความเป็นความตายของสุ่ยเยว่เอ๋อร์เลยทีเดียว
เนื่องจากเรื่องเมื่อคืนวาน ทำให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์มีสภาพจิตใจมิสู้ดีเท่าไหร่นัก
เกิดเรื่องกับอวี้ซิงฉง นางย่อมต้องร้อนใจกว่าใคร
แต่สุ่ยเยว่เอ๋อร์ถูกสุ่ยเจ๋อซีกักบริเวณเอาไว้ จึงไม่อาจออกไปจากห้องนอนส่วนตัวของตนเองได้ อีกทั้งที่ลานด้านนอกยังมีจอมปราชญ์อาวุโสเฝ้าอยู่ นางจึงยิ่งหนีไปไหนไม่ได้เลย
อาศัยจังหวะที่ชิงถิง สาวใช้ของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ออกไปต้มยา เชียนเย่เสวี่ยก็เขยิบเข้าไปใกล้สุ่ยเยว่เอ๋อร์ แล้วส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับนาง
“นี่คือ…”
สุ่ยเยว่เอ๋อร์และเชียนเย่เสวี่ยเคยพบหน้ากันเมื่อคืนวานเพียงครั้งเดียว วันนี้การที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก กระทั่งเห็นข้อความบนผ้าเช็ดหน้าที่เขียนเอาไว้ว่า ‘เยว่เอ๋อร์ ผู้ที่มาคือมิตร’ สุ่ยเยว่เอ๋อร์ถึงกับยกมือปิดปากด้วยความตกใจ
“พะ พวกท่าน…” สุ่ยเยว่เอ๋อร์ราวกับคนที่กำลังจะจมน้ำแล้วมองเห็นเรือก็ไม่ปาน นางซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
นางจดจำได้เป็นอย่างดี นี่คือลายมือของอวี้ซิงฉง อีกฝ่ายคือมิตร!
“เยว่เอ๋อร์ ข้าจะเรียกเจ้าเช่นนี้ก็แล้วกัน! พวกเรามาช่วยเจ้า! แต่ว่า เรื่องนี้ เจ้าต้องให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย!”
เชียนเย่เสวี่ยเล่าเรื่องเมื่อวานที่ตนเองแอบเข้าไปเยี่ยมอวี้ซิงฉงถึงที่ในคุกใต้ดินให้กับสุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้ฟัง ทั้งยังบอกกล่าวสถานะของตนเองให้นางได้รับรู้ไปด้วยพร้อมๆ กัน
“ดีจริงๆ เลย!”
สุ่ยเยว่เอ๋อร์กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ฝ่ามือเรียวงามสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
“ข้าจะเชื่อฟังพวกท่านทุกอย่าง! ขอให้พวกท่านช่วยเหลือซิงฉงด้วย!”
เมื่อคืนวานนี้ ที่คุกใต้ดิน อวี้ซิงฉงขอร้องให้เชียนเย่เสวี่ยช่วยชีวิตสุ่ยเยว่เอ๋อร์ วันนี้มาที่นี่กลับตรงกันข้าม สุ่ยเยว่เอ๋อร์ขอร้องให้พวกนางช่วยชีวิตอวี้ซิงฉง แสดงให้เห็นว่าคนทั้งสองรักกันด้วยใจจริง!
เชียนเย่เสวี่ยและตี้อู่เฮ่ออี้จึงจะต้องหาวิธีช่วยเหลือพวกเขาทั้งสองอย่างแน่นอน
“หากออกไปได้เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”
เชียนเย่เสวี่ยถามต่อ
นี่นับเป็นคำถามที่ถามได้อย่างตรงไปตรงมายิ่งนัก
เมื่อได้ยินคำถามของเชียนเย่เสวี่ย ดวงตาที่สุกสกาวของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็เริ่มพร่าเลือน นางอยากจะหนีไปพร้อมกับอวี้ซิงฉง ไปจากสกุลสุ่ย แต่ว่า ความฝันนี้จะเป็นจริงได้หรือ?
หากว่าคนทั้งสี่หนีไปด้วยกันก็ต้องกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ ไม่แน่ว่ายังไม่ทันได้ออกจากเมืองลู่ก็ถูกสุ่ยเจ๋อซีจับกลับมาเสียแล้ว ถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่ทำให้อวี้ซิงฉงเป็นอันตราย เพราะอาจจะทำให้สหายทั้งสองคนลำบากไปด้วย…
เมื่อคิดทบทวนอย่างดีแล้ว สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็กัดริมฝีปากเบาๆ สีหน้าหนักแน่น
“พวกท่านช่วยเขาออกไปได้ก็พอแล้ว!”
“พาซิงฉงไปจากเขตของสกุลสุ่ย ไปจากที่นี่! ขอเพียงแต่ข้ายังอยู่ที่สกุลสุ่ย ท่านพ่อจะไม่มีวันทำอะไรพวกท่านอย่างแน่นอน!”
วินาทีนี้ทำให้เชียนเย่เสวี่ยเริ่มรู้จักนิสัยของสุ่ยเยว่เอ๋อร์มากขึ้นทีเดียว
นางสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังตัดสินใจกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายมากที่สุด แม่นางผู้นี้มิได้อ่อนแอเฉกเช่นเปลือกนอกที่เห็นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามนางเข้มแข็งมากต่างหาก!
อีกทั้ง นางยินดีที่จะสละตัวเองเพื่อช่วยเหลืออวี้ซิงฉงให้รอด เพียงแค่จุดนี้ก็แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า นางรักเขาด้วยใจจริง
“บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าคิด!” เชียนเย่เสวี่ยยิ้มน้อยๆ
“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถอนพิษให้กับเจ้า รอให้เจ้าหายดีเสียก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”
“คนที่วางยาพิษข้าคือน้องสาวของข้า สุ่ยจูเอ๋อร์!” เมื่อเห็นว่าตี้อู่เฮ่ออี้พยายามตรวจหาที่มาของพิษนั้นโดยละเอียด สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็เค้นยิ้มขมขื่น
“ข้ารู้ดีว่าขนมที่นางนำมาให้มีพิษ แต่ว่า เพื่อที่จะให้ท่านพ่อล้มเลิกความคิดที่จะส่งข้าไปแต่งงาน ข้าจึงกินมันเข้าไป”
“อะไรนะ?” ตี้อู่เฮ่ออี้ที่กำลังตรสจสอบที่มาของพิษอยู่ข้างๆ หลังจากได้ยินในสิ่งที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์พูดมานั้นแล้ว ก็โกรธเคืองจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดได้เลย
“ร่างกายเป็นตัวเจ้าเอง! หากไม่มีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว จะมีชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไรกัน!”
ในฐานะที่เป็นหมอ สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้ทนไม่ได้มากที่สุดนั่นก็คือการที่คนป่วยทำร้ายตัวเอง นี่คงจะเป็นโรคประจำของคนเป็นหมอไปแล้วกระมัง