ตอนที่ 134-3 แผนการชั่วร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

แม้ว่าตระกูลหนานกงจะอยู่ในอันดับรั้งท้ายจากบรรดาตระกูลทั้งแปด แต่ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีมาช้านานเทียบเท่าอายุของเมืองอู๋โยวแห่งนี้ด้วยซ้ำ และวรยุทธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยแต่อย่างใดอีกด้วย! 

 

 

ต่อให้คนสี่คนนั้นจะเก่งกาจมากเพียงใด ก็คงไม่ถึงขั้นนี้หรอกกระมัง! 

 

 

“สุ่ยเจียง เจ้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? ข้าจำได้ว่าหนานกงซีรั่วเป็นถึงเทพอาวุโสขั้นหกเชียวนะ!” 

 

 

จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ สุ่ยเจ๋อซียังไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง 

 

 

“นายท่าน นี่เป็นเรื่องจริง! ตระกูลอื่นๆ ต่างก็ได้รับทราบข่าวนี้กันหมดแล้ว! เราเป็นตระกูลสุดท้าย!” 

 

 

‘ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น’ 

 

 

สุ่ยเจ๋อซีเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน เหวินจู๋เคยเพลี่ยงพล้ำภายใต้น้ำมือของเขามาแล้ว เมื่อกลับไปเหวินจู๋ยังต้องรักษาตัวอีกนานนับเดือน ตอนนั้นสุ่ยเจ๋อซียังหัวเราะเยาะเย้ยเขาอยู่เป็นนานทีเดียว สมน้ำหน้าในที่สุดก็มีคนมาสั่งสอนเหวินจู๋เสียที! 

 

 

เดิมทีเขายังคิดว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมีความแค้นกับสกุลเหวินเสียอีก สุ่ยเจ๋อซียังคาดหวังให้พวกเขาต่อสู้กันสักยก แต่นึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

มาตอนนี้เขากลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ด้วยการกำจัดสกุลหนานกงเชียวหรือนี่… 

 

 

‘แม่เจ้า ผลงานชิ้นใหญ่ไปแล้วกระมัง!’ 

 

 

‘หรือว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมีความแค้นต่อสกุลหนานกง?’ 

 

 

‘สกุลสุ่ยและสกุลหนานกงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นั้นจะมาหาเรื่องสกุลสุ่ยเพราะเหตุนี้ไหมนะ?’ 

 

 

ฉับพลันสุ่ยเจ๋อซีก็คิดการไปไกลจนวุ่นวายไปหมด  

 

 

หากเป็นเช่นนั้นจริงเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว 

 

 

ตระกูลทั้งแปดขาดไปหนึ่ง สุ่ยเจ๋อซีมีลางสังหรณ์ว่าเหตุการณ์อันตรายที่ตระกูลที่เหลือจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์กันกำลังจะเกิดขึ้น  

 

 

ยิ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงสกุลเสิ่นถูด้วยแล้ว หรือว่าตระกูลเสิ่นถูและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นร่วมมือกัน? 

 

 

‘ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจจะมีแผนร้ายแอบแฝงอยู่ ข้าต้องไตร่ตรองให้รอบคอบเสียแล้ว!’ 

 

 

เนื่องด้วยเมืองอู๋โยวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น สุ่ยเจ๋อซีจึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างชายหญิงของสุ่ยเยว่เอ๋อร์อีกต่อไป เขาจึงได้ให้ตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยไปที่ห้องนอนของบุตรสาวเพียงสองคน ส่วนตนเองรีบร้อนสาวเท้าออกไป 

 

 

ระหว่างทางที่เดินไปยังเรือนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์นั้น เชียนเย่เสวี่ยก็ได้สะกิดตี้อู่เฮ่ออี้ด้วยการดึงชายเสื้อของเขาเบาๆ  

 

 

“ไม่รู้เพราะอะไรข้าถึงได้รู้สึกว่าการใหญ่นี้ เป็นฝีมือของซ่าซ่าและซย่าโหว!” สิ่งที่เกิดขึ้นแลดูคล้ายคลึงกับวิถีปฏิบัติของพวกเขาสองสามีภรรยาจริงๆ!  

 

 

เชียนเย่เสวี่ยเอ่ยขึ้น ซึ่งก็ตรงกันกับสิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้กำลังคิดอยู่เช่นกัน 

 

 

หนานกงจื่อหลิงคือคนของสกุลหนานกง คงมิใช่ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนาง ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนถึงได้บันดาลโทสะแสดงแสงยานุภาพออกมาใช่ไหม! เมื่อคิดได้เช่นนั้น ตี้อู่เฮ่ออี้ก็รีบ ‘ถุย’ สามครั้งทันที 

 

 

ปากเสียจริงๆ เลยเชียว! 

 

 

หนานกงจื่อหลิงเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนั้น จะเกิดเรื่องเหตุร้ายกับนางได้อย่างไรกัน! 

 

 

ไม่แน่ว่าอาจจะมีเหตุผลอื่น! 

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไร เพียงแค่สองสามีภรรยาคู่นี้เหยียบย่างเข้ามายังเมืองอู๋โยวก็ปฏิบัติการส้รางผลงานชิ้นใหญ่ที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินเสียแล้ว น่านับถือจริงๆ! 

 

 

คนเพียงแค่สี่คนฆ่าล้างตระกูลหนานกงทั้งตระกูล—— 

 

 

น้องสาวและน้องเขยจะเก่งกาจเกินไปแล้ว! ความเ**้ยมโหดเด็ดขาดนี้สมควรได้รับการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์! 

 

 

“ข้าก็มีความรู้สึกว่าเป็นฝีมือของพวกเขา” ตี้อู่เฮ่ออี้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย 

 

 

อวี้เฟยเยียนวรยุทธ์สูงส่ง วิชาแพทย์ก็เป็นเลิศ 

 

 

หากกล่าวในอีกแง่หนึ่ง อวี้เฟยเยียนสามารถแก้ไขจุดอ่อนในเรื่องวรยุทธ์ที่อ่อนด้อยของชาวเผ่าตันที่ผ่านๆ มาได้สำเร็จ นับเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ  

 

 

หากว่าน้องสาวเดินทางไปที่ตันซ้ายละก็ บางทีอาจจะเป็นการบุกเบิกสายเลือดใหม่ให้กับตันซ้าย และจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ ของชนเผ่าก็เป็นได้ 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้พบกับอวี้เฟยเยียนยิ่งนัก 

 

 

เมื่อมาถึงยังห้องนอนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ตั้งใจตรวจสอบให้กระจ่างว่ายาพิษนั้นถูกซุกซ่อนที่ใด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความเป็นความตายของสุ่ยเยว่เอ๋อร์เลยทีเดียว 

 

 

เนื่องจากเรื่องเมื่อคืนวาน ทำให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์มีสภาพจิตใจมิสู้ดีเท่าไหร่นัก 

 

 

เกิดเรื่องกับอวี้ซิงฉง นางย่อมต้องร้อนใจกว่าใคร 

 

 

แต่สุ่ยเยว่เอ๋อร์ถูกสุ่ยเจ๋อซีกักบริเวณเอาไว้ จึงไม่อาจออกไปจากห้องนอนส่วนตัวของตนเองได้ อีกทั้งที่ลานด้านนอกยังมีจอมปราชญ์อาวุโสเฝ้าอยู่ นางจึงยิ่งหนีไปไหนไม่ได้เลย 

 

 

อาศัยจังหวะที่ชิงถิง สาวใช้ของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ออกไปต้มยา เชียนเย่เสวี่ยก็เขยิบเข้าไปใกล้สุ่ยเยว่เอ๋อร์ แล้วส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับนาง 

 

 

“นี่คือ…” 

 

 

สุ่ยเยว่เอ๋อร์และเชียนเย่เสวี่ยเคยพบหน้ากันเมื่อคืนวานเพียงครั้งเดียว วันนี้การที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก กระทั่งเห็นข้อความบนผ้าเช็ดหน้าที่เขียนเอาไว้ว่า ‘เยว่เอ๋อร์ ผู้ที่มาคือมิตร’ สุ่ยเยว่เอ๋อร์ถึงกับยกมือปิดปากด้วยความตกใจ 

 

 

“พะ พวกท่าน…” สุ่ยเยว่เอ๋อร์ราวกับคนที่กำลังจะจมน้ำแล้วมองเห็นเรือก็ไม่ปาน นางซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก 

 

 

นางจดจำได้เป็นอย่างดี นี่คือลายมือของอวี้ซิงฉง อีกฝ่ายคือมิตร! 

 

 

“เยว่เอ๋อร์ ข้าจะเรียกเจ้าเช่นนี้ก็แล้วกัน! พวกเรามาช่วยเจ้า! แต่ว่า เรื่องนี้ เจ้าต้องให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย!” 

 

 

เชียนเย่เสวี่ยเล่าเรื่องเมื่อวานที่ตนเองแอบเข้าไปเยี่ยมอวี้ซิงฉงถึงที่ในคุกใต้ดินให้กับสุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้ฟัง ทั้งยังบอกกล่าวสถานะของตนเองให้นางได้รับรู้ไปด้วยพร้อมๆ กัน 

 

 

“ดีจริงๆ เลย!” 

 

 

สุ่ยเยว่เอ๋อร์กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ฝ่ามือเรียวงามสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น 

 

 

“ข้าจะเชื่อฟังพวกท่านทุกอย่าง! ขอให้พวกท่านช่วยเหลือซิงฉงด้วย!”  

 

 

เมื่อคืนวานนี้ ที่คุกใต้ดิน อวี้ซิงฉงขอร้องให้เชียนเย่เสวี่ยช่วยชีวิตสุ่ยเยว่เอ๋อร์ วันนี้มาที่นี่กลับตรงกันข้าม สุ่ยเยว่เอ๋อร์ขอร้องให้พวกนางช่วยชีวิตอวี้ซิงฉง แสดงให้เห็นว่าคนทั้งสองรักกันด้วยใจจริง! 

 

 

เชียนเย่เสวี่ยและตี้อู่เฮ่ออี้จึงจะต้องหาวิธีช่วยเหลือพวกเขาทั้งสองอย่างแน่นอน  

 

 

“หากออกไปได้เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?” 

 

 

เชียนเย่เสวี่ยถามต่อ 

 

 

นี่นับเป็นคำถามที่ถามได้อย่างตรงไปตรงมายิ่งนัก 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามของเชียนเย่เสวี่ย ดวงตาที่สุกสกาวของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็เริ่มพร่าเลือน นางอยากจะหนีไปพร้อมกับอวี้ซิงฉง ไปจากสกุลสุ่ย แต่ว่า ความฝันนี้จะเป็นจริงได้หรือ? 

 

 

หากว่าคนทั้งสี่หนีไปด้วยกันก็ต้องกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ ไม่แน่ว่ายังไม่ทันได้ออกจากเมืองลู่ก็ถูกสุ่ยเจ๋อซีจับกลับมาเสียแล้ว ถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่ทำให้อวี้ซิงฉงเป็นอันตราย เพราะอาจจะทำให้สหายทั้งสองคนลำบากไปด้วย… 

 

 

เมื่อคิดทบทวนอย่างดีแล้ว สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็กัดริมฝีปากเบาๆ สีหน้าหนักแน่น 

 

 

“พวกท่านช่วยเขาออกไปได้ก็พอแล้ว!” 

 

 

“พาซิงฉงไปจากเขตของสกุลสุ่ย ไปจากที่นี่! ขอเพียงแต่ข้ายังอยู่ที่สกุลสุ่ย ท่านพ่อจะไม่มีวันทำอะไรพวกท่านอย่างแน่นอน!” 

 

 

วินาทีนี้ทำให้เชียนเย่เสวี่ยเริ่มรู้จักนิสัยของสุ่ยเยว่เอ๋อร์มากขึ้นทีเดียว 

 

 

นางสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังตัดสินใจกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายมากที่สุด แม่นางผู้นี้มิได้อ่อนแอเฉกเช่นเปลือกนอกที่เห็นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามนางเข้มแข็งมากต่างหาก! 

 

 

อีกทั้ง นางยินดีที่จะสละตัวเองเพื่อช่วยเหลืออวี้ซิงฉงให้รอด เพียงแค่จุดนี้ก็แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า นางรักเขาด้วยใจจริง 

 

 

“บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าคิด!” เชียนเย่เสวี่ยยิ้มน้อยๆ  

 

 

“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถอนพิษให้กับเจ้า รอให้เจ้าหายดีเสียก่อนค่อยว่ากันเถอะ!” 

 

 

“คนที่วางยาพิษข้าคือน้องสาวของข้า สุ่ยจูเอ๋อร์!” เมื่อเห็นว่าตี้อู่เฮ่ออี้พยายามตรวจหาที่มาของพิษนั้นโดยละเอียด สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็เค้นยิ้มขมขื่น 

 

 

“ข้ารู้ดีว่าขนมที่นางนำมาให้มีพิษ แต่ว่า เพื่อที่จะให้ท่านพ่อล้มเลิกความคิดที่จะส่งข้าไปแต่งงาน ข้าจึงกินมันเข้าไป” 

 

 

“อะไรนะ?” ตี้อู่เฮ่ออี้ที่กำลังตรสจสอบที่มาของพิษอยู่ข้างๆ หลังจากได้ยินในสิ่งที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์พูดมานั้นแล้ว ก็โกรธเคืองจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดได้เลย 

 

 

“ร่างกายเป็นตัวเจ้าเอง! หากไม่มีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว จะมีชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไรกัน!” 

 

 

ในฐานะที่เป็นหมอ สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้ทนไม่ได้มากที่สุดนั่นก็คือการที่คนป่วยทำร้ายตัวเอง นี่คงจะเป็นโรคประจำของคนเป็นหมอไปแล้วกระมัง