“ชีวิตที่มีความสุข…” สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก้มหน้าลงต่ำ มองดูผ้าเช็ดหน้าในมือ หยาดน้ำตาเอ่อล้นอยู่ที่ปลายหางตา
“มิอาจอยู่ใช้ชีวิตร่วมกันกับซิงฉง ข้าไม่มีวันมีความสุขได้!”
“ในเมื่อมิอาจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ ข้าก็ยอมตาย ดีกว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างอดสู! หากว่าท่านพ่อกล้าแตะต้องซิงฉงละก็ ข้าจะให้ท่านเตรียมโลงศพไว้ได้เลย!”
แม้ว่าตอนนี้บนใบหน้าของสุ่ยเยว่เอ๋อร์จะเต็มไปด้วยปานแดงที่แสนน่าเกลียดมากมาย จนกระทั่งมองไม่เห็นใบหน้าที่สงยงามเช่นเดิม แต่ในสายตาของตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยแล้ว สาวน้อยผู้นี้น่านับถือน้ำใจยิ่งนัก
หน้าตาที่สวยงามเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนถวิลหา แต่สุ่ยเยว่เอ๋อร์ยินยอมที่ทำลายแม้โฉมหน้าของตัวเองเพื่อเขา จึงเห็นได้ชัดว่านางตัดสินใจที่จะร่วมเป็นเป็นร่วมตายกับอวี้ซิงฉงแล้ว
นางเหมือนดั่งนกน้อยในกรงทอง ที่ถวิลหาอิสระเสรี ทว่ากลับไม่สามารถออกไปจากกรงทองได้ จึงเลือกใช้วิธีการเช่นนี้มาส่งเสริมตนเอง
สุ่ยเยว่เอ๋อร์ช่างโง่งมยิ่งนัก!
“เยว่เอ๋อร์ อย่าเศร้าใจไปเลย! พวกราต้องหาทางช่วยเจ้าได้อย่างแน่นอน!”
เชียนเย่เสวี่ยเดิมทีก็เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาอยู่แล้ว มาตอนนี้ได้มาเจอกับสุ่ยเยว่เอ๋อร์ที่เข้มแข็งเข้าให้ นางจึงรู้สึกถูกชะตาในตัวสุ่ยเยว่เอ๋อร์นนี้จากใจจริง
“ตอนนี้ข้ามีวิธีหนึ่ง บางทีอาจจะสามารถทดลองดูได้!”
ส่วนสุ่ยจู่เอ๋อร์ที่ถึงกับวางยาพิษพี่สาวของตัวเองไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเองกำลังถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้ เพราะในเวลาเดียวกันนั้นนางกำลังอยู่ในห้องหนังสือ
“เจ้าเห็นกับตาว่าคนที่ฆ่าหลิวติงคือชายหนึ่งหญิงหนึ่ง?”
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้หลังจากที่ถูกซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนสั่งสอนเข้าให้ สุ่ยจูเอ่อร์ก็รีบแจ้นกลับบ้านนำเรื่องมาฟ้องบิดาทันที เพื่อหวังให้บิดาแก้แค้นให้กับตน
ได้ยินว่าในตอนนั้นเสิ่นถูเลี่ยก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย สุ่ยเจ๋อซีจึงคิดไปว่าพวกเขาคงจะรู้จักกับเสิ่นถูเลี่ยและด้วยความที่ไม่อยากจะล่วงเกินสกุลเสิ่นถู จึงไม่ได้ทำตามคำขอจากบุตรสาวของตน
ตอนนี้กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง สุ่ยเจ๋อซีก็รู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถนำมาใส่สีตีไข่ป้นแต่งเป็นเรื่องได้สนุกทีเดียว
“ใช่นะสิคะท่านพ่อ!”
สุ่ยจูเอ๋อร์ฉงนงงงวยยิ่งนัก เพราก่อนหน้านี้ไม่เห็นว่าสุ่ยเจ๋อซีจะสนใจเรื่องที่นางถูกลบหลู่ดูแคลนมาก่อนเลย แต่คราวนี้ถึงกับเรียกนางมาซักถาม
“ไหนเจ้าลองบรรยายลักษณะของชายหญิงสองคนนั้นให้ข้าฟังอีกครั้งสิ!”
สำหรับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น รูปโฉมของเขามีผู้คนมากมายนำมาวาดเป็นภาพวาดตั้งนานแล้ว และสุ่ยเจ๋อซีก็ได้มาภาพหนึ่งเช่นกัน
ในภาพนั้น เป็นชายหนุ่มอายุยังน้อย มีจุดแดงที่กลางหน้าผาก หน้าตาหล่อเหลาครบเครื่อง
ทำเอาสุ่ยเจ๋อซีแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจะหนุ่มแน่นเพียงนี้!
สำหรับหญิงสาวข้างกาย ได้ยินว่าคือฮูหยินของเขา นางผู้นั้นสวมผ้าแพรปิดบังใบหน้า จึงไม่มีใครล่วงรู้ว่ารูปโฉมที่แท้จริงของนางเป็นอย่างไร แต่ดูจากเงาที่ทอดออกมานั้น น่าจะเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาและจิตใจที่งดงามคนหนึ่ง
“หน้าตาของพวกเขาเป็นอย่างไรนะหรือ?” สุ่ยจูเอ๋อร์เบ้ปากเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า
“ผู้ชายสวมใส่ชุดสีม่วงทั้งชุด ส่วนเรื่องหน้าตา ข้าไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด แต่ผู้หญิงคนนั้น…” เมื่อนึกถึงว่าตนเองถูกอวี้เฟยเยียนเหยียดหยาม สุ่ยจู่เอ๋อร์ก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเคือง
นางเกลียดผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าหน้าตางดงามกว่านางมากที่สุด โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นที่อวดดียิ่งนัก
“ผู้หญิงคนนั้นหน้าหน้าอัปลักษณ์ขี้เหร่” น้ำเสียงของสุ่ยจูเอ๋อร์แกมโกรธเคืองเล็กน้อย
เมื่อคำฟังของสุ่ยจูเอ๋อร์ แล้วเจ๋อซีก็ต้องขมวดคิ้วสีหน้าคิดหนัก เขารู้จักนิสัยของบุตรสาวทั้งสามคนไม่มากก็น้อย ดูจากท่าทางของนางแล้ว จะต้องกำลังริษยารูปโฉมของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“จูเอ๋อร์ พูดความจริงกับพ่อ!”
“หลิวติงเป็นคนอย่างไร มีหรือที่ข้าจะไม่รู้? เขาจะไปเที่ยวฉุดหญิงอัปลักษณ์?”
โดนสุ่ยเจ๋อซีเค้นถามหนักเข้า ในที่สุดสุ่ยจูเอ๋อร์ก็เปิดปากพูดความจริง
“ดูจากรูปร่างหน้าตาของนางแล้ว เป็นนังจิ้งจอกเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวคนหนึ่ง! ท่านพ่อ ผู้หญิงคนนี้งามยิ่งกว่าพี่รองเสียอีก!”
แม้ว่าในใจจะไม่ยอมรับ แต่สุ่ยจูเอ๋อร์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอวี้เฟยเยียนมีหน้าตาที่งดงามนี่เป็นความจริง
“อย่างนั้นหรือ…” สุ่ยเจ๋อซีลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด
เขากล้าที่จะคาดเดาได้เลยว่า ชายหญิงที่สุ่ยจูเอ๋อร์ได้พบนั้นคือประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นและฮูหยินของเขา
ในเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันกับเสิ่นถูเลี่ยตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไม่แน่ว่าสกุลเสิ่นถูและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นอาจจะร่วมมือกันมาตั้งแต่แรกแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่า เสิ่นถูฮั่นที่มองภายนอกดูเป็นสุภาพชนที่มีคุณธรรม แท้ที่จริงแล้วเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกยิ่งนัก!
เหวินจู๋เฝ้าตามหาประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมาโดยตลอด แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ คงมิใช่เขาถูเสิ่นถูฮั่นซุกซ่อนเอาไว้หรอกนะ?
ในเมื่อสกุลเสิ่นถูและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นพวกเดียว เช่นนั้นพวกเขาจะรวมหัวกันเล่นงานสกุลสุ่ยหรือเปล่า?
สกุลสุ่ยจัดอยู่ในลำดับที่หกจากตระกูลทั้งแปด โบราณว่าเด็ดลูกพลับยังต้องเลือกเด็ดลูกที่สุกเสียก่อน เช่นนี้แล้วตระกูลสุ่ยจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของพวกเขาหรือไม่นะ?
เมื่อคิดได้ดังนั้น สุ่ยเจ่อซีก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา การที่สกุลหนานกงถูกฆ่าล้างตระกูล ทำให้ในใจของสุ่ยเจ๋อซีมีลางสังหรณ์ถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขาไม่เชื่อหรอกว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจะเก่งกาจถึงขนาดจัดการหนานกงซีรั่วที่เป็นถึงเทพอาวุโสขั้นหกได้ นอกเสียจากว่าวรยุทธ์ของเขาสูงกว่าจอมเทพอาวุโสขั้นหกขึ้นไป
‘จอมเทพอาวุโสที่ยังหนุ่มแน่นเช่นนั้น ไม่เคยมีปรากฎในเมืองอู๋โยวมาก่อน’
‘เบื้องหลังของเรื่องนี้ จะต้องมีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ได้อย่างแน่นอน’
‘เรื่องนี้ เสิ่นถูเลี่ยก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย หรือว่าเป็นเจตนาของเสิ่นถูฮั่น?’
‘เห็นทีว่าเสิ่นถูฮั่นคงจะไม่พอใจกับการที่ตระกูลทั้งแปดแบ่งแยกอาณาเขตกันตั้งแต่แรกแล้วสินะ! ดังนั้นถึงได้สนับสนุนประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เริ่มกำจัดสกุลหนานกงที่อ่อนแอที่สุดก่อน? แท้ที่จริงแล้ว สกุลเสิ่นถูต่างหากที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้?’
‘ไม่แน่ว่า ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคนนั้นจริงๆ แล้วคือคนของสกุลเสิ่นถูนั่นแหละ!’
‘พวกเขาสร้างประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นขึ้นมา จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะเบนความสนใจจากทุกคน ดึงดูดสายตาของทุกคนเอาไว้!’
‘โจร! วิถีของโจร!’
‘เสิ่นถูฮั่นเจ้าโจรเฒ่าเจ้าเล่ห์หลอกลวงทุกคนเสียจนสนิท!’
เมื่อคิดได้ดังนั้น สุ่ยเจ๋อซีก็อดไม่ได้ที่จะต้องชื่นชมสติปัญญาอันสูงส่งของตนเองยิ่งนัก
‘มันต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน!’
‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่!’
‘หากว่าศัตรูของสกุลสุ่ยคือประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นละก็ คงไม่น่าหวาดกลัวสักเท่าไหร่นัก’
‘ใช้กำลังของคนทั้งตระกูล เขาไม่เชื่อว่าจะจัดการเจ้าหนุ่มเพียงคนเดียวไม่ได้?’
‘หากว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือคนของสกุลเสิ่นถูจริง แล้วเรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นแผนการชั่วของสกุลเสิ่นถูละ? สกุลสุ่ยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสกุลเสิ่นถูเสียด้วยนะสิ!’
สุ่ยเจ๋อซียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เขามีเหงื่อซึมทั่วร่างขณะที่เดินวนไปวนรอบห้องไม่หยุด
“เจ้าเห็นพวกเขาสังหารหลิวติงตายกับตาเลยหรือ? แล้วเสิ่นถูเลี่ยที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็ไม่ห้ามปรามแต่อย่างใด?” สุ่ยเจ๋อซีมองไปยังสุ่ยจูเอ๋อร์ หน้าตาท่าทางเคร่งขรึมกว่าที่ผ่านมา
“ใช่นะสิคะ!’ สุ่ยจู่เอ๋อร์พยักหน้า แล้วสาธยายคำพูดทุกคำของสิ่นถูเลี่ยทั้งหมดอีกครั้ง
“เอาละ ข้ารู้แล้ว!” สุ่ยเจ๋อซีเม้มริมฝีปากแน่น
การตายอย่างน่าอนาถของหลิวติงทำให้สุ่ยเจ๋อซีหวาดกลัวไม่น้อย ที่เขาว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเก่งกาจ เมียของเขาน้ำมือเ**้ยมโหดยิ่งกว่า
ในเมื่อพวกเขาอาจหาญกล้าฆ่าคนของสกุลหลิว เช่นนั้นเรื่องนี้ให้สกุลหลิวออกหน้าจะเหมาะสมที่สุด
หลิวติงคือหลานชายที่ประมุขสกุลหลิวรักที่สุด ขอเพียงเขาแพร่งพรายเรื่องที่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือผู้ที่สังหารหลิวให้กับตาเฒ่าสกุลหลิวนั่นได้รู้ละก็ เรื่องนี้ก็จะดำเนินไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้อย่างแน่นอน
นกปากห่างกับหอยกาบทะเลาะกัน ชายหาปลาต่างหากที่ได้หยิบชิ้นปลามันไป
สกุลหลิวเข้าห่ำหั่นกับประมุขแห่งจื่อถ้ำอวิ๋น ส่วนเขาก็จะแอบสังเกตการณ์อยู่ในที่ลับ
เขาจะดูซิว่าประมุขแห่งจื่อถ้ำอวิ๋นเป็นอะไรกับสกุลเสิ่นถูกันแน่