ตอนที่ 645
รอมานาน
“อะไรนะ สำนักเหยี่ยวทะเลทรายถูกลงโทษไม่ให้เข้าร่วมประลอง”หลังจากองค์จักรพรรดิขึ้นมากล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ข่าวเรื่องสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะไม่ได้ลงประลองในครั้งนี้ก็ถูกประกาศให้รู้โดยทั่วกัน ทำเอาสำนักเล็กต่างดีใจกันยกใหญ่เพราะนอกจากสำนักหมู่ดาวจะเละไม่เป็นท่าแล้วสำนักเหยี่ยวทะเลทรายยังต้องออกจากตารางการแข่งขันอีกต่างหาก ทำเอาสำนักต่างๆยิ้มแก้มแทบปริ เพราะต่อให้ฝีมือเท่าเดิมก็ยังได้เลื่อนระดับไปอีก 2 ระดับ ยิ่งพวกสำนักระดับ 12 13 ยิ่งดีใจกันหนักกว่าใครเพราะพวกตนจะได้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม 10 สำนักแรกแทนอย่างง่ายดายนั่นเอง
“ฮ้าๆ ท่านเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทราย โชคของท่านไม่ดีเลยนะ”เจ้าสำนักสระมรกตสำนักลำดับ 10 พูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ ตนเองอยู่อันดับ 10 คราวก่อนแพ้ให้กับสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเพียงเล็กน้อย วันนี้หมายจะชิงชัยคว้าอันดับเลขตัวเดียวมาเต็มที่ แต่ไม่คิดเลยว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายและสำนักหมู่ดาวจะมาตกม้าตายไปก่อน คราวนี้อันดับเลขตัวเดียวไม่ได้อยู่เกินเอื้อมอีกแล้ว
“ไม่สิ ต้องขอบคุณท่านเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายมากกว่าที่เสียสละตนเองกำจัดสำนักหมู่ดาวให้พวกเรา”เจ้าสำนักกระเรียนเงินสำนักอันดับ 8 หัวเราะออกมาพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทียิ้มแย้มปนเหน็บแนม เพราะคนของสำนักหมู่ดาวส่วนใหญ่โดนจับเข้าคุกทำให้หลายๆสำนักคิดว่าหลินเฟยใช้เล่ห์กลในการทำลายสำนักหมู่ดาว เรื่องฝีมือของหลินเฟยเลยยังไม่กระจายออกไป แถมท่าทีสนิทสนมของหลินเฟยกับเจ้าสำนักวิถีเซียนและเจ้าสำนักกิ่งจันทร์ก็ยิ่งชวนให้คิดเช่นนั้นว่าแท้จริงแล้วหลินเฟยอาจจะเป็นเพียงตัวหมากของสำนักอันดับ 1 ในการกำจัดสำนักหมู่ดาวเท่านั้น
“สำนักเรายินดีเป็นอย่างมากที่ได้มอบความสุขให้แก่สำนักต่างๆ แม้จะเป็นเวลา 1 ปีที่แสนสั้นแต่ก็หวังว่าสำนักพวกท่านจะเก็บเกี่ยวความสุขนี้อย่างเต็มที่นะขอรับ”หลินเฟยว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมายเพราะในปีหน้าสำนักต่างๆก็จะได้ทราบเองว่าผลเป็นเช่นไร
“ท่านเจ้าสำนักสระมรกต การประลองเริ่มแล้วท่านไม่สนใจบ้างหรือ”เจ้าสำนักวิถีเซียนเห็นทั้งสองสำนักพูดจาเช่นนั้นก็มีท่าทีไม่พอใจนัก พยายามเรียกเจ้าสำนักสระมรกตให้หันมาสนใจการประลองแทน
“การประลองสำนักเล็กๆแบบนี้มีอะไรน่าสนใจหรือ”เจ้าสำนักสระมรกตว่าพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ของตนด้วยท่าทีเบื่อๆ การจัดอันดับนั้นจะให้สำนักลำดับล่างเริ่มประลองกันเองโดยจะประลองไล่จากศิษย์เอก อาวุโส รองเจ้าสำนัก และเจ้าสำนักเรียงไปทีละคู่ หากศิษย์เอกชนะจะได้คะแนน 1 คะแนน อาวุโสชนะจะได้คะแนน 2 คะแนน รองเจ้าสำนักได้ 3 และเจ้าสำนักได้ 5 เมื่อนำผลคะแนนมาเทียบกันสำนักที่ชนะก็จะได้อันดับสูงกว่าโดยศิษย์เอกนั้นสามารถลงประลองได้ 3 คน ทำให้ฝีมือของบุคลากรต่างๆเองก็มีผลต่อลำดับของสำนักเช่นกัน ต่อให้หลินเฟยสามารถใช้นิ้วเดียวเอาชนะชิอิงเยี่ยได้ แต่หากศิษย์ที่ฝึกฝนมาพ่ายแพ้หมดร่วมถึงอาวุโสและรองเจ้าสำนักอย่างผานซูเองก็พ่ายแพ้อันดับของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็ไม่เพิ่มขึ้นอยู่ดี
“ท่านเจ้าสำนักสระมรกต โลกของเรานั้นไม่แน่นอน หากท่านไม่ตั้งใจดูตอนนี้ที่นั่งของท่านอาจจะหายไปก็ได้นะ”ชิอิงเยี่ยว่าพลางมองการประลองตรงหน้าอย่างตั้งใจ แม้สำนักเล็กๆจะมีฝีมือไม่มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันหนึ่งจะไม่มียอดคนปรากฏขึ้นในสำนักเหล่านั้น หากหลินเฟยไปเข้าสำนักเล็กๆพวกนั้นวันนี้การประลองคงเจอเรื่องตื่นตาตื่นใจไปแล้ว
“แม้แต่ท่านเจ้าสำนักวิถีเซียนยังระแวดระวังเช่นนี้ช่างน่านับถือ ทั้งๆที่ท่านครองตำแหน่งอันดับ 1 มาหลายสิบปีก็ยังไม่ประมาทเลย น่าสงสารท่านเจ้าสำนักวิญญาณกระบี่ยิ่งนัก”เจ้าสำนักสระมรกตว่าพลางมองไปทางหยูเจินเหอเจ้าสำนักวิญญาณกระบี่
“แน่นอน ข้าไม่คิดจะประมาทหรอก”ชิอิงเยี่ยหันไปมองหยูเจินเหอเช่นเดียวกัน ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา สำนักวิญญาณกระบี่พยายามอย่างหนักที่จะเป็นสำนักอันดับ 1 มาตลอด แต่ทั้งศิษย์เอก ทั้งอาวุโส ต่างฝีทัดเทียมกัน สุดท้ายเลยต้องตัดสินกันที่ระดับเจ้าสำนักทุกที และตัวหยูเจินเหอนั้นก็ต้องพ่ายให้กับชิอิงเยี่ยผู้นี้ทุกทีไป ทำเอาเจ้าสำนักอย่างหยูเจินเหอต้องกลับไปฝึกอย่างหนักทุกครั้งหลังจากพ่ายแพ้ แต่ชิอิงเยี่ยที่มีเนตรจิตและวิชาต่อสู้เหนือกว่าผู้อื่นก็มักจะชิงความได้เปรียบเล็กน้อยไปได้เสมอๆ
เปรี้ยง!!
การประลองของเหล่าสำนักเล็กๆดำเนินต่อกันในช่วงเช้าโดยไม่มีหยุดพักแต่อย่างไร งานวิจารณ์กระบี่ในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อชี้วัดความสามารถของสำนักต่างๆเท่านั้นไม่ได้มุ่งเน้นเอาชีวิต ทำให้การประลองของสำนักเล็กๆส่วนใหญ่มีเพียงการประมือจนทราบความเหลื่อมล้ำของกันและกันจึงค่อยกล่าวยอมแพ้ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงการประลองของสำนักลำดับบนๆเสียที
“อาจารย์…..”หนี่หลิงหนานที่นั่งดูการประลองมาจนถึงตอนนี้หันไปมองหลินเฟยด้วยท่าทีงุนงง การประลองของเหล่ายอดฝีมือสมควรจะตื่นตาตื่นใจไม่ใช่หรือ ทำไมนางถึงรู้สึกแปลกๆยามดูการต่อสู้ของเจ้าสำนักลำดับ 10 กว่าๆกัน
“ทำไมกระบวนท่าของพวกท่านเจ้าสำนักถึง….”หนี่หลิงหนานไม่ทราบจะใช้คำพูดอะไรดี พวกนางฝึกฝนวิชาจากหลินเฟย ทำให้เคยชินกับกระบวนท่าซับซ้อนและล้ำลึกกันอยู่แล้ว แต่วิชาของสำนักระดับแนวหน้าของอาณาจักรซานยามนี้กลับทำได้ไม่ถึงครึ่งของวิชาที่ตนเองฝึกเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าศิษย์คนอื่นๆเองก็มีท่าทีเช่นเดียวกัน แม้การประลองจะเข้าถึงรอบสำนักลำดับบนๆอย่างสำนักกิ่งจันทร์ที่กำลังท้าประลองกับสำนักลำดับ 4 อย่างสำนักปราการเหล็กแล้วก็ตาม แต่วิชาที่ทั้งสองสำนักใช้กลับดูไม่ได้ล้ำลึกอะไรมาก หากตัดเรื่องพลังวิญญาณที่ฝึกฝนจนถึงขีดสุดไป กระบวนท่าส่วนใหญ่เหล่าศิษย์ต่างลงความเห็นว่าสามารถรับมือได้แน่ๆกันเสียด้วยซ้ำ
“………”คนที่ไม่มีท่าทีประหลาดใจเลยคืออาทู้นั่นเอง ตนเองเคยฝึกฝนกับสำนักหมู่ดาวมาก่อน ทราบความลึกล้ำของวิชาในสำนักดี เมื่อเทียบกับวิชาที่หลินเฟยสอนนางเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วมันเหมือนกับเอาหนังสือสอนอ่านอักษรไปเทียบกับหนังสือบทกลอนเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะแค่วิชาที่หลินเฟยเลือกให้ชุนเจ๋อไปส่งๆยังทำให้ท่านหัวหน้าผู้ตรวจการสร้างผลงานได้น่าเหลือเชื่อในการประลองของท่านจิ๋นจี้หลง แต่วิชาที่หลินเฟยเลือกให้เหล่าศิษย์นั้นเหนือกว่าระดับพวกนั้นมาก เกรงว่าวิชาที่พอจะเทียบได้คงมีแต่วิชาของสำนักวิถีเซียนเท่านั้น
“ยอดเยี่ยม….”เสียงชื่นชมและเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วค่ายทหารหลังจากเจ้าสำนักลิ้นมังกรสำนักอันดับ 3 สามารถเอาชนะเจ้าสำนักปราการเหล็กอันดับ 4 ลงได้อย่างน่าตื่นเต้น สุดท้ายแล้วลำดับของสำนักต่างๆก็ไม่ต่างไปจากเท่าไหร่ นอกจากสำนักหมู่ดาวที่ร่วงลงไปอยู่ลำดับเกิน 20 และสำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่ไม่มีอันดับแล้ว ทุกสำนักส่วนใหญ่ก็เลื่อนขึ้นมา 2 ระดับยกเว้นระดับ 8 ขึ้นไปที่เลื่อนกันไปแทนที่ลำดับ 4 อย่างสำนักหมู่ดาว แต่ไม่ค่อยมีสำนักไหนที่เปลี่ยนแปลงไปจากตำแหน่งเดิมเลย
“ต่อไปก็เป็นสำนักเราแล้วสินะ”หยูเจินเหอพูดพลางลุกขึ้นยืนพาเหล่าศิษย์และอาวุโสขึ้นไปบนสำนัก
“มิได้ๆ ฝีมือข้ายังห่างชั้นกับท่านเจ้าสำนักวิญญาณกระบี่เกินไป งานชุมนุมกระบี่ครั้งนี้ลำดับ 3 นับว่าน่าพอใจแล้ว”ยังไม่ทันได้ประลองเจ้าสำนักลิ้นมังกรกลับเป็นฝ่ายขอยอมแพ้เสียอย่างนั้น ทำให้เหลือเพียงอันดับ 1 และ 2 อย่างสำนักวิถีเซียนและสำนักวิญญาณกระบี่เท่านั้นในการประลองครั้งนี้
“ท่านเจ้าสำนักวิถีเซียน เชิญ….”หยูเจินเหอว่าพลางเดินไปยืนอยู่กลางลานประลอง ทั้งๆที่ปกติแล้วเจ้าสำนักจะประลองกันเป็นคู่สุดท้าย แต่ดูเหมือนหยูเจินเหอจะทนไม่ไหวแล้ว ทำให้ชิอิงเยี่ยได้แต่ยิ้มและเดินขึ้นไปบนลานประลองตามที่อีกฝ่ายร้องขอ
“ฟงเป่า ดูให้ดีล่ะ”หลินเฟยเห็นการประลองของทั้งสองกำลังจะเริ่มขึ้นก็บอกให้ฟงเป่าตั้งใจดูเสีย แม้หยูเจินเหอจะไม่ได้เป็นคนบุกเข้าไปทำร้ายตระกูลของฟงเป่า แต่หากฟงเป่าจะแก้แค้นตระกูลหยูไม่มีทางที่หยูเจินเหอจะยืนเฉยๆรอให้ฟงเป่าล้างแค้นสำเร็จหรอก หากจะแก้แค้นก็ต้องมีฝีมือพอจะรับมือหยูเจินเหอผู้นี้เสียก่อน
“ขอรับ”ฟงเป่าพยักหน้าช้าๆพร้อมเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีทองทันที แต่ยังไม่ทันได้ตรวจสอบผ่านดวงตาสีทอง ประสาทสัมผัสพลังวิญญาณของฟงเป่ากลับสัมผัสพลังของหยูเจินเหอได้เสียก่อน
“………..”ทำไมก่อนหน้านี้ฟงเป่าถึงสัมผัสพลังของหยูเจินเหอไม่ได้กัน หรือว่าก่อนหน้านี้หยูเจินเหอเองก็ปกปิดพลังวิญญาณเอาไว้ นี่มันรอมาเปิดเผยบนเวทีประลองเลยงั้นหรือ
“เป็นไงล่ะ ชิอิงเยี่ย”หยูเจินเหอยิ้มออกมาขณะปลดปล่อยพลังวิญญาณทั้งหมดออกมา ยามนี้ในค่ายทหารต่างเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจกันถ้วนหน้า นั่นเพราะพลังของหยูเจินเหอนั้นเลื่อนจากระดับเสินเซียนไปเป็นระดับเทียนเซียนแล้วนั่นเอง ในอาณาจักรซานนั้นระดับพลังเช่นนี้นับว่าไม่เคยมีมาก่อน ผู้ที่บรรลุระดับเทียนเซียนได้ในรอบหลายร้อยปีเกรงว่าจะมีหยูเจินเหอผู้นี้เป็นคนแรก
“ถ้าข้าไม่ได้เจอท่านผู้นั้นมาก่อนก็คงตกใจอยู่หรอก”ชิอิงเยี่ยยิ้มบางๆออกมาพลางมองหยูเจินเหอด้วยท่าทีเรียบเฉย มันเป็นผู้ใช้เนตรจิตสัมผัสพลังของหยูเจินเหอได้ก่อนการประลองจะเริ่มเสียอีก แต่เพราะมันเคยเจอหลินเฟยมาก่อนหน้านี้ พลังระดับเทียนเซียนนั้นไม่ได้ทำให้มันตกใจอีกแล้ว เพราะยามนี้มันได้รู้แล้วว่าระดับเหนือกว่าเสินเซียนนั้นมีจริง และระดับเหนือกว่าเทียนเซียนเองก็มีอยู่อีกเช่นกัน
“วันนี้อันดับ 1 ต้องเป็นของสำนักวิญญาณกระบี่” หยูเจินเหอว่าพลางเรียกเอากระบี่ของตนออกมาถือไว้ในมือ เพียงแต่ชิอิงเยี่ยเองก็ไม่คิดจะงอมืองอเท้ายอมแพ้คู่ต่อสู้ที่พลังเหนือกว่าแต่อย่างไร
เปรี้ยง!! ฝ่ามือของชิอิงเยี่ยปะทะกับกระบี่ของหยูเจินเหออย่างรุนแรง แต่กำลังของหยูเจินเหอกลับมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดทำให้ชิอิงเยี่ยเสียเปรียบทันที วิชากระบี่ของสำนักวิญญาณกระบี่นับว่าสูงล้ำที่สุดในอาณาจักรซาน แม้จะยังเทียบวิชากระบี่เกลียวสมุทรไม่ได้ แต่ก็พอจะเทียบกับกระบี่ร้อยบุปผาได้อยู่ วิชากระบี่ล่าวิญญาณของสำนักวิญญาณกระบี่เน้นไปที่กระบวนท่าทีอ่านทางได้ยาก แทงซ้ายหลอกขวาตีปลายกระบี่เปลี่ยนแปลงทิศทาง การรับมือกระบี่เช่นนี้ทำได้ยาก แต่เพราะสำนักวิถีเซียนมีวิชากายาเหล็กไหลที่แม่ทัพใหญ่อย่างเจี่ยหุนใช้จนได้เป็นใหญ่แล้วยังมีวิชาฝ่ามือที่รุนแรงมากอีกด้วย ก่อนหน้านี้เพราะกำลังของเจ้าสำนักวิญญาณกระบี่ไม่พอทำให้สร้างความเสียหายให้วิชากายาเหล็กไหลไม่ได้ ส่งผลให้เสียกำลังไวกว่าจนพ่ายแพ้ แต่ยามนี้ทุกกระบี่ของหยูเจินเหอกลับสร้างความเสียหายอย่างหนักให้ชิอิงเยี่ยทำเอาชิอิงเยี่ยยังยืนแทบไม่ไหว
“ในที่สุด ข้าก็แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรซาน”หยูเจินเหอหัวเราะลั่นก่อนจะใช้มือบีบคอของชิอิงเยี่ยเอาไว้แน่น
“เปล่า….เจ้ายังไม่แข็งแกร่งที่สุดหรอก”ชิอิงเยี่ยหัวเราะพลางหายใจหนักๆออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่สายตาของมันก็ยังมองไปทางหลินเฟยด้วยท่าทียิ้มแย้ม เนตรจิตของมันสัมผัสได้ชัดเจนเลย แม้หยูเจินเหอจะก้าวข้ามระดับเสินเซียนได้ แต่ก็ยังไม่ถึง 1 ใน 10 ของชายผู้นั้นเลย