ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 7 อิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดา

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 7 อิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดา Ink Stone_Fantasy

หอม่านเมฆคือสถานที่ผลาญเงินแหล่งใหญ่ที่สุดของเมืองอัคคีโชติ คนของตระกูลอ๋องโหวและเหล่ายอดฝีมือที่บำเพ็ญเป็นจำนวนมากล้วนชอบมาที่นี่ ขอเพียงมีแก้วผลึกจักรวาลมากพอ ต่อให้เป็นของล้ำค่าหายากเพียงใด หอม่านเมฆก็สามารถช่วยหามาได้

บนเวทีปิดผนึกแห่งหนึ่ง เทพแท้ระดับผู้ปกครองสองคนกำลังห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง พลังรบของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง จนสามารถข้ามขั้นไปต่อสู้กับเทพอากาศได้เลยทีเดียว

ส่วนรอบเวทีการต่อสู้ กลับมีคนของตระกูลอ๋องโหวและผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งกระจายตัวกันอยู่รอบๆ พวกเขาพาสาวใช้รูปงามมาด้วยแทบจะทุกคน แม้แต่ผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งซึ่งไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ข้างกายก็ยังมีสาวงามของหอม่านเมฆคนหรือสองคนคอบปรนนิบัติรินสุราให้

ไม่นานนักการต่อสู้ยกหนึ่งก็จบลง

คนหนึ่งชนะ ส่วนอีกคนก็ร่างแหลกสลายไปในท้ายที่สุด มิอาจรวมตัวกันได้อีก

เทพแท้…นับได้เพียงว่าเป็นระดับที่ธรรมดามากเท่านั้น ต่อให้เป็น‘อิงซานซีเยว่’ ที่มีสายเลือดของตระกูลอ๋องโหว เนื่องจากเป็นเพียงเทพแท้ จึงนับได้ว่าเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่มีชาติกำเนิดต่ำกว่าเลย พวกเขาทำได้เพียงทำงานระดับต่ำที่สุดเท่านั้น หากโชคดีก็สามารถใช้ชีวิตอย่างราบรื่นได้ หากโชคไม่ดีไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้า เกรงว่าชีวิตก็คงจะหาไม่

ดังนั้นผู้ที่มีปณิธานอย่างแท้จริง ก็จะสู้สุดชีวิต ทำให้ตนกลายเป็นผู้แกร่งกล้า

ส่วนการเดินขึ้นไปบน ‘เวทีเป็นตาย’ นั้นก็เป็นเส้นทางที่มีความเสี่ยงมากยิ่งนัก แต่ก็มีผลประโยชน์มากอย่างยิ่งเช่นกัน แต่ละการต่อสู้ล้วนต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ฝ่ายที่รอดชีวิตก็จะได้ศิลาอลวนเป็นจำนวนมาก  เมื่อมีทรัพยากรแล้ว การบำเพ็ญก็ย่อมรวดเร็วขึ้นมากทีเดียว

“เป็นคนไร้ค่า คนไร้ค่าจริงๆ ข้าเสียแรงมากมายถึงเพียงนั้นไปเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย” อิงซานเลี่ยฮู่พลันขว้างจอกในมือทิ้ง โกรธจนคันยุบยิบไปหมด

“คุณชายเลี่ยฮู่ ใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ อีกประเดี๋ยวข้าจะช่วยท่านหาแขกดีๆมาให้สักคน จะต้องไม่ไร้ประโยชน์เหมือนคนไร้ค่านี่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” สาวงามที่ป้อนสุราให้อยู่ข้างกายเขาพูดเสียงหวาน

“ฝูเอ๋อร์ ครั้งก่อนเจ้าก็พูดเช่นนี้ ครั้งนี้ข้าจะยังกล้าเชื่อเจ้าอีกหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่หมุนกาย นิ้วมือเชยคางคนงามขึ้นมา สาวงามที่มาปรนนิบัติภายในหอม่านเมฆทุกคนล้วนบำเพ็ญเคล็ดวิชาเสน่ห์ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งทั้งหลาย ก็ล้วนอดที่จะจมดิ่งลงไปในความนุ่มนวลมิได้ ช่างเป็นการดื่มด่ำโดยแท้

“คุณชายเลี่ยฮู่ ท่านวางใจเถิด ฝูเอ๋อร์จะหาก่อน เมื่อหาพบแล้วท่านค่อยไปดูนะเจ้าคะ หากท่านไม่เชื่อฝูเอ๋อร์เช่นนี้ ฝูเอ๋อร์จะเสียใจจริงๆ นะเจ้าคะ”

ขณะที่อิงซานเลี่ยฮู่กำลังหยอกเย้ากับสาวงามนั้น ก็พลันมีบุรุษร่างอ้วนพีเยียบเมฆดั้นด้นเข้ามาจากที่ไกลออกไป

บุรุษร่างอ้วนพีผู้นี้พูดพลางหัวเราะมาตั้งแต่ไกลลิบว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายอิงซานเลี่ยฮู่ ยินดีด้วยๆ”

“ยินดีหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่สะดุ้ง รู้สึกดีใจระคนตกใจขึ้นมา

คนของตระกูลอ๋องโหวและผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งคนอื่นรอบด้านล้วนตกตะลึงอยู่บ้าง เนื่องจากพวกเขาล้วนจำได้ว่าผู้มาเยือนก็คือนายท่านของหอม่านเมฆ และเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองอัคคีโชติ…‘ฉุนอวี้เฟิง’ นั่นเอง ‘ฉุนอวี้เว่ยอี’ พี่ชายของฉุนอวี้เฟิงเป็นหนึ่งในสองยักษ์ใหญ่แห่งเมืองอัคคีโชติ

ยักษ์ใหญ่อีกคนหนึ่งย่อมเป็นท่านโหวหั่วเลี่ย

ฉุนอวี้เว่ยอีปกครอง ‘ตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา’ ซึ่งมียอดฝีมือมากมายดุจเมฆ จำนวนของยอดฝีมือตำหนักทิพย์เมฆทักษิณามากกว่าจวนโหวหั่วเลี่ยมากนัก เนื่องจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาเป็นตัวแทนของ ‘ประมุขรัฐ’ ที่สำคัญก็คือร่างแยกของเทพจักรวาลผู้รักษาเมืองอัคคีโชติที่หลับใหลอยู่ผู้นั้น…ก็คือบรรพชนของตระกูลฉุนอวี้…จ้าวฉุนอวี้นั่นเอง! ใช่แล้ว ตระกูลฉุนอวี้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของรัฐเมฆทักษิณา เป็นตระกูลที่ให้กำเนิดเทพจักรวาล

ราชวงศ์และสามตระกูลระดับกษัตริย์ ก็คือสี่ตระกูลใหญ่

เมื่อเทียบกันแล้วตระกูลอิงซานก็ยังอ่อนแอกว่าอยู่ขุมหนึ่ง ‘เจ้าแม่อิงซาน’ แห่งตระกูลอิงซานผู้นั้นก็เป็นเพียงเฟิงอ๋องเท่านั้น

ดังนั้น…

ในฐานะน้องชายของฉุนอวี้เว่ยอี และผู้ปกครองหอม่านเมฆ สถานที่ผลาญเงินแหล่งใหญ่ที่สุดของเมืองอัคคีโชติ สถานะของ ‘ฉุนอวี้เฟิง’ จึงสูงส่งอย่างยิ่ง สามารถเทียบเทียมและพูดคุยเล่นหัวกับบรรดาผู้อาวุโสแห่งจวนโหวหั่วเลี่ยเหล่านั้นได้ อิงซานเลี่ยฮู่ซึ่งเป็นเพียงเทพแท้ระดับผู้ปกครองคนหนึ่ง…นายท่านแห่งหอม่านเมฆอย่าง ‘ฉุนอวี้เฟิง’ นั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย

“ประมุขหอฉุนอวี้ ท่านแสดงความยินดีกับข้าหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่รีบผุดลุกขึ้น รู้สึกตกใจระคนยินดีขึ้นมา

“หรือท่านยังไม่ทราบอีก” ประมุขหอฉุนอวี้ร่างอ้วนท้วนเบิกตากว้างพลางพูดอย่างตกตะลึง “บัดนี้จวนโหวหั่วเลี่ยของพวกท่านมีเรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่เกิดขึ้น ฮูหยิน ‘หรงซิงหลัน’ ของท่าน อิงซานเลี่ยฮู่ ให้กำเนิดบุตรคนหนึ่ง เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว”

เมื่ออิงซานเลี่ยฮู่เพิ่งจะได้ยินคำว่าให้กำเนิดบุตรก็มิได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ยิน ‘เทพอากาศ’ สามพยางค์นี้ก็ตะลึงงันไปแล้ว

เทพอากาศ มิอาจนับเป็นอะไรได้

แต่ทารกที่เพิ่งเกิดออกมาเป็นเทพอากาศก็น่าหวาดหวั่นแล้ว แสดงให้เห็นถึงสายเลือดอันเข้มข้นที่น่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ!

“ลูกของข้าหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่เบิกตาโพลง

“อะไรนะ บุตรของอิงซานเลี่ยฮู่กำเนิดออกมาก็เป็นเทพอากาศแล้วหรือ”

“ล้อเล่นหรือเปล่า”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน”

คนของตระกูลอ๋องโหวคนอื่นๆ ที่อยู่รอบด้านที่ได้ยินเข้าก็ส่งเสียงอึกทึกขึ้นมา พวกเขาส่วนมากเป็นคนของตระกูลอ๋องโหวซึ่งถูกส่งมาทำการค้าอยู่ในเมืองอัคคีโชติ เมื่ออยู่ในตระกูลของตนก็ไม่นับว่ามีสถานะสูงส่งสักเท่าใดนัก แต่ก็มิได้แย่ไปกว่าอิงซานเลี่ยฮู่! ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าคนไร้ค่าอย่างอิงซานเลี่ยฮู่นั่นให้กำเนิดบุตรที่ออกมาก็เป็นเทพอากาศ ก็พากันตกตะลึงอยู่บ้าง

“ละ…ลูกของข้าเกิดมาเป็นเทพอากาศอย่างนั้นหรือ ลูก ลูกของข้าอิงซานเลี่ยฮู่หรือ” อิงซานเลี่ยฮู่ตื่นเต้นขึ้นมา

เขาก็เคยคิดอยากจะเป็นผู้แกร่งกล้าเช่นเดียวกับบิดา!

แต่คุณสมบัติและการรับรู้ไม่เพียงพอ และเขาก็ยังเป็นบุตรที่ถือกำเนิดขึ้นมาตอนที่ท่านพ่ออย่างอ่อนแอ  สายเลือดก็อ่อนแอ เมื่อบำเพ็ญต่อไปไม่ได้ และสำเร็จเป็นเทพอากาศมิได้จริงๆ แล้ว ดังนั้นจึงได้ทำลายตนเอง อาศัยสถานะดื่มด่ำอย่างเต็มที่

“หรงซิงหลันหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่คิดขึ้นมาได้แล้ว นั่นคือสตรีที่เขาชิงตัวเข้าไปในจวนโหวเพราะเห็นแก่ความงามนี่นา ก่อนหน้านี้ได้ให้กำเนิดบุตรสาวแก่เขาคนหนึ่งนามว่าอิงซานซีเยว่กระมัง ตนเองก็ไม่เคยพบหน้ามาก่อน

เขาคิดจะส่งสารให้หรงซิงหลัน

แต่กลับพบว่า ตนมิได้บันทึกรอยประทับส่งสารของหรงซิงหลันเอาไว้เสียด้วยซ้ำ

“ฮูหยิน ฮูหยิน” อิงซานเลี่ยฮู่ส่งสารให้ฮูหยินใหญ่ฉานอวี้เยี่ยนเจินของตนทันที “ซิงหลันให้กำเนิดบุตรแก่ข้าคนหนึ่ง เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้วอย่างนั้นหรือ”

“ใช่แล้ว ท่านรีบกลับมาเถิด ท่านโหวจะบันดาลโทสะแล้ว” ฉานอวี้เยี่ยนเจินตอบอย่างเรียบง่าย ยามนี้นางไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรกับสามีมากนัก

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า…”

อิงซานเลี่ยฮู่พลันหัวเราะเสียงดังกังวาน ดังก้องไปทั่วตำหนักขนาดมหึมาแห่งนี้“ บุตรชายของข้าอิงซานเลี่ยฮู่ กำเนิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…”

“พี่เลี่ยฮู่ ยินดีด้วย”

“พี่เลี่ยฮู่ นับถือๆ”

ยามนี้ เหล่าสหายจอมปลอมไปจนถึงพวกคนที่ดูแคลนอิงซานเลี่ยฮู่เหล่านั้น แต่ละคนพากันส่งเสียงแสดงความยินดี!

อิงซานเลี่ยฮู่หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วหมุนกายพลางสะบัดอาภรณ์คราหนึ่ง “ไป กลับจวนโหวกันเถอะ”

“ขอรับ เจ้านาย” บ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งด้านหลังเขารับคำด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวานกว่าก่อนหน้านี้มากนัก บรรดาบ่าวรับใช้ต่างก็มีใจฮึกเหิมขึ้นมา

ฟิ้ว

เมื่อออกจากหอม่านเมฆ

อิงซานเลี่ยฮู่นั่งลงบนราชรถอย่างเย่อหยิ่ง บรรดาบ่าวรับใช้ก็ปรนนิบัติอยู่บนราชรถ สัตว์ประหลาดลากราชรถทะยานข้ามขอบฟ้ามุ่งหน้าไปทางจวนโหวอย่างรวดเร็ว

เพียงชั่วจอกชาหนึ่ง

“สวบ”

กลางอากาศก็มีชายชราอาภรณ์สีเทาผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น เห็นได้ชัดว่าเร่งเคลื่อนที่ในพริบตามา เมื่อเขาเห็นอิงซานเลี่ยฮู่ก็แค่นเสียงพูดว่า “อิงซานเลี่ยฮู่ ท่านโหวให้ท่านไปพบโดยเร็ว ไปกับข้า”

“เป็นผู้อาวุโสเถียนหรือ ดีๆๆ” อิงซานเลี่ยฮู่กระตือรือร้นเป็นอันมาก

ชายชราอาภรณ์สีเทากลับจับตัวอิงซานเลี่ยฮู่เอาไว้ด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วก็เร่งเคลื่อนที่ในพริบตาไปทันที ขณะที่อิงซานเลี่ยฮู่ถูกจับตัวไปนั้นก็ยังกำชับลูกน้องว่า “นำราชรถของข้ากลับไปด้วยล่ะ ไม่สิ อีกเดี๋ยวรถนี่ต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว!” อิงซานเลี่ยฮู่ฝันหวานถึงชีวิตอันงดงามต่อจากนี้เรียบร้อยแล้ว

สวบๆ…

ภายใต้การเคลื่อนที่ในพริบตา ชายชราอาภรณ์สีเทาก็พาอิงซานเลี่ยฮู่กลับถึงจวนโหวอย่างรวดเร็ว และมาถึงบริเวณที่ท่านโหวพำนักอยู่

“รออยู่ที่นี่แหละ” ชายชราอาภรณ์สีเทาพาอิงซานเลี่ยฮู่ร่อนลงมา

“นี่มันเรื่องอันใดกัน” อิงซานเลี่ยฮู่มองไปข้างหน้า ทหารรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งล้วนมีสีหน้าเย็นชา บรรยากาศก็ออกจะกดดันอยู่บ้าง แม้แต่ชายชราอาภรณ์สีเทาก็ไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย

“มิใช่เรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่หรอกหรือ นี่มันเรื่องอันใดกัน ชวนให้ตกใจถึงเพียงนี้” อิงซานเลี่ยฮู่หดคอมองไปรอบด้าน เขามายังที่พำนักของบิดาน้อยมาก เพราะหากท่านพ่อไม่เรียกพบแล้ว เขาก็ไม่มีคุณสมบัติเข้ามา

“ผู้อาวุโสเถียน บุตรชายคนนั้นของข้าเล่า” อิงซานเลี่ยฮู่ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ บุตรชายที่เกิดมาก็เป็นเทพอากาศเชียวนะ ตอนนี้เขารู้สึกคับข้องใจที่ก่อนหน้านี้มิได้ไปเยี่ยมเยียนให้มากหน่อย ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นบุตรชายของตนอยู่ดี!

“คุณชายเสวี่ยอิงอยู่กับท่านโหว” ชายชราอาภรณ์สีเทาเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง

ทันใดนั้นภายในโถงตำหนักไกลออกไปก็มีเสียงตะคอกอย่างโมโหดังขึ้น “ไปจับตัวนางตัวร้ายฉานอวี้เยี่ยนเจินมาเดี๋ยวนี้”

อิงซานเลี่ยฮู่ถูกเสียงตะคอกอย่างโมโหนี้ทำเอาตกใจเสียจนใจสั่นแข้งขาอ่อนไปหมด ฉานอวี้เยี่ยนเจินหรือ มิใช่ฮูหยินของตนหรอกหรือ

 …………………………………