”พี่ใหญ่ทำไมต้องทำแบบนี้?” ตงฟ่างจือซิ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ชิงสุ่ยซึ่งกำลังเดินหายเข้าไปในประตูหอคอยจักรพรรดิ
หัวใจของชายที่อยู่ด้านข้างสั่นระรั่วขณะมองน้องสาวของเขาตงฟ่างจือซิ่วน้องสาวที่มีความเย่อหยิ่งสูงจนยากที่จะเจอคนที่ชอบ แต่ตอนนี้เธออ่อนไหวกับชายหนุ่มที่อยู่เบื้องล่าง เขาคือชายคนแรกที่ทำให้น้องสาวของชายหนุ่มคนนี้ยอมลดตัวลงไปหา แต่ทำไมชายคนนี้ถึงได้มีพลังมากพอจะสังหารผู้นำเทวะสูงสุดจากมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ได้ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
”เจ้าเปรียบพี่ชายที่ไม่มีเหตุผลและไร้เยื่อใยคนนี้ใช่หรือไม่?เจ้าคงคิดว่าข้าห่วงแต่ตัวเองเมื่อต้องเผชิญหน้าภยันตรายใช่หรือไม่?”ชายคนดังกล่าวจ้องมองตงฟ่างจือซิ่ว
”ข้ารู้ว่าท่านมีเหตุผลของท่านไปอย่างไรก็ตาม ถ้าหากข้าหันหลังให้กับภัยอันตราย มันก็จะกลายเป็นปมในใจของข้าไปตลอดกาล”ตงฟ่างจือซิ่วกล่าวโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ามอง
”เจ้าชอบชายคนนี้อย่างนั้นสินะ?”พี่ชายของเธอยิ้มขณะกล่าวถาม
ตงฟ่างจือซิ่วร่างกายสั่นเครือพร้อมกับนึกย้อนถึงความรู้สึกของตนเองเธอมองดูชายคนนั้นสักพักใหญ่ ในขณะที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน หรือว่าเธอเองก็อาจจะไม่สังเกตเห็นปัญหานี้ เธอไม่เคยคิดถึงมันเลย ท้ายที่สุดแล้วอาจเป็นเพราะเบื้องหลังตระกูลของเธอ จึงทำให้การหาคู่ครองเกิดขึ้นได้ยาก
แม้ว่าบนโลกนี้ชายหญิงอาจจะดูเหมือนเท่าเทียมแต่ในมุมมองของชิงสุ่ย มันไม่ได้ต่างจากโลกไปก่อนเลย หากนับความอิสระทุกคนล้วนมีความอิสระ แต่ในที่แห่งนี้เขาสามารถแต่งงานกับหญิงหลายคนได้ แต่ในทางกลับกัน หญิงสาวนั้นสามารถแต่งงานกับชายได้แค่คนเดียว ในเมื่อเธอคือคนสำคัญของนิกายโอกาสที่เธอจะได้พบเจอกับชายดีๆมีต่ำ จนแทบจะเป็นไปไม่ได้
และด้วยการที่เธอเป็นหญิงสาวทรงพลังมันยิ่งทำให้ความมั่นใจของชายอื่นลดต่ำลงแม้แต่ความกล้าจะสนทนาก้นแทบไม่เหลือ ทำให้ในตอนนี้ชิงสุ่ยเลยกลายเป็นชายคนเดียวที่กล้าพูดคุยกับเธอโดยตรง
”ข้าก็ไม่ได้เกลียดชายคนนั้นข้าเป็นหนี้บุญคุณเขา และเขาก็ช่วยเหลือข้าโดยไม่หวังสิ่งใดๆ”ตงฟ่างจือซิ่วกล่าวหลังจากหยุดนิ่งชั่วครู่
”เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าชายคนนี้ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน?”ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างยืมและกล่าวถาม
”ความสามารถในการรักษาของเขาเรียกได้ว่าล้ำเลิศกว่าผู้ใดในโลกพลังของเขาเองก็แข็งแกร่งเหลือคณา นอกจากนี้เขาเองก็ไม่ขาดสมบัติล้ำค่าใดๆ ท่านพี่มองเห็นหญิงสาวรอบๆกายของเขาหรือไม่? พวกนางแต่ละคนงดงามยิ่งกว่าเทพธิดาที่สามารถทำให้สวรรค์ต้องล่มสลายเพราะการฆ่าฟันแย่งชิง ข้ายอมรับว่าข้าเองก็งดงามกว่าผู้อื่น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกนาง ข้าไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากกว่าพวกนางเลย”ตงฟ่างจือซิ่วจ้องมองชายที่อยู่ด้านข้างพร้อมกับรอยยิ้ม
”แม้ว่าเจ้าจะพูดแบบนั้นแต่ข้าคิดว่าคำพูดน้องสาวของข้านั้นดูอ่อนด้อยเกินไป จริงๆแล้วเจ้าเองก็อยู่ระดับเดียวกับพวกนาง”ชายคนดังกล่าวยิ้มด้วยรอยยิ้มอันแสนประหลาด ชายผู้มีเสน่ห์คนนี้ มีอิทธิพลต่อน้องสาวของตนเองมาก
”น้องของข้าแท้จริงแล้วพวกเราเองก็ไม่ต้องการหนีปัญหา ฉะนั้นพวกเราเองก็ต้องช่วยทุกคนต่อต้านพวกพระราชวังอมตะเบญจพิษ”ชายคนนั้นกล่าวเพิ่มเติม
”แล้วทำไมท่านเพิ่งพูดเอาตอนนี้?”
”ข้าไม่ต้องการพูดมันชายที่เจ้านับถือเป็นคนฉลาด หากพูดออกไป เท่ากับว่าเราพยายามสร้างหนี้บุญคุณ ฉะนั้นการกระทำจึงดีกว่าคำพูด” ……………..
ชิงสุ่ยและกลุ่มคนของเขาเดินทางกลับเข้าสู่หอคอยจักรพรรดิทุกคนไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่เขาเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้เผชิญหน้ากับพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะในเร็ววันขนาดนี้ เขาเองก็ทำตัวเป็นคนปกติ เขาจึงมั่นใจว่าการกระทำของเขาไม่ใช่การกระทำที่ขุดหลุมฝังตัวเอง
ชิงสุ่ยก็ไม่ได้ต้องการให้ตงฟ่างจือซิ่วอยู่ในตำแหน่งที่อึดอัดใจนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องการให้เธอออกจากที่แห่งนี้ เขาเองก็ไม่ได้แบ่งปันความสัมพันธ์อะไรกับตงฟ่างจือซิ่วเลย และก็ไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะมาหลงรักเขา ชิงสุ่ยไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่หลงใหลหญิงสาวโฉมงามทุกคนที่พบหน้า มิฉะนั้น เขาก็คงไปไม่ถึงไหน ในเมื่อโลกใบนี้เต็มไปด้วยหญิงสาวโฉมงามมากมาย
นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังพบว่าชายที่เขาเพิ่งได้เจอเป็นคนที่ดูน่าเกรงขาม ไม่ใช่คนที่มีความคิดตื้นเขินและไม่ใช่คนที่จะลืมบุญคุณง่ายๆ เขาจึงจะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความเอื้ออาทรทำให้ตัวเองกลายเป็นคนดี
ในวันถัดไปหอคอยจักรพรรดิก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งสับเปลี่ยนกันมาเยี่ยมชม สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยตกตะลึงมากที่สุดคือคนเหล่านี้มาจากตระกูลหลิน
มีคนประมาณ20 คนมาที่หอคอยจักรพรรดิ ผู้นำกลุ่มเป็นชายวัยกลางคน ร่างกายขนาดใหญ่กำยำสวมชุดเกราะบาง แต่ในขณะเดียวกันกลิ่นอายรอบตัวของชายคนนั้นมันทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและความรู้สึกสุภาพ ชายคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความตั้งใจและความผ่อนปรน อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยรับรู้ได้จากการเฝ้ามอง
ย้อนกลับไปเมื่อวันวานหลังจากผู้นำราชันย์ปราชญ์ทั้ง 3 คนจากไป ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าองค์ชายน้อยอาจจะมาปรากฏตัว แต่เขาไม่คิดเลยว่าคนที่จะมากลับกลายเป็นคนตระกูลหลิน ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ เขาเองก็ไม่รู้เหตุผลแน่ชัด ชิงสุ่ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจบจะเป็นยังไงแต่หากเขาเดาไม่ผิด กลุ่มคนเหล่านี้คงมาเพื่อเชิญเขาให้เข้าร่วมกับขุมกำลัง
ชิงสุ่ยไม่ได้เชิญคนจากภายนอกเข้ามาแต่เลือกที่จะเป็นฝ่ายออกไปแทน
”ท่านคงจะเป็นคุณชายชิงสินะ!!”ชายวัยกลางคนผู้เป็นผู้นำกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร
”ข้าต้องเรียกท่านว่าอย่างไร?”
”ข้าหลินเสินหนานยินดีที่ได้พบกับคุณชายชิง”
”ท่านให้เกียรติข้าเกินไปแล้วโปรดเรียกข้าว่าชิงสุ่ยเถิด”ชิงสุ่ยยิ้มด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
”ถ้าหากท่านไม่รังเกียจข้าขอเรียกท่านว่าสหายชิง”
”ตกลงสหายหลิน ไม่ทราบว่าท่านมีสิ่งใดต้ที่องการจากข้าอย่างนั้นหรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามตรงไปตรงมา ”เช่นนั้นข้าจะตอบตรงไปตรงมาท่านองค์ชายน้อยและผู้นำหมาป่าเทวะต่างก็ต้องการให้ท่านเข้าร่วมกับมหาจักรวรรดิ ไม่ทราบว่าสหายชิง คิดอย่างไรกับข้อเสนอนี้?”หลินเสินหนานจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
ชิงสุ่ยตกใจอย่างมากหากมีเพียงแค่องค์ชายน้อยที่ต้องการให้เขาเข้าร่วมกับมหาจักรวรรดิ เขาอาจจะไม่แปลกใจ แต่ผู้นำหมาป่าเทวะต่างหากที่สร้างความน่าประหลาดใจทั้งๆที่เขาเพิ่งฆ่าผู้นำเทวะคนสำคัญไปตั้ง 2 คน หากคิดตามตรรกะที่ถูกต้อง เขาควรจะเกลียดชิงสุ่ยนึกถึงกระดูกดำแทน
”สำหรับท่านผู้นำหมาป่าเทวะเขาไม่คิดว่าการสูญเสียผู้นำเทวะสูงสุดไม่กี่คนจะกลายเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ หากเขาทำให้ท่านเข้าร่วมกับพวกเราได้ มันก็คุ้มค่าแม้จะต้องสูญเสียผู้นำเทวะสูงสุดไปอีกหลายคนก็ตาม”หลินเสินหนานดูเหมือนจะเข้าใจสีหน้าที่กำลังแสดงให้เห็นถึงความตกใจของชิงสุ่ยเป็นอย่างดี ชิงสุ่ยไม่ได้พูดโต้ตอบเขาทำเพียงแค่จ้องมองหลินเสินหนานด้วยสายตาจริงจัง
ชิงสุ่ยสนุกกับการมีชีวิตอยู่อย่างอิสระเมื่อเขาเข้าร่วมกลุ่มใดก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะให้อิสระมากเพียงใด นึกในใจของเขาก็รับรู้ถึงการสูญเสียอิสรภาพบางส่วน
จนกระทั่งถึงตอนนี้ชิงสุ่ยก็พอจะเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังที่หลินเสินหนานเดินทางมาเยี่ยมเยียนเขา แผนเดิมของชายคนนี้คือการโน้มน้าวเขาให้เข้าร่วมกับมหาจักรวรรดิ แต่หลังจากได้พูดคุยกับเขาแล้ว ชิงสุ่ยก็เริ่มเปลี่ยนใจ ชิงสุ่ยคนพบว่าหลินเสินหนานเป็นคนที่มีความเข้ากันกับเขาเป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่จะมีดวงตาที่ดีเท่านั้น เขายังมีความกล้าหาญและความแข็งแกร่งชั้นสูง ในอนาคต ชายคนนี้อาจจะบรรลุในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้