”มันเป็นเรื่องยากที่จะตอบทุกท่านก็คงรู้อยู่แล้ว จริงๆแล้วข้าเองก็ได้เข้าร่วมกับนิกายหนึ่งไปตั้งนานมากแล้ว”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวตอบขณะจ้องมองหลินเสินหนาน
”ข้ารู้ข้าเข้าใจแต่สหายชิง ข้าเองก็มีความสามารถในการอ่านใบหน้าของผู้คน ถ้าหากวันนั้นมาถึง การที่ท่านเข้าร่วมกับกลุ่มใดๆก็ตาม มันคงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของผู้หญิง แน่นอนว่าพวกนางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แต่ล้วนเป็นผู้หญิงของท่าน” หลินเสินหนานกล่าวด้วยคำพูดสองแง่สองง่าม
”สหายหลินเจ้าสนใจเข้ามาดื่มน้ำชาในหอคอยจักรพรรดิของข้าหน่อยหรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวเชิญชวนหลินเสินหนานหลังจากได้เห็นมุมมองของชายคนนี้ การมีเพื่อนเพิ่มอีกคนนึงถือว่าเป็นเรื่องดี ที่สำคัญชายคนนี้เองก็เป็นถึงสมาชิกของตระกูลหลิน แม้ว่าชิงสุ่ยแต่ยังไม่อยากเข้าร่วมฝ่ายใด แล้วก็ไม่ได้อยากสร้างศัตรูกับใครเลย แต่ด้วยความสามารถในปัจจุบัน ต่อให้เขาไม่ต้องการสร้างปัญหากับใคร แต่ถ้าปัญหามาเยือน ชิงสุ่ยมั่นใจมากว่าเขาแข็งแกร่งพอจะดูแลตัวเองได้
”ข้ารู้สึกว่าข้าค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับสหายชิงหากไม่รบกวนสหายเกินไป ข้ายินดีเข้าไปร่วมดื่มน้ำชากับท่าน”หลินเสินหนานยิ้มและกล่าวตอบ
”แน่นอนไม่รบกวนอย่างแน่นอน”
หลินเสินหนานไม่อนุญาตให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในหอคอยจักรพรรดินำซ้ำเขายังสั่งให้คนอื่นๆเดินทางกลับไปที่ตระกูล ส่วนตัวของเขาก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ยิ่งทำให้ชิงสุ่ยชื่นชมความคิดแง่บวกของชายผู้นี้
”ข้าได้ยินมาว่าผู้คนจากตระกูลหลินไปที่ไหนก็มีมิตรสหายคอยต้อนรับตลอดเวลา ดูเหมือนว่าข่าวลือนี้ข้าได้เห็นกับตาแล้วว่ามันเป็นความจริง”ชิงสุ่ยกล่าวขณะก้าวเดิน
หลินเสินหนานเข้าใจคำพูดของชิงสุ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้ม”ตระกูลหลินเป็นตระกูลที่เป็นมิตร หากให้พูดจริงๆแล้ว แม้ว่าตระกูลหลินจะมีราชาครึ่งภูผา แต่พวกเราก็ไม่ได้สนใจอำนาจของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์เลย พวกเราส่วนใหญ่เลือกที่จะเงียบ แต่ผู้อื่นก็ยังนำพวกเราไปพูดจาว่าร้ายในเรื่องต่างๆ”
”ตราบใดที่ท่านยังอยู่ในความเที่ยงตรงจะไม่มีเงาภัยร้ายใดๆทำร้ายพวกท่านได้ สหายหลิน ข้าเชื่อในสิ่งที่ท่านพูด”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
ไม่ใช่ว่าชิงสุ่ยเชื่อไปเองบางครั้งการสนทนากับผู้อื่นจำเป็นต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเอง แต่เมื่อเขาสัมผัสถึงพลังปราณจิตที่ยากเกินกว่าจะโกหก เขาก็รับรู้ได้เลยว่าคำพูดของชายคนนี้เกิดจากความจริงใจ
”ขอบคุณมาก!!”
ชิงสุ่ยผายมือเชิญหลินเสินหนานให้นั่งลงจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปหยิบไหสุรารวมถึงกับแกล้มอีกจำนวนหนึ่งออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ ด้วยความสามารถของดินแดนต่างมิติ อาหารทุกอย่างจึงยังคงสดใหม่เหมือนเพิ่งทำ
อาหารทุกอย่างสีสันสวยงามกลิ่นหอมเหนือจินตนาการทันทีที่น้ำสุราไหลเข้าสู่ริมฝีปากกระทบฟัน ความสดชื่นของสุราพรั่งพรูไปทั่วทั้งท้อง มันเป็นความรู้สึกยอดเยี่ยม เหนือยิ่งกว่าการถึงจุดสุดยอดระหว่างการเจริญสัมพันธ์กับหญิงสาวโฉมงามเสียอีก
หลินเสินหนานดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีสุรารสเลิศเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าตระกูลหลินมีสถานะสูงส่ง พวกเขาจึงได้ชิมรสสุรามากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยเห็นน้ำสุราที่อยู่ในถ้วยหยกแบบนี้มาก่อน
สิ่งที่ทำให้สุราชนิดนี้มีความงดงามมากยิ่งขึ้นคือการที่มันเติมเต็มความรู้สึกอิ่มเอมใจ ราวกับสวรรค์กำลังดึงตัวผู้ดื่มสุราก้าวเข้าไปในโลกเหนือดินแดน ที่สำคัญ หลินเสินหนานยังรู้สึกว่าร่างกายของเขาเหมือนถูกชำระล้าง ”รสชาติของมันเป็นอย่างไรบ้าง?”ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกอันแสนสุขของหลินเสินหนาน
”ยอดเยี่ยมไร้ที่ตินี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ลิ้มลองสุราเลิศรส มันลบล้างรสชาติสุราแต่ข้าเคยดื่มมาทั้งชีวิต สหายชิง เจ้าเป็นคนบ่มสุรานี้ด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?”หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง หลินเสินหนานก็ฟื้นคืนสติและรีบกล่าวถาม
”ข้าจะบ่มสุราเมื่อมีเวลาว่างข้าชอบความรู้สึกอิสระเวลาดื่มด่ำรสชาติอาหาร ท่านไม่มีทางได้ลิ้มรสอาหารเหล่านี้จากที่อื่นอย่างแน่นอน”ชิงสุ่ยรินสุราลงในถ้วยของหลินเสินหนานขณะกล่าวตอบ
หลินเสินหนานหยิบตะเกียบคีบอาหารที่ไม่คุ้นเคยเข้าปากกลิ่นของอาหารก่อนหน้านี้ได้กระตุ้นความอยากอาหารของเขาอย่างหนักหน่วง รสชาติของอาหารยิ่งเติมเต็มความอร่อยรวมเป็นหนึ่งกับสุรา แม้ว่าหลินเสินหนานจะไม่ได้ลิ้มลองอาหารแสนอร่อยทั่วทั้งโลกแต่เขาก็เคยลิ้มลองอาหารระดับจักรพรรดิ แต่ในวันนี้อาหารที่เขากำลังกินได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับเขา แต่มันก็ไม่สามารถสู้สุราก่อนหน้านี้ได้เลย เขาถึงกับเรียกมันว่า สุราที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยในตัวของชิงสุ่ยเพราะชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้า ในสายตาของเขาเป็นเพียงแค่เด็ก แต่หลังจากได้เรียนรู้ เขาก็พบแล้วว่าตัวของเขาเองนั้นเป็นแค่คนหยิ่งผยอง ที่ประเมินชายหนุ่มอัจฉริยะต่อหน้าต่ำไป
”สหายชิงไม่ทราบว่ามีอะไรที่ท่านต้องการให้ข้าช่วยบ้างหรือไม่?”หลินเสินหนานกล่าวถามชิงสุ่ย เขาเชื่อว่ามันจะต้องมีบางอย่างกระตุ้นทำให้ชิงสุ่ยเชิญเขาเข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิ
หลังจากเพลิดเพลินกับอาหารมื้อเย็นความประทับใจของหลินเสินหนานที่มีต่อชิงสุ่ยก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ลึกๆในใจของเขาคอยย้ำเตือนให้เขาทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชายหนุ่มคนนี้
”สหายหลินท่านเป็นคนฉลาด ฉะนั้นข้าจึงขอพูดตรงไปตรงมา ข้ามั่นใจว่าท่านจะต้องดูออกว่าข้ากำลังติดพันอยู่กับสถานการณ์ยุ่งเหยิง ครอบครัวของข้า เพื่อนๆของข้ากำลังถูกคุกคาม ดังนั้น การแก้ปัญหาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของข้า แต่ข้าเอง ยังไม่มีความตั้งใจจะเข้าไปรวมอยู่กับกลุ่มใดๆ สหายหลิน พอจะเข้าใจความหมายที่ข้าพูดหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
”ข้าเข้าใจแต่ สหายชิง ท่านหวังจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?”หลินเสินหนานกล่าวถาม
”แม้ว่าตอนนี้ข้ากำลังถูกชักชวนจากกลุ่มคนสองกลุ่มนั่นคือกลุ่มองค์ชายน้อยและกลุ่มผู้นำหมาป่าเทวะ หากเปรียบเทียบกันแล้ว ข้ารู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ข้างองค์ชายน้อยแลดูจะมีความเหมาะสมกว่า”
”ด้วยความสัตย์จริงการจะเอาชนะผู้นำหมาป่าเทวะมันคงเป็นไปไม่ได้หากไม่มีการเสียสละ หากคนเราไม่มีจุดอ่อน การเผชิญหน้าครั้งแรกคือความได้เปรียบ แต่ทุกอย่างก็ยังคงมีความเสี่ยง การต่อสู้ที่ดีที่สุดคือการถอนรากถอนโคน หากยอดยุทธของอีกฝ่ายหนีรอดออกไปได้ พวกเราก็คงอยู่กันอย่างไม่สงบสุข และเพื่อแลกเปลี่ยนกับมัน พวกเราต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล”หลินเสินหนานกล่าวตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
ชิงสุ่ยเข้าใจความหมายที่เขาพยายามบอกมันเป็นเรื่องปกติของชีวิต ด้วยเหตุนี้หอคอยจักรพรรดิจึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ชิงสุ่ยจึงนิ่งเงียบ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ชิงสุ่ยก็เผยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว สหายหลิน ตอนนี้เราสองคนถือเป็นมิตรสหายกัน ถ้าหากท่านต้องการความช่วยเหลือ บอกข้าได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจ”
ในช่วงเวลานี้ชิงสุ่ยเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง ด้วยความสามารถทางการรักษาของเขา ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าข้างฝ่ายใด ผู้ที่ดำรงตนยึดมั่นในการรักษา สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับสงคราม ตราบใดที่พวกเขามีความสามารถมากพอ และกระตือรือร้นในการทำความรู้จักกับผู้คน
แน่นอนว่าผู้เป็นหมอไม่มีทางที่จะไม่เคยถูกรุกราน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาหมอในการรักษา มันจึงทำให้ชิงสุ่ยพอจะหาทิศทางให้กับตนเองได้
เวชมหาจักรวรรดิเวชสวรรค์?