เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 887
มีงานให้ทำก็มีจนยาวเหยียด พอไม่มีงานก็แค่นิดหน่อย

ลู่ฝานหลบอยู่ในคณะหนึ่งเดียวอย่างสงบสุขไปอีกหนึ่งเดือน

เวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนดีดนิ้ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย

วันนี้ลู่ฝานต้องออกจากสถาบันสอนวิชาบู๊ เดินทางไปยังเมืองหลวงเพียงคนเดียว

ตีนเขาอวิ๋น ทุกคนกำลังส่งลู่ฝานออกเดินทาง

เป็นภาพที่โศกเศร้า กระตุ้นต่อมน้ำตา

“ศิษย์น้องลู่ฝาน อย่าลืมเอาของอร่อยกลับมาเยอะๆ นะ ฉันได้ยินว่าขนมกุ้ยฮวาที่เมืองหลวงสุดยอดมาก ส่งกลับมาให้ฉันสักสองกล่อง”

“ศิษย์น้องลู่ฝาน สาวงามที่เมืองหลวงเยอะ ได้ยินว่าสิบนางโลมของประเทศอู่อาน มีเจ็ดคนอยู่ที่เมืองหลวง นายเอากระจกจำภาพบันทึกไว้สิ ถ้าไม่ได้จริงๆ เอาเป็นภาพก็ได้ ต้องเอากลับมาให้ได้นะ ให้ฉันได้เห็นหน่อย”

“ศิษย์น้องลู่ฝาน ดูแลร่างกายด้วย อย่าโดนสาวงามเมืองหลวงเอาไปหมดตัว โอ๊ย ศิษย์น้องหลิงเหยา ฉันพูดผิด เธออย่าถีบฉัน”

“ศิษย์น้องลู่ฝาน ศิษย์พี่ใหญ่ไม่มีอะไรต้องกำชับนายแล้ว สรุปว่ามีอะไรอร่อย มีอะไรสนุก อย่าลืมเอากลับมาให้ศิษย์พี่ใหญ่ก็พอ”

“ลู่ฝาน นายไปก่อน ฉันก็จะไปเที่ยวที่นั่นเหมือนกัน ถ้านายเจออาจารย์อับโชคของฉัน ฝากทักทายเขาด้วย บอกเขาว่าฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไม่เลวเลย บอกเขาว่าไม่ต้องกังวลใจ”

……

ภายใต้การกำชับอย่างเอาใจใส่ของพวกศิษย์พี่ ลู่ฝานกอดหลิงเหยาอย่างอ่อนโยน และเดินออกจากประตูคณะหนึ่งเดียวทันที

เจ้าดำยืนบนไหล่ของเขา โบกมือให้ทุกคน ดูเหมือนมีความวูบไหวอยู่ในตา สิบสามสะพายย่ามอันเล็ก เขาไม่มีสิ่งของอากาศธาตุ ย่ามเล็กๆ ใบนี้ เป็นข้าวของทั้งหมดของเขา

สุดท้ายลู่ฝานโบกมือให้พวกอาจารย์ หลังจากนั้นก็เดินออกไป เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

“สิบสาม รีบไป ถ้ายังไม่ไป สองสามคนนี้ต้องให้ฉันพาผู้หญิงกลับมาให้พวกเขาแน่ๆ”

สิบสามพยักหน้าแรงๆ รีบเดินตามลู่ฝานไป

เร่งฝีเท้าขึ้น วิชากายเหมือนสายลม

ลู่ฝานกับสิบสามเหมือนสายลมที่พัดอยู่ในป่า ต้นไม้ผ่านตัวพวกเขาจนเกิดเสียง

ไม่นาน ลู่ฝานกับสิบสามมาถึงโถงหลักของสถาบันสอนวิชาบู๊

ท่านผอ.รอพวกเขาอยู่ที่นี่นานแล้ว

เมื่อเห็นลู่ฝานมาถึง ท่านผอ.มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า

“มาแล้วเหรอลู่ฝาน”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านผอ.ครั้งนี้ท่านคงเตรียมสัตว์บินที่ค่อนข้างดีให้ผมใช่ไหม สถาบันสอนวิชาบู๊ที่ยิ่งใหญ่ คงสัตว์บินที่เข้าท่ามาได้อยู่แล้วใช่ไหม”

ท่านผอ.พูดว่า “ฉันคิดไม่ถึงว่านายจะออกจากคุกใต้ดินได้ในระยะเวลาหนึ่งปี จะเตรียมสัตว์บินให้นายได้ยังไงล่ะ อะนี่แผนที่ ดูสถานที่ให้ดี อย่าเดินหลงทางล่ะ”

ลู่ฝานรับแผนที่มา แผนที่ขนาดใหญ่ถูกกางออก ขนาดกว้างหลายเมตร

ลู่ฝานหาอยู่นาน ในที่สุดก็เห็นจุดเล็กๆ ที่ใช้ปากกาสีแดงวาดไว้ “นี่คือเมืองหลวงเหรอครับ”

ท่านผอ.พยักหน้า “ใช่ นี่คือเมืองหลวง งั้นตอนนี้เราอยู่ตรงไหน”

ท่านผอ.วนรอบแผนที่อยู่หนึ่งรอบ จนมาถึงด้านล่าง ชี้ตรงจุดที่เล็กกว่าแล้วพูดว่า “ตรงนี้”

ลู่ฝานเพ่งมองแล้วพูดว่า “นี่คือสถาบันสอนวิชาบู๊เหรอครับ”

ท่านผอ.ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ใช่ ที่นี่คือเขตตงหวา”

ลู่ฝานอ้าปากค้างแล้วพูดว่า “ท่านล้อผมเล่นหรือเปล่า เขตตงหวาอันกว้างใหญ่ แค่จุดเล็กๆ เนี่ยนะ”

ท่านผอ.พยักหน้าพูดว่า “ใช่ จุดเล็กแค่นี้แหละ”

ลู่ฝานกลืนน้ำลาย ถ้าไม่ดูแผนที่ก็ไม่มีทางรู้ ที่แท้ประเทศอู่อานใหญ่ถึงระดับนี้เลย

ลู่ฝานเทียบระยะห่างของจุดเล็กๆ ทั้งสองจุด สีหน้ายิ่งไม่สู้ดี

“ท่านผอ. บอกผมหน่อย ระยะทางไกลขนาดนี้ ผมควรไปยังไง”

ท่านผอ.ยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นมันเรื่องของนายแล้ว”