ตอนพิเศษ 2-4 ยอน ชิน

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

ยุนเตะก้อนหินตรงนอกชานเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ชินเองก็เช่นกัน ทุกอย่างช่างแตกต่างจากพระราชวังเป็นอย่างมากจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร 

 

 

“ทำอะไรกันอยู่เจ้าคะ ทำไมถึงไม่เข้ามา” 

 

 

เสียงใสกังวานพุ่งไปทางสองคนที่ยืนตัวแข็งทื่อ ยอนมองดูรอบห้องหลังจากค่อยๆ วางเสบียงที่ขนมาลง ยุนกับชินตามเข้ามาและโยนย่ามลงพื้นส่งๆ ก่อนจะนั่งลงบนนั้น 

 

 

“แล้วจะนอนตรงไหน อย่าบอกนะว่านั่นคือเตียง” 

 

 

ชินพูดพลางขมวดคิ้วอย่างแรง แต่ก็จริงอย่างที่เขาพูด ภายในห้องไม่มีเตียงอย่างที่เด็กๆ รู้จัก มีเพียงแค่ตู้ขนาดใหญ่และพื้นข้างๆ ที่ยกสูงขึ้นมาหนึ่งขั้นเท่านั้น 

 

 

“ลองเปิดอันนั้นดูสิ” 

 

 

พอยุนพยักพเยิดหน้าไปทางตู้ ชินก็โต้กลับทันควัน 

 

 

“เจ้าก็เปิดเองสิ อวดดีนักไม่ใช่หรือไง” 

 

 

“ว่าไงนะ อวดดี? เจ้าบอกว่าองค์รัชทายาทอย่างข้าอวดดี ทั้งๆ ที่ตนเป็นองค์ชายงั้นหรือ” 

 

 

“ทั้งสองท่าน หนวกหูเสียจริง มาที่นี่เหมือนกันแล้ว ยังจะมีองค์ชาย องค์รัชทายาทอยู่อีกหรือไง” 

 

 

ยอนพูดอย่างสงบนิ่งและลุกขึ้นเปิดตู้ ภายในมีเครื่องนอนที่เก่าแต่สะอาดสะอ้านพับอย่างเป็นระเบียบ ดูเหมือนว่าต้องปูสิ่งนี้บนพื้นยกสูงขึ้นเล็กน้อยแล้วนอนสินะ จากนั้นนางก็ปิดตู้แล้วเปิดประตูข้างผนัง 

 

 

สองห้องเชื่อมกันด้วยประตูนี้ ห้องข้างๆ มีขนาดเล็กกว่าห้องแรกพอสมควร แต่แตกต่างกันตรงที่มีผ้าห่มนุ่มๆ วางอยู่บนเตียงสะอาด โต๊ะเล็กๆ กับเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนก็ถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมใช้งานทันที  รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ฮอนผู้เป็นห่วงลูกสาวส่งคนขึ้นมาวางไว้อย่างเร่งด่วน 

 

 

“ข้าจะใช้ห้องนี้” 

 

 

ยอนยืนจับห่วงประตูและหันหลังมาพูด 

 

 

“ว่าไงนะ นั่นมันต้องเป็นห้องข้าสิ พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันก็นอนที่นี่ได้มิใช่หรือ!” 

 

 

“ถึงแม้จะมีสายเลือดเดียวกัน แต่ชายหญิงย่อมอยู่แยกกัน แล้วจะให้นอนเตียงเดียวกันได้อย่างไรเจ้าคะ ช่วยพูดอะไรที่เป็นไปได้หน่อยเถิด” 

 

 

“เจ้าไปเรียนคำพูดแปลกๆ พวกนี้มาจากที่ใดกัน เด็กผู้หญิงอย่างเจ้าน่ะ” 

 

 

“นี่ ยูยุน ทำไมเจ้าถึงเอาแต่เรียกน้องสาวข้าว่าเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงอยู่นั่นแหละ” 

 

 

“อะไรนะ ยูยุน? เจ้ากล้าเรียกชื่อข้าตามใจชอบงั้นหรือ” 

 

 

อ่า หนวกหูจริง ยอนปล่อยเด็กทั้งสองที่เริ่มทะเลาะกันอีกครั้งและเดินเข้ามาในห้องข้างๆ ลงกลอนประตูดังแกร็ก เสียงกลอนประตูทำให้ยุนกับชินหยุดเถียงกันสักพักแล้วจ้องอย่างมึนงง จากนั้นเสียงเคาะผนังและประตูก็ดังวุ่นวายสั่นสะเทือนไปทั้งกระท่อมเล็กๆ  

 

 

“นั่นมันห้องข้า! เปิดนะ!” 

 

 

“น้อง น้อง! ไม่ได้จะให้ข้านอนกับเจ้าหรอกหรือ น้อง!” 

 

 

“ข้าเหนื่อย จะของีบสักพัก เพราะฉะนั้นช่วยจัดข้าวของแล้วตักน้ำมาด้วยเจ้าค่ะ” 

 

 

ยอนเทน้ำจากไหน้ำที่วางอยู่ตรงมุมใส่ลงถ้วยดื่มก่อนจะหาว เสด็จพ่อคงจะเอามาไว้ให้สินะ พอคิดอย่างนั้นจึงไม่รู้สึกว่ากระท่อมที่ไม่คุ้นเคยน่ากลัวอีกต่อไป นางมุดตัวลงในผ้าห่มสะอาดและผล็อยหลับในทันที 

 

 

“นางหลับไปจริงๆ หรือเนี่ย” 

 

 

หลังจากเคาะประตูจนหมดแรง ยุนก็ทำหน้าตาบูดบึ้ง ส่วนชินผู้ซึ่งรู้จักนิสัยยอนกว่าใครก็เลิกเคาะตั้งแต่ตอนยอนบอกว่าจะงีบแล้ว 

 

 

“ใช่น่ะสิ ข้าจะออกไปตักน้ำ เจ้าก็ขนของทั้งหมดไปห้องครัวแล้วกัน” 

 

 

“เจ้าเป็นใครถึงได้มาสั่งให้ข้าทำนู่นทำนี่ เดี๋ยวนะ นี่เจ้าเชื่อฟังตามที่นางพูดงั้นหรือ” 

 

 

“พูดอะไรของเจ้า” 

 

 

“เป็นลูกผู้ชายทำไมถึงต้องทำตามที่นางสั่งให้ไปจัดของและตักน้ำด้วยล่ะ เจ้าไม่มีศักดิ์ศรีหรือไง” 

 

 

คำพูดของยุนทำให้ชินซึ่งกำลังจะออกไปข้างนอกหยุดชะงัก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาเชื่อฟังคำของน้องสาวเป็นอย่างดี ชินรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างมากเลยปิดประตู เอาผ้าห่มออกมาจากตู้และปูลงตรงมุมหนึ่ง 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะนอนด้วย งั้นเจ้าก็ไปตักน้ำกับจัดของด้วยแล้วกัน” 

 

 

“พูดอะไรเหลวไหล” 

 

 

หาว ชินไม่สนใจคำพูดของยุนและหาวอย่างแรงเหมือนกับยอนเมื่อสักครู่ ก่อนจะพลิกตัวเข้ามุม แม้จะรู้สึกวิตกเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นตามมา แต่คำพูดของยุนก็มีเหตุผล พอมาคิดดูดีๆ แล้ว เขาเป็นทั้งพี่ชายและยังเป็นองค์ชายใหญ่ผู้สูงที่สุดในลำดับขั้น เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำพูดของน้องสาวเลย 

 

 

“นอน? เจ้าเองก็จะนอนหรือ ตอนนี้เนี่ยนะ” 

 

 

มีเพียงแค่เสียงกรนเบาๆ ดังขึ้นแทนคำตอบ ตักน้ำมาไว้แล้วกัน ที่คิดเช่นนี้ก็เพราะเขาเองก็กระหายน้ำไม่น้อย เนื่องจากกระบอกน้ำที่เอามาด้วยหมดตั้งนานแล้วระหว่างทาง ยุนมองกระบอกน้ำสลับกับชินที่นอนหลับอยู่สักพัก สุดท้ายก็บ่นพึมพำพร้อมกับออกไปหาน้ำข้างนอก 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“อื้อ หลับสบายจัง” 

 

 

ยอนบิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นมานั่ง ดูเหมือนว่าจะหลับไปเต็มที่เลยต่างกับที่คิดไว้ว่าจะนอนแค่แป๊บเดียว เห็นจากที่พระอาทิตย์ในฤดูร้อนซึ่งยาวนานกว่าปกติเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยแล้ว 

 

 

ทำงานที่สั่งไว้เสร็จหมดแล้วหรือยังนะ ย่ามยังวางอยู่เหมือนเดิมในห้องข้างๆ หลังปลดกลอนประตูและข้ามไปดู ยอนคิ้วกระตุกเล็กน้อยและดึงผ้าห่มตรงหน้าออก 

 

 

“อื้ออ แม่นม ข้าง่วง” 

 

 

ชินละเมอพร้อมกับดึงผ้าห่มมาใหม่ สบายเลยสินะ ยอนเขย่าไหล่พี่ชายอย่างแรง 

 

 

“ทำไมท่านพี่ถึงอยู่คนเดียว แล้วองค์รัชทายาทล่ะ” 

 

 

“หือ องค์รัชทายาท?” 

 

 

ชินบ่นพึมพำทั้งที่ยังหลับตา และทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นและกวาดตามองรอบๆ นอกจากแสงอาทิตย์ที่เคยส่องสว่างเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนแล้ว ภายในห้องก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากก่อนจะล้มตัวลงนอนแม้แต่น้อยเลย 

 

 

“เจ้านั่นไปไหนเล่า” 

 

 

“นั่นมันคำถามข้านะท่านพี่” 

 

 

“โอ๊ย อะไรอีกเนี่ย จริงๆ เลย” 

 

 

ชินลุกพรวดขึ้นแล้วออกไปข้างนอก ยอนเองก็ตามหลังออกมาและหาดูรอบๆ จนทั่ว แต่ก็ไม่เจอแม้แต่รอยเท้าของยุน 

 

 

“ท่านพี่ หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเขาจะลงไปคนเดียว” 

 

 

“ไม่นะ แผนที่ก็ยังอยู่ตรงนี้” 

 

 

ไม่ว่าจะเฉลียวฉลาดขนาดไหน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุแปดขวบเท่านั้น พี่น้องไม่รู้ว่ามีเหล่าทหารคุ้มกันได้รับคำสั่งจากรยูฮาให้ซ่อนตัวและคอยดูพวกเขาอยู่ทุกที่ พวกเขาเริ่มหน้าซีด เดี๋ยวพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว องค์รัชทายาทหายไปไหนกันแน่ 

 

 

“แยกกันไปหาเถอะ ท่านพี่ท่านไปทางนู้นนะ” 

 

 

“แล้วถ้าพวกเราหลงทางจะทำอย่างไรล่ะ” 

 

 

คำกล่าวอันเฉียบคมของชินทำให้ยอนกะพริบตาปริบๆ ไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องแล้วออกมาใหม่ ในมือเล็กถือห่อเนื้อตากแห้งกับมีดด้ามเงินขนาดเล็กที่เอาออกมาจากย่าม คมมีดสีเงินสะท้อนกับแสงอาทิตย์สีส้ม 

 

 

 

 

 

“มีของแบบนั้นด้วยหรือ” 

 

 

“อืม อะนี่”  

 

 

ชินเองก็เอามีดสั้นคล้ายของเล่นออกมาจากแขนเสื้อเช่นกัน มันคือสิ่งที่คนในราชวงศ์ต่างก็พกติดตัวกันทั้งนั้น แต่เนื่องจากเป็นของเด็กจึงไม่ค่อยคมเท่าไหร่ 

 

 

“ใช้อันนี้ทำสัญลักษณ์ไว้บนต้นไม้ ระหว่างทางก็ดูพวกก้อนหินให้ดีด้วย เข้าใจหรือไม่ ต้องกลับมาก่อนพระอาทิตย์จะตกดินนะ” 

 

 

ยอนกำชับพร้อมกับส่งเนื้อตากแห้งให้ชินและออกจากกระท่อมไปโดยไม่หันหลังกลับมา เส้นทางเปลี่ยวแทบจะไม่ค่อยมีคนมาค่อนข้างยากลำบากสำหรับนาง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถลดความเร็วลงได้ แต่แสงอาทิตย์ตกดินก็เริ่มเข้มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด 

 

 

“องค์รัชทายาท! องค์รัชทายาท! นี่ องค์รัชทายาท!” 

 

 

แม้จะตะโกนเรียกชื่อด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแค่เสียงสะท้อนเท่านั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันอาจจะนำไปสู่สาเหตุของสงคราม เสียงของเสด็จแม่วนเวียนภายในศีรษะเล็กๆ  

 

 

ถ้าเกิดก้าวพลาดตกหน้าผาไปจะทำอย่างไร ถ้าเกิดหลงทางในภูเขาจนไม่มีใครหาเจอจะทำอย่างไร ยอนคิดเช่นนั้นในขณะที่เดินไปอย่างไร้จุดหมาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าพระอาทิตย์ที่คล้อยลงมาตรงไหล่เขากำลังสาดแสงสุดท้ายอยู่ รวมถึงไม่รู้ด้วยว่ากลุ่มเมฆฝนกำลังรวมตัวกันราวกับฝูงหมาป่า 

 

 

“องค์รัชทายาท! อยู่ไหนน่ะ องค์รัชทายาท! ตอบสิ!”