ตอนที่ 746 ตัดขาดความสัมพันธ์(1)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 746 ตัดขาดความสัมพันธ์(1) โดย Ink Stone_Romance

ไป๋หลางตกใจเพราะเขาจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

เย่เซียวถามเสียงขรึม “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”

 “อยู่…โรงพยาบาล”

 “ทำอะไรที่โรงพยาบาล?!”

 “คุณหมอนัดเธอไว้ว่าผ่าตัดทำแท้งวันนี้”

 “เธอกล้าเหรอ!” เย่เซียวตะคอกเสียงดัง อารมณ์เดือดพล่านนั่นอย่าว่าแต่คนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติเขาอยู่ข้างๆ จะตกใจเลยแม้แต่คุณแม่เย่ยังสะดุ้งเฮือก มองเขาอย่างกังวล โบกมือให้คนรับใช้อื่นๆ ถอยไปจากห้องชั่วคราว

 “เธอกล้าเอาลูกฉันออกดูสิ!เธอกล้าเหรอ!” เย่เซียวกัดฟันพูดทุกคำและเพราะอารมณ์ที่รุนแรงเกินไปทำให้ร่างกายสั่นเทา

วางสาย เขาตะคอกเสียงต่ำ“หลี่สือ!”

 “นายท่าน!” หลี่สือรีบเข้ามา

 “ฝากนายดูแลคุณหญิงชั่วคราว อย่าให้ท่านเป็นอะไรไปเด็ดขาด!”

 “แล้วท่าน…”

“ฉันต้องไปประเทศ S ก่อน”

 “ตอนนี้?” หลี่สืออึ้ง นี่งานแต่งงานใกล้จะเริ่มแล้วไม่ใช่หรือ?

 “ใช่ ตอนนี้!”

เย่เซียวไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าโทรศัพท์เดินออกไปในท่าทางเร่งรีบจนเกิดเสียงลมตามทาง

ท่าทางนั่นย่อมเป็นท่าทีที่หากเจอใครขวางหน้าจะฆ่าให้หมดอย่างไม่ละเว้น

ไม่มีใครกล้าขวางเขาแต่มีคนไปรายงานคุณไฟก่อนแล้ว

รอเขามาถึงชั้นล่างไฟเรนเซ่ได้พาชายชุดดำนับสิบกว่าคนมารอเขาที่ห้องโถงอยู่ก่อนหน้าแล้ว “เย่เซียว การพนันของเรา แกคิดว่าเล่นตลกเหรอ!แกคิดจะอยู่ก็อยู่ คิดจะไปก็ไป?!”

เย่เซียวดวงตาแดงก่ำและไม่มีท่าทีจะหยุดฝีเท้า

 “นายน้อย!”

เฉิงหมิงก้าวไปขวางเขาไว้หนึ่งก้าว

เขาหายใจหนักอึ้ง ยกปืนจ่อหัวเฉิงหมิง แรงโทสะและแรงอาฆาตในดวงตายังทำให้เฉิงหมิงสะดุ้ง

ไฟเรนเซ่ตบล้อเก้าอี้เข็น “แกกล้าดียังไง แม้แต่ลุงหมิงแกยังกล้าขู่!”

 “คุณพ่อ ตอนนี้ผมพูดแค่ประโยคเดียวถ้าวันนี้ใครกล้าขวางผม ปากกระบอกปืนนี้ก็จะจ่อหัวคนนั้น!ผมไม่ว่าอะไรถ้าจะตายไปพร้อมกับท่าน!”

 “เย่เซียว!” ไฟเรนเซ่คำราม “แกรู้มั้ยว่าแกกำลังพูดอยู่กับใคร?!”

เย่เซียวตาแดงก่ำเพราะเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย “ให้พวกเขาไสหัวไป!”

ทีนี้มีคนวิ่งออกหน้ามากระซิบบอกเฉิงหมิงไม่กี่ประโยคอย่างร้อนรน เฉิงหมิงตกใจก่อนถึงโน้มตัวไปกระซิบบอกไฟเรนเซ่“คุณไฟ ให้นายน้อยไปเถอะครับ ตอนนี้คุณไป๋กำลังทำแท้งที่ประเทศ T…”

ไฟเรนเซ่ทำหน้านิ่งอึ้งชั่ววูบ แต่ไม่นานก็สงบอารมณ์ได้พลางส่งสัญญาณให้คนกลุ่มนั้นให้คนรอบข้างสลายตัวไป

เย่เซียวไม่ชักช้าแม้แต่ก้าวเดียว ก้าวขายาวขึ้นรถที่รออยู่ตรงนั้นนานแล้ว

 “เย่เซียว!” น่าหลันเรียกเขาจากข้างหลังแต่เขากลับไม่เคยหันกลับมา รถถูกสตาร์ทเกิดเสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นก่อนจะพุ่งตัวออกไปราวกับลูกกระสุน

 “เย่เซียว คุณอย่าไปนะ!” น่าหลันยกชายกระโปรงวิ่งตามไป เธอในตอนนี้ไม่คิดจะสนใจสายตาของผู้คนในงานอีกแล้ว แค่เหยียบรองเท้าส้นสูงตามไปร้องไห้ปานใจจะขาด “เย่เซียว หยุดนะ…คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้…”

แต่รถคันนั้นยิ่งขับยิ่งไกล ยิ่งขับยิ่งไกล…ไกลเสียจนหายไปจากการมองเห็นในไม่นาน…

ผู้ชายบนรถนั่นไม่เคยชะงักเพื่อเธอแม้เพียงครู่เดียว

เธอวิ่งจนเมื่อยขา

กำรองเท้าส้นสูงล้มพับกับพื้นอย่างสิ้นหวัง ผมทรงเจ้าสาวที่ถูกเกล้าขึ้นสยายหลุดออกมาอย่างน่าอนาถ

เดิมทีเธอเป็นเจ้าสาวที่สร้างความตะลึงแก่ผู้คนในวันนี้ แต่ ณ เวลานี้เธอกลับกลายเป็นตัวตลกที่น่าขันที่สุด…

………………

บนรถ

เย่เซียวกำโทรศัพท์กดโทรไปยังเบอร์นั้นแต่ไม่ว่าจะโทรอย่างไรก็โทรไม่ติด

เขาโกรธจนแทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งนอกหน้าต่าง

ให้ตายสิ!

ผู้หญิงคนนั้นทางที่ดีจะไม่กล้าทำอย่างนั้น!ไม่อย่างนั้นเขาไม่กล้าคาดคิดจริงๆ ว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรที่อยู่เหนือการควบคุมบ้าง!

 “นายปล่อยวางหน่อย อย่างน้อยเด็กนั่นก็เป็นลูกของพวกนาย ฉันว่าเธอแค่พูดด้วยความโกรธไปแค่นั้น” ถังซ่งปลอบเขา

เย่เซียวสูดหายใจลึกด้วยสีหน้าเยือกเย็น อารมณ์โกรธ? จากนิสัยของเธอแล้วเขาไม่กล้าฟันธงจริงๆ

สุดท้ายได้แค่สั่งหยูอัน “ขับเร็วหน่อย”

………………

รอไป๋หลางเดินทางมาถึงโรงพยาบาลนั้นเห็นเพียงเธอที่นอนบนเตียงและใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดฝาด

เจ้าตัวเหมือนคนที่ทำจากกระดาษและถูกลอกกระดูกเส้นเอ็นไปทั้งหมด เรียกให้คนมองอดสงสารไม่ได้

 “คุณรอผมมาเซ็นไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ?” ไป๋หลางพยายามระงับอารมณ์ตัวเองไว้ วางผลไม้ที่เอาติดมือมาไว้ข้างๆ

ไป๋ซู่เย่ถึงค่อยๆ เปิดเปลือกตามองไป๋หลางแวบหนึ่ง อยากจะยันตัวให้ลุกขึ้น ไป๋หลางเอาหมอนสอดไว้หลังเธอให้เธอนั่งหลังตรง มองเขา “นายมาได้ยังไง?”

 “ก็เป็นห่วงคุณไง เดิมทีอยากให้คุณคิดดีๆ ก่อน ไม่คิดว่า…”

ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ปริปากเอ่ยเสียง มือเย็นเฉียบใต้ผ้าห่มวางบนหน้าท้องน้อยตัวเองเบาๆ

ตรงนั้น จนตอนนี้ยังเจ็บอยู่…

 “ในเมื่อตัดสินใจแบบนี้แล้วคุณก็อย่าคิดมากเลย” ไป๋หลางพูดปลอบ แสร้งพูดอย่างสบายๆ “ยังไงอนาคตก็มีโอกาสอีก ใช่มั้ยล่ะ?”

ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบแค่เบนสายตาไปนอกหน้าต่าง ยังมีโอกาสอีกไหม? เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีโอกาสท้องอีกหรือไม่ แต่ว่า…

เธอคิดว่า…

กับเย่เซียว…คงไม่มีโอกาสอีกแล้วสินะ…

นับจากวันนี้ไปเขาเป็นผู้ชายของคนอื่นไปแล้ว…

 “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว คุณยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันสินะ? ผมจะไปซื้อกลับมาให้คุณหน่อย” ไป๋หลางรู้สึกบรรยากาศรอบข้างอึดอัด รอเธอพยักหน้าถึงเดินไปจากห้องพักผู้ป่วย

ไม่รู้ว่าควรปลอบโยนอย่างไรดีจริงๆ

มีบางเรื่องที่ไม่หายเพียงเพราะคำพูดปลอบโยน

……………………

เย่เซียวนั่งเครื่องบินมาถึงประเทศ S เขาเดินทางอย่างไม่หยุดพักมาถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาบ่ายสามกว่า

ไป๋ซู่เย่ในชุดคนไข้กำลังเดินออกจากห้องตรวจของโรงพยาบาลพอดี เจ้าตัวยังมึนอยู่บ้าง

เธอเงยหน้าเห็นเย่เซียวยืนห่างตัวเองไปเพียงไม่กี่เมตรและสีหน้าเย็นชา ดวงตาที่คละเคล้าด้วยหลากหลายอารมณ์มองเธอมาแต่ไกล สายตานั่นคล้ายจะมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง

แต่เขากลับไม่เคยขยับเข้ามาใกล้

เป็นภาพลวงตา…

เขาเพิ่งแต่งงานวันนี้นะ จะปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?

เธอยิ้มอย่างขมขื่นที รู้สึกตัวเองช่างน่าขำ

เรื่องมาถึงจุดนี้แล้วเหตุใดถึงยังมีภาพลวงตาว่าเขาจะปรากฏตัวได้? ลูกไม่มีแล้ว…เขาจะมาหรือไม่มา ล้วนสายไปแล้ว…

ชายหนุ่มที่ยืนไม่ห่างเริ่มก้าวขามาทีละก้าวๆ พร้อมด้วยความเย็นชา ก้าวขายาวมาทางเธอ เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นส่งเสียงดังแสนอึดอัดใจก้องทางเดินยาวที่เงียบสงบ

เสียงนั่นราวกับเคาะลงหัวใจเธอ

อึดอัดจนใจเจ็บ…

เธอยืนตะลึงอยู่กับที่

กระทั่งชายหนุ่มยืนห่างตัวเองเพียงคืบ ได้รับความกดดันที่ไม่สามารถปะทะซึ่งๆ หน้าได้นั้นเธอถึงได้สติ

ไม่ใช่ภาพลวงตา…

เขายืนอยู่ตรงหน้าตัวเองจริงๆ!

 “ลูกล่ะ?” เย่เซียวถามเสียงเรียบ ประโยคสั้นๆ ที่เขาแทบจะพูดเล็ดลอดไรฟันออกมาทีละตัว แข็งกระด้างเหมือนหิน

ไป๋ซู่เย่ใช้ดวงตาว่างเปล่ามองชายหนุ่มตรงหน้า “คุณมาเพื่อให้แน่ใจว่าฉันได้เอาลูกออกไปหรือเปล่างั้นเหรอ?”

…………………………