บทที่ 6 บทที่ 81 กลิ่นอายอันโหดเหี้ยม

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ผ่านไปครู่ใหญ่ ดูเหมือนชีสจะสงบลงแล้ว หลงซีรั่วถึงได้ปล่อยเขา เธอพาปีศาจน้อยสามตนไปยังสถานที่ไกลจากสนามกีฬา จากนั้นค่อยเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวเจียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังแล้ว”

 

 

“ใต้เท้าหลง จุยเฟิงเขา…” ชีสเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

หลงซีรั่วเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “จุยเฟิงจะฆ่าคนหรือไม่ได้ฆ่านั้นไม่ใช่เรื่องที่นายต้องพูด เขาต้องมาพูดเอง นายวางใจเถอะ ฉันจะพยายามตามหาจุยเฟิงให้พบ แต่…”

 

 

หลงซีรั่วพูดด้วยสายตาที่ดุดันว่า “ถ้าหากเขาเป็นคนทำจริงๆ ฉันก็จะไม่ละเว้น เพราะกฎก็คือกฎ”

 

 

ชีสทำได้เพียงพยักหน้า

 

 

เสี่ยวเจียงบอกเรื่องราวทั้งหมดให้หลงซีรั่วฟังแล้ว…หากทำตามกฎของปีศาจก็จะทำให้เขาไม่สามารถสอดมือเข้ายุ่งกับเรื่องนี้ได้อีก

 

 

“พวกนายไปเรียนเถอะ” หลงซีรั่วโบกมือ “อย่ามัวอยู่ที่นี่ เดี๋ยวมนุษย์จะสงสัยเอาได้…ฉันจะเข้าไปดูว่าพวกมนุษย์หาเบาะแสอะไรได้บ้าง”

 

 

ชีสพยักหน้า

 

 

ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็พูดขึ้นว่า “ชีส ช่วงนี้นาย…ได้ไปที่ไหนหรือว่าพบเจออะไรมาหรือเปล่า?”

 

 

“ไม่ ไม่มีครับ” ชีสรีบส่ายหน้าด้วยท่าทางดูร้อนรน

 

 

หลงซีรั่วหรี่ตาลงแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ เพียงแต่เอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “งั้นก็แล้วไป แต่นายเองต้องระมัดระวังตัวหน่อย ถ้ามีเรื่องหรือลำบากอะไรก็ให้มาหาฉันเป็นคนแรก เข้าใจไหม”

 

 

“ผมรู้แล้วครับ ใต้เท้าหลง” ชีสพยักหน้า “งั้นผม นีนี่กับเสี่ยวเจียงกลับแล้วนะครับ”

 

 

“ไปเถอะ” หลงซีรั่วพยักหน้า

 

 

เธอมองตามแผ่นหลังของชีสจากไป แต่กลับขมวดคิ้วขึ้น “ความรู้สึกไม่สบายใจนี้คืออะไร? ทำไมลมหายใจของชีสถึง…แปลกอย่างนี้”

 

 

แต่ความสงสัยของเธอก็เพียงวาบผ่านไปเท่านั้น…เพราะเธอยังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ

 

 

เธอต้องแน่ใจว่าพวกมนุษย์ตำรวจจะไม่พบเบาะแสที่ไม่ดีต่อพวกปีศาจน้อย

 

 

 

 

หลงซีรั่วหลบมนุษย์ทุกคนไปถึงสถานที่เกิดเหตุได้อย่างง่ายดาย…และก็เป็นสถานที่สุดท้ายที่พวกชีสและเสี่ยวเจียงแยกจากจุยเฟิง

 

 

หลงซีรั่วยืนอยู่บนราวค้ำอีกอันพร้อมหรี่ตาลง นัยน์ตามีสีทองแตกกระจาย สายตาของเธอเริ่มขยายอย่างต่อเนื่อง เหมือนเครื่องมือตรวจจับซึ่งไม่ยอมปล่อยรายละเอียดเล็กน้อยผ่านไปแม้แต่จุดเดียว

 

 

สายตาของเธอเริ่มหมุน ตามร่องรอยเล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของปีศาจน้อยสองสามตัวเมื่อคืน รวมไปถึงสถานที่ที่เป็นไปได้ว่าผู้ตายผ่านไปก่อนตาย

 

 

“เกิดอะไรขึ้น…สุดท้ายจุยเฟิงกับผู้ตายอยู่บนราวค้ำเดียวกัน แต่มนุษย์กลับตายแล้ว หากเป็นระยะนี้แล้วละก็…” หลงซีรั่วขมวดคิ้วขึ้น

 

 

เธอพยายามครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด…ถ้าหากฆาตกรเป็นคนอื่นก็ต้องมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ในที่อื่นๆ อีก นอกจากฆาตกรจะบินได้

 

 

ถ้าหากไม่มีคนอื่นอีก…งั้นก็เป็นจุยเฟิงใช้กรงเล็บฉีกอากาศตัดผู้ตาย ถึงแม้วิธีนี้จะดูยากลำบากสำหรับปีศาจเด็กอย่างจุยเฟิงก็ตาม

 

 

แต่จุยเฟิงก็เป็นเด็กที่ดูแลตัวเองอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด ซึ่งอาจจะฝืนทำได้

 

 

หลงซีรั่วขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นก็ดึงเส้นผมของตนเองออกมาเส้นหนึ่ง แล้วปล่อยให้มันลอยอยู่กลางอากาศ

 

 

เพียงพริบตาเดียวเส้นผมก็กลายเป็นลำแสงบางๆ สายหนึ่งเหมือนกับงูจิตวิญญาณ สุดท้ายก็พันรอบราวค้ำและยก ‘หัว’ ขึ้นมา

 

 

“ไป ตามรอยเท้าของจุยเฟิงไป ดูสิว่าเขาไปหลบอยู่ที่ไหน”

 

 

จากนั้นหลงซีรั่วก็ไปจากสนามกีฬา เธอคิดจะไปดูสภาพศพ ซึ่งอยู่ในสถาบันนิติเวชวิทยา

 

 

 

 

 

 

นอกจาก ‘ฐาน’ ในสนามกีฬาแล้ว บ้านของจุยเฟิงก็อยู่ที่หลังคาบ้านเก่าแห่งหนึ่ง ในสถานที่เล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยท่อ น้ำถังและของอื่นๆ อีกมากมาย

 

 

พอเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นท้องฟ้า และเพียงลืมตาก็เห็นเมืองแห่งนี้แล้ว

 

 

จุยเฟิงมักจะยืนอยู่บนรั้วและพูดว่าไม่มีที่ไหนดีกว่าที่นี่อีกแล้ว เพราะที่นี่สามารถมองเห็นภาพมุมสูงและยังเป็นทำเลทอง ซึ่งมีสายลมและสายน้ำเย็นสบาย

 

 

แต่ชีสรู้ว่าจุยเฟิงนั้นแตกต่างจากเขา เขายังมีที่ให้กลับ…ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงสถานที่ที่ทั้งมืดและชื้น แต่อย่างน้อยที่นั่นก็มีครอบครัวรอเขากลับมา

 

 

ในตอนนี้ชีสยืนอยู่ตำแหน่งที่จุยเฟิงมักจะยืนและมองเมืองนี้เงียบๆ

 

 

“ชีส พวกเราหาจุยเฟิงไม่เจอ…เหมือนว่าเขาจะไม่ได้กลับมา”

 

 

ด้านล่าง นีนี่กับเสี่ยวเจียงกลับมาจากการแยกกันตามหาจุยเฟิง นีนี่ยังรู้สึกไม่ดีกับเสี่ยวเจียงที่ ‘ทรยศ’ ดังนั้นจึงไม่ใกล้ชิดเหมือนเมื่อก่อน

 

 

เสี่ยวเจียงรู้ตัวดีจึงไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา หากพูดตามเหตุผลแล้ว ชีสรู้ว่าเสี่ยวเจียงไม่ได้ทำผิด เพียงแต่หากพูดตามความรู้สึกแล้ว…

 

 

ชีสส่ายหน้าและกระโดดลงไปจากรั้ว ยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยว่า “จุยเฟิงวิ่งเร็วมาก หากเขาตั้งใจจะหลบพวกเราแล้ว พวกเราคงหาไม่เจอหรอก”

 

 

ดูเหมือนนกหวีดที่ติดตามข้างกายชีสมาตลอดจะรับรู้ถึงความเศร้าของชีส นกหวีดจึงก้มหัวลงไปถูขาของเขา

 

 

“ชีส แผลของนายมีเลือดไหลอีกแล้ว!” นีนี่ชี้ไปที่แขนของชีส

 

 

นี่เป็นบาดแผลจากกรงเล็บของจุยเฟิง ชีสหยิบแขนเสื้อขึ้น มองแล้วก็ส่ายหน้าเอ่ยว่า “แผลเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก”

 

 

นีนี่รีบวางกระเป๋าหนังสือลง “ฉันเอาผ้าพันแผลมาด้วย ฉันจะเปลี่ยนให้นายใหม่”

 

 

พูดกันว่าแมวกับหนูเป็นคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางก่อนไม่ใช่เหรอ…แต่อย่างน้อยเสี่ยวเจียงก็รู้ว่านีนี่ไม่เหมือนปีศาจแมวตนอื่นที่มีความรู้สึกเหนือกว่าต่อชีส

 

 

เมื่อนีนี่เปิดผ้าพันแผลที่ยุ่งเหยิงของชีสออก ถึงได้พบว่าบาดแผลร้ายแรงกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก “นี่…จุยเฟิง ทำไมถึงได้ลงมือหนักขนาดนี้! นายยังพูดอีกว่าไม่เป็นไร!”

 

 

“หัวหน้า…จุยเฟิงเขาก็ป่าเถื่อนแบบนี้ตลอดแหละ” ทันใดนั้นเสี่ยวเจียงก็ถอนหายใจและเอ่ยออกมา “ไปซ่อนตัวโดยไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าหากไม่ใช่เขาทำจริงๆ ทำไมต้องหนีด้วย?”

 

 

ชีสนิ่งเงียบไม่พูดจา ทันใดนั้นนกหวีดก็กะพริบตา ปากมีลิ้นคล้ายลิ้นงูยื่นออกมา เลียแผลบนแขนของชีสเบาๆ

 

 

ชีสไม่ได้สังเกต…ดูเหมือนหางของนกหวีดจะค่อยๆ ตั้งขึ้นมา

 

 

“เสี่ยวเจียง รอถามให้แน่ชัดก่อนค่อยสรุป” ชีสถอนหายใจและเอ่ยออกมา

 

 

“เป็นแบบนี้แล้ว ยังจะถามอะไรอีก?”

 

 

เสี่ยวเจียงอารมณ์ร้อนทันที “ทำเรื่องใหญ่แบบนี้…มนุษย์ตายไปทั้งคนเลยนะ! ไม่รู้ว่าใต้เท้าหลงจะตำหนิพวกเราหรือเปล่า ถ้าพ่อแม่ของผมรู้เข้าจะต้องตีผมตายแน่…ผม ตั้งแต่แรกผมก็บอกแล้วว่าไม่ควรให้จุยเฟิงเป็นหัวหน้า! ชีส น่าจะ…”

 

 

“พอแล้ว! หยุดพูดเถอะ!”

 

 

“ไม่ถูกงั้นเหรอ?” สีหน้าของเสี่ยวเจียงซีดขึ้นและพูดขึ้นว่า “พูดว่าอยากโด่งดังทั้งวันแต่สมองกลับมีแต่รูก็รู้แล้วว่าจะก่อเรื่องวุ่นวาย! ก่อเรื่องแล้วยังทำให้พวกเราพลอยซวยไปด้วยอีก…เพื่อนแบบนี้ เพื่อนประเภทนี้ ผมไม่รู้จักจะดีกว่า!”

 

 

“เสี่ยวเจียง!” ชีสถลึงตาใส่ด้วยความโมโห

 

 

เสี่ยวเจียงหดตัวลงแต่ก็ยังพูดอย่างดื้อดึงว่า “ผม…ผมพูดผิดงั้นเหรอ เมื่อวานนายใจดีจะช่วยเขา กลัวว่าเขาจะถูกคนพบเห็น แต่เขาทำกับนายยังไง? เขาทำร้ายนาย! ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะจัดการผมกับนีนี่หรือเปล่า…เพื่อนประเภทนี้ ทางที่ดีที่สุดต้องถูกใต้เท้าหลงจับและลงโทษให้คืนร่างเดิม!”

 

 

ปัง!

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างฟาดเข้าที่หลังของเสี่ยวเจียง สร้างความเจ็บปวดให้กับเชา จากนั้นถึงได้เห็นว่าเป็นกระป๋องเนื้ออาหารเที่ยงที่ยังไม่ทันได้เปิด

 

 

ฟาดเข้าใส่หัวของเสี่ยวเจียงพอดี

 

 

“จุยเฟิง!” ชีสชะงัก เงยหน้ามองก็เห็นจุยเฟิงกำลังยืนโมโหอยู่บนตู้เย็นไม่ไกลออกไป

 

 

เสี่ยวเจียงหวาดกลัวเข้าไปหลบด้านหลังชีส “นาย…นายคิดจะทำอะไร!”

 

 

“ทำอะไร?” ทันใดนั้นจุยเฟิงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “นายเพิ่งพูดว่าให้ฉันทำร้ายนายด้วยไม่ใช่เหรอ? มาๆๆ ฉันจะดูสิว่าหนังของนายจะแข็งกว่ากล่องเหล็กหรือเปล่า!”

 

 

“จุยเฟิง ลงมาพูดกันก่อนเถอะ เมื่อกี้นี้เสี่ยวเจียงไม่ได้ตั้งใจพูด…นายใจเย็นๆ ก่อนดีไหม?” ชีสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดออกมา

 

 

“ใจเย็นๆ…” จุยเฟิงสบถ “มีอะไรต้องใจเย็นอีก? ฉันเป็นคนป่าเถื่อน ทำเรื่องอะไรก็เป็นการก่อเรื่องให้พวกนายพลอยซวยไปด้วย! เสี่ยวเจียง ถ้าเป็นผู้ชายก็ก้าวออกมา! ให้ฉันดูความสามารถของนายหน่อย!”

 

 

“จุยเฟิง! พูดกันดีๆ เถอะ!” ชีสยื่นมือออกไปขวางอยู่ด้านหน้าเสี่ยวเจียง

 

 

“นายอยากปกป้องเขาใช่ไหม?”

 

 

ทันใดนั้นจุยเฟิงก็กระโดดขึ้น “ชีส! ฉันไม่ได้ใจกว้างเหมือนนายที่ถูกคนตีแล้วยังแสร้งทำเป็นคนดี…ชีส ในเมื่อนายอยากเป็นคนดี งั้นก็ให้ฉันฟันแขนขวาของนายด้วยก็แล้วกัน!!”

 

 

หากพูดถึงเรื่องกำลัง เกรงว่าจุยเฟิงน่าจะเก่งที่สุดในกลุ่มวัยรุ่น

 

 

การโจมตีจากบนลงล่างนี้รวดเร็วมาก กรงเล็บของจุยเฟิงฉายแวววาววาบ ชีสรู้สึกเยียบเย็นไปทั้งร่าง ในพริบตาเดียวตอนที่กรงเล็บของจุยเฟิงกำลังจะฟาดลงมาและนีนี่กับเสี่ยวเจียงตอบสนองไม่ทันนั้น เงาสีดำสายหนึ่งก็ยิงออกมากะทันหัน!

 

 

เงาสีดำนี้…แทงตรงดิ่งหมายให้เข้าตำแหน่งหัวใจของจุยเฟิง!

 

 

เป็นนกหวีด! นกหวีดยิงหางออกมา!

 

 

ถึงจุยเฟิงจะรวดเร็วมากแต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหลบได้! เขาหลบหลีกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หางที่แหลมคมก็ยังแทงทะลุไหล่ของเขา!

 

 

จุยเฟิงร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนล้มลงไปในพริบตา

 

 

“นกหวีด หยุดนะ!” ชีสรีบจับหางของนกหวีดเอาไว้

 

 

นกหวีดถอนหางออกมาจากไหล่ของจุยเฟิงด้วยท่าทางเหมือนไม่ยินยอม และหดหางไปด้านหลังของตนเองทันที..ตอนนี้จุยเฟิงยืนโงนเงน มองไปยังบรรดาปีศาจน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าซีดขาว

 

 

“ฉัน…ฉันจะไม่ยอมจบอย่างนี้แน่!” จุยเฟิงกัดฟันและกระโดดออกไปยังรั้วด้านนอก

 

 

ที่นี่เป็นชั้นที่ยี่สิบสาม หลังจากเขากระโดดลงรั้วไปแล้วก็หายไป

 

 

ชีสขึ้นไปยืนอยู่บนรั้วมองเมืองนี้อีกครั้ง…แต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับไม่เหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

 

 

เขามองดูนีนี่ที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีและเสี่ยวเจียงที่ดูแตกตื่นตกใจ แล้วก็มีนกหวีดที่ไม่รู้เรื่องอะไร…ทันใดนั้นเขาก็พบว่าที่แท้ตนเองยังไม่เติบโตพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้

 

 

 

 

 

 

ภายในสถานที่ที่วางศพของผู้ตาย…ตอนนี้นักนิติเวชทุกคนต่างพากันล้มลงกับพื้นและหลับใหล

 

 

หมอหลงแห่งโรงพยาบาลสัตว์ก็เป็นหมอ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อกราวสีขาวก็เริ่มจัดการกับร่างกายที่เพิ่งถูกส่งมาถึง

 

 

นอกจากนี้ยังมีอีกศพที่ไม่มีหัวซึ่งถูกแช่แข็งเอาไว้

 

 

“เป็นรอยมีดจริงๆ…” หลงซีรั่วขมวดคิ้วขึ้น มองดูศพที่ถูกส่งมาจากสนามกีฬา จากนั้นก็มองดูศพไร้หัวอีกครั้ง

 

 

เธอยังไม่แน่ใจว่าทำไมคนของที่นี่ถึงได้เก็บสองร่างนี้เอาไว้ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เธอพบอะไรบางอย่างบนซากศพไร้หัว

 

 

เธอจ้องมองบาดแผลบนส่วนท้องของซากศพไร้หัว ก่อนยื่นมือออกไปแตะเบาๆ…หลงซีรั่วสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเบาบางได้ตรงนี้

 

 

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เธอกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในช่วงหลายวันมานี้ นั่นก็คือการพบซากศพของปีศาจหลายศพในเขตชานเมือง ซึ่งในบรรดาซากศพเหล่านั้นล้วนแต่มีกลิ่นอายเดียวกันนี้

 

 

กลิ่นอายอันโหดเ**้ยม…