ตอนพิเศษ 2-9 ยอน ชิน

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

“ทำไมยังหาตัวองค์ชายไม่เจออีก!”

 

 

จินตะโกนเสียงดังลั่งพร้อมกับโยนกระดาษม้วนหนึ่งอย่างแรง ซึ่งเป็นจังหวะที่หน้าผากของขันทีซึ่งไม่ได้ทำอะไรผิดโผล่ขึ้นมาพอดี

 

 

เป็นเวลาสิบสองปีแล้ว ถึงแม้จะชอบเที่ยวเล่นและร่าเริงเหมือนผู้เป็นพ่อ ก็เป็นบุตรชายที่ไม่เคยละเลยหน้าที่ฐานะองค์รัชทายาท ทว่าหลังจากน้องเกิดมา ยุนก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคนทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเรียน ยิ่งอายุเยอะขึ้นก็ควรมีบุคลิกลักษณะของพระราชาองค์ต่อไป แต่ยุนกลับมีแค่ความสามารถในการโดดเรียนเท่านั้น ไม่รู้ทำไมถึงแอบหนีเก่งขนาดนี้

 

 

ยิ่งกว่านั้น ครั้งนี้ยังทำเกินขอบเขตไปมาก เพราะทรัพย์สินเงินทองที่ยุนใช้ในการหลบหนีในคราวนี้หลังถูกหักเงินส่วนพระองค์เพราะหลบหนีมาหลายรอบ ไม่ใช่จากที่อื่นใดแต่เป็นเงินที่ข่มขู่หรือไม่ก็เกลี้ยกล่อมพวกขุนนางระดับสูง

 

 

“อย่าเข้มงวดกับองค์รัชทายาทจนเกินไปเลยเพคะ ที่เขาเตร็ดเตร่ไปทั่วแบบนั้นก็เพราะไม่มีที่ที่ทำให้สบายใจไม่ใช่หรือ”

 

 

แชยอนกล่าวตำหนิเบาๆ จากด้านข้าง ถึงจะมีริ้วรอยรอบดวงตา แต่นางก็ยังคงงดงามราวกับผลงานของช่างเขียนภาพ เหมือนเวลาผ่านนานเพียงใดก็ไม่อาจพรากความสวยจากนางได้ พอแชยอนพูดอย่างนั้น จินจึงโบกมือไล่ขันทีและพิงตัวลงกับเก้าอี้

 

 

“เจ้ากำลังเลี้ยงเจ้าเด็กนั่นแบบผิดๆ พระมเหสี”

 

 

“แต่หม่อมฉันว่าเขาก็เหมือนกับฝ่าบาทสมัยหนุ่มๆ เลยนะเพคะ”

 

 

“ข้าเป็นแบบนั้นหรือ”

 

 

“ยิ่งกว่านั้นอีกเพคะ”

 

 

“ไม่เห็นจะจำได้”

 

 

แชยอนยิ้มแย้มพลางลูบใบหน้าจิน แน่นอนว่าลูกชายทั้งสองมีความสำคัญเท่าๆ กัน แต่สำหรับนางแล้ว บุตรชายคนโตอย่างยุนมีความพิเศษกว่าเล็กน้อย เพราะลูกกำเนิดขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ขณะนางยังติดอยู่ในสถานะนางสนมของพระราชาแห่งแทซากุกนั่นเอง

 

 

ช่วงนั้น สายเลือดของราชวงศ์ถูกกำจัดจนเกือบหมดสิ้นเนื่องจากการยึดครองราชบัลลังก์ แต่ยุนกลับถือกำเนิดอย่างปลอดภัยเหมือนช่วยชีวิตแชยอนกับราชวงศ์เอาไว้ และถึงแม้จะมีการท้วงติงจากเหล่าขุนนางที่บอกว่าควรปลดองค์รัชทายาทจอมเสเพลและให้องค์ชายรองขึ้นแทน แต่นางก็ไม่อาจทอดทิ้งยุนได้

 

 

“คราวนี้หากเขากลับมา หม่อมฉันจะลองตักเตือนดูดีๆ เพคะ ทรงอย่าว่าอะไรยุนมากเลย”

 

 

“คราวก่อนเจ้าก็พูดแบบนี้ไม่ใช่หรือ”

 

 

แชยอนจึงปิดปากสนิทไม่พูดอะไรต่อ ถึงลูกจะโตเป็นหนุ่มกันแล้วก็ยังสวยไม่เปลี่ยน จินยิ้มร่าพลางโอบเอวแชยอนเข้าหา จู่ๆ เขาก็นึกอยากจูบติ่งหูสวยขึ้นมาจึงขบมันเบาๆ ด้วยฟันขาว

 

 

“โอ๊ย เจ็บเพคะ”

 

 

“พระมเหสีสวยที่สุดเลยเวลาเจ็บ”

 

 

“เลิกล้อเล่นได้แล้วเพคะ”

 

 

แชยอนดันจินออกเบาๆ ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ก็คือจินออกแรงโอบเอวแน่นกว่าเดิม ความร้อนแผ่ซ่านจากร่างกายที่แนบชิดติดกันจนไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้ลมผ่าน

 

 

“ทำตามที่ประสงค์เถิด ตอนพาเจ้ามา ข้าให้สัญญาไปแล้วไม่ใช่หรือ”

 

 

ว่าจะทำให้เจ้ามีความสุขยิ่งกว่าเจ้านั่น จินกระซิบข้างใบหูเปียกชุ่ม

 

 

ภายในห้องหลังพวกข้าราชบริพารถอยออกไปราวกับกระแสน้ำลง ไม่มีมดเดินเพ่นพ่านแม้แต่ตัวเดียว วันนี้ถือเป็นโชคดีของขันทีประจำกายองค์รัชทายาท ทั้งๆ ที่เตรียมตัวพร้อมโดนต่อว่าแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็มีโอกาสลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต้องขอบพระทัยพระราชาที่มุ่งความสนใจไปที่พระมเหสีแทน

 

 

“มีความสุขอะไรขนาดนั้นเล่า”

 

 

กำลังโล่งใจอยู่ดีๆ ก็ต้องหยุดชะงักและสูดลมหายใจเข้าลึก หากจะเสด็จกลับก็ควรกลับให้ไวกว่านี้ หรือไม่ก็อีกสองสามวันค่อยกลับสิ ไยถึงต้องโผล่มาในเวลานี้พอดีด้วย

 

 

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท”

 

 

“เสด็จแม่ล่ะ”

 

 

“ทรงประทับอยู่ด้านในกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทรงแต่งกายให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยเสด็จหาเถิดกระหม่อม”

 

 

ชุดผ้าฝ้ายเก่าๆ กับหน้ากากถูกดึงลงมาใต้คาง ขวดเหล้าห้อยอยู่ข้างๆ กับดาบสีนิลเหน็บไว้ลวกๆ หากไม่เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลหลังเพ่งมองดูดีๆ ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเขาคือสายเลือดของราชวงศ์ ดังนั้นจึงสมควรแล้วที่ขันทีจะขอให้ยุนแต่งตัวให้เรียบร้อยเสียก่อน

 

 

“จริงสิ เสด็จพ่อยังมีกำลังวังชาดีอยู่นี่นา”

 

 

พอกลับมาในสภาพโกโรโกโสหลังจากหนีออกจากวังก็กล่าววาจาล่วงเกินทันที ขันทีตกตะลึงและคว้าชายเสื้อไม่รู้ตัว

 

 

“องค์ชาย!”

 

 

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่!”

 

 

“องค์ชาย!”

 

 

“หนวกหูน่า เสด็จพ่อ!”

 

 

“เจ้าต่างหากที่หนวกหู!”

 

 

เมื่อถูกขัดขวางช่วงเวลาดีๆ ที่ตนรอคอยมานาน จินก็ตะโกนด้วยเสียงดังกว่าพร้อมกับเปิดประตูออกมา แต่เป็นด้วยเท้าไม่ใช่มือ ประตูล้มคว่ำอย่างไร้แรงต้านทำเอาหัวของขันทีผู้น่าสงสารปูดขึ้นมา

 

 

“ไอ้ลูกหมา เงินทองที่เจ้าใช้ไปก่อนหน้านี้ก็มากมายอยู่แล้ว ยังจะรับสินบนมาใช้เป็นเงินหลบหนีอีกงั้นหรือ แล้วยังมีหน้ามาเสนอหน้าอย่างไร้ยางอายอีก”

 

 

“ก็เสด็จพ่อทรงไม่ให้เงิน กระหม่อมจึงไม่มีทางเลือกพ่ะย่ะค่ะ ถึงยังไงมันก็มีใว้สำหรับใช้จ่ายอยู่แล้ว แค่เอามาแบ่งใช้เท่านั้นเอง แล้วมันเป็นปัญหาใหญ่ตรงไหน”

 

 

แม้จะเป็นสถานการณ์ตึงเครียด แต่แชยอนก็ต้องหลุดหัวเราะหลังจากเดินตามจินออกมาแล้วได้ยินคำพูดของยุน จอมยุทธ์หนุ่มนามว่าโฮจินช่างเหมือนกับลูกชายตรงหน้าในตอนนี้เปี๊ยบ แต่จินกลับไม่รับรู้เรื่องนั้นเลยและกำลังเหวี่ยงหมัดใส่ตัวเองในอดีตอยู่

 

 

“ดูเหมือนจะทรงอายุเยอะแล้วนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

 

 

ยุนเอี้ยวตัวหลบหมัดอย่างสบายๆ พร้อมยิ้มร่า

 

 

“นั่นสินะ”

 

 

ทว่ามันคือกลลวง ตอนจินตอบออกมาเบาๆ ขวดเหล้าที่ห้อยอยู่ตรงเอวยุนก็ถูกฉกชิงอย่างรวดเร็ว

 

 

“ฝ่าบาท! อย่าเพคะ!”

 

 

หากไม่ใช่เสียงตะโกนของแชยอนล่ะก็ ขวดเหล้านั่นก็คงจะฟาดศีรษะของยุนแล้วเป็นแน่ จินหยุดมือไว้ที่ระยะห่างประมาณกระดาษหนึ่งแผ่นอย่างหวุดหวิด เฮ้อ ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความอดทนเส้นสุดท้าย

 

 

“องค์รัชทายาทกลับตำหนักไปล้างเนื้อล้างตัว แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยเถิด สภาพนั่นมันอะไรกัน”

 

 

แชยอนจับแขนจินและเข้ามาขวางทันท่วงทีก่อนจะรีบไล่ยุนออกไป แต่ไม่ว่าแม่จะพูดอะไรและขันทีจะจับแขนเขาและดึงด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้จากข้างๆ ขนาดไหน ยุนก็ยังไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิม

 

 

“คราวนี้กระหม่อมจะไม่ไปรีดไถเงินคนแก่แล้ว ดังนั้นโปรดทรงมอบเงินให้กระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ กระหม่อมอยากไปเที่ยวเล่นอีก แต่ไม่มีเงินแล้ว คราวนี้ก็เลยกลับมาไวหน่อย”

 

 

“เจ้านี่หนิ คราวนี้เจ้าตายแน่”

 

 

“ฝ่าบาท ใจเย็นก่อนเพคะ! มัวทำอะไรอยู่เล่า ยังไม่รีบพาองค์รัชทายาทกลับตำหนักไปอีก!”

 

 

พระราชวังที่ไม่เคยสงบเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง องค์ชายรองมองคนเสเพลสมคำร่ำลือที่สุดในฮเยกุกอย่างยุน พร้อมให้คำมั่นสัญญาในใจว่าข้าจะไม่มีทางเป็นแบบนั้นเป็นอันขาด นอกจากองค์ชายรองจะเป็นความคาดหวังของราษฎรและข้าราชบริพารแล้ว นั่นก็เป็นสิ่งที่ยุนหวังไว้ด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

* * *