การปรากฏตัวของวิญญาณสีเลือดในภารกิจระดับสองดาวนั้นเป็นสิ่งที่เฉินเกอก็ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือก– พนักงานทั้งหมดที่เขาสามารถพึ่งพาได้ล้วนอยู่กับเขา ไป๋ชิวหลินและผีน้ำทั้งคู่เป็นกึ่งวิญญาณสีเลือด และด้วยความช่วยเหลือจากพนักงานคนอื่น ๆ รั้งวิญญาณสีเลือดจากในหนังเอาไว้ย่อมไม่เป็นปัญหา

เฉินเกอนั้นก็แค่ต้องการรั้งวิญญาณสีเลือดเอาไว้ครู่หนึ่ง ร่างกายของเขาเอนไปทางชายตาบอดข้างตัว เขามีแผนการอยู่ในใจแล้ว

พนักงานล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่เจอเข้ากับเรื่องเช่นนี้– นี่เป็นความตื่นเต้นที่ไม่ใช่หนังสามมิติทั่วไปจะสามารถลอกเลียนแบบออกมาได้ กลิ่นเลือดกระจายอยู่ในโรงละครส่วนตัวปิดทึบ และเสียงคำรามต่ำในไม่ช้าก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงร้องโหยหวน

เลือดไหลลงมาตามหน้าจอ และผู้หญิงในชุดแดงก็เดินออกมา เสียงเลือดหยดไม่ได้หยุดลง เธอหันหน้าที่ดวงตาข้างหนึ่งหายไปมาและดวงตาข้างที่เหลืออยู่ก็จับจ้องอยู่ที่หญิงสาวที่นั่งอยู่แถวหน้าที่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ น้ำและเลือดเปรอะเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้าของเธอ และผมเปียก ๆ ของเธอก็แนบติดกับผิวซีด ๆ ผ่านม่านผมก็จะมองเห็นประกายของดวงตาที่บวมอืดจากการแช่อยู่ในน้ำนานเกินไป!

ที่นั่งเปียกชุ่ม และแอ่งน้ำบนพื้นก็ขยายกว้างออกไป พวกเธอคนหนึ่งอยู่บนยกพื้น อีกคนอยู่ด้านล่าง

สำหรับฝ่ายหนึ่ง นี่เป็นการดูหนังครั้งแรกของเธอ และจิตใจอันเรียบง่ายของเธอก็กำลังทำความเข้าใจในแนวทางของศิลปะชิ้นนี้ อีกฝ่ายกำลังงุนงงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับผู้ชมเช่นนี้ เธอมองกลับมาด้วยสีหน้าสับสน เหมือนสงสัยว่าอันที่จริงแล้วเธอยังอยู่ในหนังใช่หรือไม่

ดวงตาขอบผู้หญิงในชุดแดงในที่สุดก็ขยับไปจากผีน้ำ แต่ตอนที่เธอเห็นผู้ชมที่เหลือในโรงละคร ความงุนงงของเธอก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ด้านหลังผีน้ำนั้นเป็นคุณหมอแถวหนึ่ง เสื้อกาวน์สีขาวของพวกเขานั้นปลิวไหวอยู่ใต้ที่นั่ง และนอกจากความเมินเฉยแล้วก็ไม่มีสีหน้าอื่นใดให้สังเกตเห็นได้

ถัดจากหมอเป็นชายที่สวมกางเกงยีนส์เก่า ๆ มือข้างหนึ่งยัดเอาไว้ในกระเป๋าขณะที่อีกข้างยกขึ้นขวางหน้าเฉินเกอเอาไว้ และที่น่าประหลาด ยังมีมืออีกข้างพาดอยู่บนไหล่เขาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ

เสียงกรีดร้องส่วนใหญ่นั้นมาจากเหล่านักเรียนที่ในห้อง พวกเขาก่อความวุ่นวายใหญ่โต แต่ว่านั่นก็แค่แสดงไปอย่างนั้น ยิ่งพวกเขาเสียงดัง พวกเขาก็ยิ่งเข้าใกล้หน้าจอไปเรื่อย ๆ

ผู้เข้าชมแถวสุดท้ายลุกขึ้นยืน และพวกเขาก็ดูประหลาดยิ่งกว่า ในมุมทางซ้ายมือดูเหมือนจะมีคู่รักคู่หนึ่ง ใบหน้าของผู้ชายนั้นขาว และผู้หญิงดูบอบบางเหมือนเธอจะหมดสติไปเมื่อไหร่ก็ได้ กลับกัน ชายร่างอ้วนสูงสองเมตรเบียดตัวอยู่ที่อีกมุมหนึ่ง และเขาก็พยายามเก็บกลิ่นเหม็นของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ถัดจากชายร่างอ้วนเป็นชายร่างผอมสูงที่มีเชือกคล้องอยู่รอบคอ คราวนี้ ผู้ชมนั้นแตกต่างกันออกไปจนผู้หญิงในชุดแดงนิ่งอึ้งไปครู่สั้น ๆ หลังจากออกจากจอมา

มี ‘ทุกคน’ อยู่ที่นี่ เฉินเกอจึงใจเย็นเป็นที่สุด ต้้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว เขาก็มองตามเธอด้วยดวงตาหยินหยาง ให้ความสนใจอย่างเต็มที่ ไม่ช้าเขาก็พบว่าตอนที่ผู้หญิงคนนี้ออกจากจอมา สีแดงบนชุดของเธอก็ซีดลงเล็กน้อย และเห็นได้ชัดที่สุดที่ตรงรอบหัวใจ– เลือดที่ตรงนั้นเกือบจะแห้งและหายไป

วิญญาณสีเลือดตนนี้ดูเหมือนจะสามารถปลดปล่อยพลังเต็มที่ของเธอได้ตอนที่อยู่ในหนังเท่านั้น เมื่อเธอออกมา พลังของเธอก็ลดลงเป็นอย่างมาก

เมื่อเข้าใจเช่นนี้ เฉินเกอก็มั่นใจมากขึ้น อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นแค่ฉากระดับสองดาว

ผีน้ำและไป๋ชิวหลินเผชิญหน้ากับผู้หญิงโดยตรงขณะที่ผีตนอื่น ๆ นั้นช่วยกันขวางหน้าจอเอาไว้ ตอนที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นนั้น เฉินเกอก็ยกค้อนที่อยู่ในมือข้างหนึ่งและหันไปหาชายตาบอดที่นั่งอยู่ข้างเขา

“ฉางกู หนังเก่า ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดวงตาข้างซ้ายยังอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าคุณกับชิวเหมยจะล้มเหลวในการตามหาเหวินอวี้ตัวจริง” ทุกคำของเฉินเกอนั้นแทงเข้าหัวใจของฉางกูเหมือนเล็บแหลม ๆ เปลือกตาของเขากระตุก และเขาก็ก้มหน้าต่ำลงไปอีก

“พวกเราคุยเรื่องนี้กันได้อย่างเป็นมิตร อันที่จริง ผมกำลังตามหาโรงเรียนผีนั่นและผมก็มีหนทางแล้ว” เฉินเกอนั้นเป็นคนเปิดเผย ในสถานการณ์ที่ยังตัดสินอะไรไม่ได้ เขาก็แบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนแห่งปรโลกและแสดงให้เห็นว่าเขายินดีให้ความร่วมมือ

“ฉางกู หลังจากดูหนังที่คุณกำกับแล้ว ผมรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาดและมีพรสวรรค์ แต่ดูคุณตอนนี้สิ

“คุณยอมแพ้แล้วเหรอ? คุณยินดีแอบซ่อนตัวอยู่ในฮอลิเดย์วิลล่าร้างต่อไปจนตลอดชีวิตที่เหลืออย่างนี้เหรอ? จนกระทั่งตายคุณก็หาเหวินอวี้ไม่พบ? คุณยอมผิดสัญญากับชิวเหมยแล้วเหรอ?

“คุณทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงาน และหนังพวกนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ ผมอินไปกับหนังของคุณ และผมก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ ผมเข้าใจความเจ็บปวดของคุณ และผมก็ดูออกว่าทำไมคุณถึงได้ทิ้งชีวิตของคุณแล้วตอนนี้

“ผมเข้าใจคุณ และเพราะอย่างนั้น ผมอยากจะร่วมมือกับคุณ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมายอมแพ้!”

ตอนที่ดูหนัง เฉินเกอก็พอจะเข้าใจกระบวนการทั้งหมด เขาเล็งไปที่จุดอ่อนในหัวใจของฉางกูและพยายามทำลายเปลือกนอกที่เย็นชาของเขา

“วิญญาณของเหวินอวี้ยังหาไม่เจอ บางทีเธออาจจะยังติดอยู่ในโรงเรียนร้างนั่น ผมแน่ใจว่าร่างกายของเธอนั้นแย่ลงไปทุกวัน ร่างกายที่ไม่มีดวงวิญญาณจะเป็นอย่างไรเล่า? ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณสองคนหลังจากนั้น แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมแน่ใจ มันยังไม่สายเกินไป ทุกอย่างยังแก้ไขได้!”

ฉางกูเริ่มหวั่นไหวแล้ว เฉินเกอเห็นโอกาสนี้และเสริม “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงตามหาโรงเรียนนั่น?”

เขาก้มลงไปมองเข้าไปตรงดวงตาฉางกู “ผมเป็นเจ้าของบ้านผีสิงที่สวนสนุกนิวเซนจูรี่จิ่วเจียงตะวันตก ประมาณหกเดือนก่อน พ่อกับแม่ของผมหายตัวไป และมีร่องรอยมากมายบ่งชี้ว่าพวกเขาไปที่โรงเรียนนั่น!”

เปลือกตาของฉางกูกระตุกกว่าเดิม หน้าอกของเขากระเพื่อมไม่เป็นจังหวะ และในที่สุดเขาก็ถามคำถามกลับมา “พ่อกับแม่ของคุณไปที่โรงเรียนนั่นจริงเหรอ?”

“ใช่ และเพื่อตามหาพวกเขา ผมไปที่โรงเรียนมัธยมมู่หยาง โรงเรียนเอกชนจิ่วเจียงตะวันตก วิทยาลัยแพทย์จิ่วเจียง และที่อื่น ๆ ผมรวบรวมเงื่อนงำบางส่วนได้” เฉินเกอแบ่งปันประสบการณ์ของเขา ถ้าประสบการณ์ของฉางกูนั้นเป็นเรื่องเล่า อย่างนั้นประสบการณ์ของเฉินเกอก็เป็นตำนาน

เฉินเกอบอกทุกอย่างออกไปให้ฉางกูฟังเหมือนเด็กที่แสนซื่อตรงคนหนึ่ง ไม่โกหกเลยสักคำ หลังจากได้ฟังเรื่องของเฉินเกอ ฉางกูก็รู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขานั้นไม่ควรค่าให้พูดถึงด้วยซ้ำ และยังไม่มีเหตุผลให้เขาต้องยอมแพ้

“พวกเราร่วมมือกันได้ นั่นเป็นสถานการณ์ได้กับได้ ลองคิดดู”

เฉินเกอลุกขึ้น ลากค้อนเดินออกไปจากที่นั่นไปที่ยกพื้น ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น เขาโยนค้อนไปข้าง ๆ ยกแขนขึ้น และพูดพร้อมกับดวงตาที่อ่อนโยน “วิญญาณทั้งหมดที่เคยครอบครองดวงตาข้างซ้ายล้วนสูญเสียตัวตนและเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาด แต่ว่าคุณเป็นข้อยกเว้นเดียว ตลอดหลายปีมานี้ คุณคงทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

“คุณเองก็เป็นเหยื่อคนหนึ่ง แต่ว่าคุณก็เป็นวีรสตรีด้วย

“ตอนที่ความโชคร้ายหล่นใส่ใครคนหนึ่ง ความมืดดำในหัวใจของพวกเขาก็จะสาปแช่งโลกนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ความสงสารแต่ว่าคือคนที่เข้าใจ

“แต่ว่าคนที่อ่อนโยนนั้นเลือกที่จะทนรับทุกอย่างเงียบ ๆ ช่วยปกปิดบาดแผลของโลกที่ไม่สมบูรณ์แบบและตอบคืนความโชคร้ายเหล่านั้นด้วยความเมตตาและความอบอุ่น”

เฉินเกอเดินขึ้นไปบนยกพื้นและไปหยุดอยู่ไม่ห่างจากผู้หญิงคนนั้น

“ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ คุณก็เป็นคนที่อ่อนโยนอย่างนั้นคนหนึ่งนะ ชิวเหมย”