เสียงถอนหายใจดังออกมาจากก้นบึ้งหัวใจซือหยู
ความตกตะลึงและความหลงใหลที่เขารู้สึกเมื่อพบนางครั้งแรกทั้งหมดทั้งมวลกลับกลายเป็นเถ้าถ่าน
พวกเขาจะไม่มีวันกลับไปเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างที่เคยเป็นเมื่อกลับไปในตำหนักโลหิตอีกแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ”
ปิงหวูชิงหัวเราะเบาๆ
“ถ้าศิษย์น้องซือคิดติดตามข้าเราจะกลับไปยังแดนอสูรและสร้างตำหนักโลหิตอีกสักที่ก็ได้ เรายังเป็นพี่น้องร่วมสำนักเดียวกัน จริง ๆ ข้าชื่นชมเจ้ามากนะ”
แดนอสูรหรือ?มันคือที่แบบใดกัน?
“สิ่งต่างๆ ยังคงเดิม แต่ผู้คนได้เปลี่ยนไปแล้ว เรื่องเศร้าได้เกิดขึ้น น้ำใจศิษย์พี่ช่างน่ายินดี”
ซือหยูตอบอย่างเรียบเฉย
“ถ้าเจ้าตำหนักม่อรู้ตัวตนเจ้านางคงจะเศร้าใจนัก เพราะเจ้าคือศิษย์คนเดียวของนาง”
แต่ปิงหวูชิงก็ส่ายหน้าเบาๆ
“นางรู้มาตั้งนานแล้ว”
อะไรนะ?ซือหยูตกใจจริง ๆ! ม่อเทียนฉวนรู้ตัวตนที่แท้จริงของปิงหวูชิงมานานแล้ว!
ถ้าอย่างนั้น…แล้วทำไม…
“พวกเจ้ากำลังคิดว่าทำไมข้าถึงไม่ทำอะไรจิวโจวทั้งที่เป็นอิสระมาร้อยปีน่ะรึ?ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยาก แต่เป็นเพราะข้าทำไม่ได้…”
ปิงหวูชิงคร่ำครวญ
นางทำไม่ได้รึ?หรือว่าจะเป็นเพราะ…
“ใช่แล้ว!นางรับข้าเป็นศิษย์เพื่อให้ดูเหมือนว่านางจะถ่ายทอดวิชาให้ข้า แต่ความจริงแล้วนางต้องการให้ข้าอยู่ในสายตา ถ้าหากข้าทำตัวน่าสงสัย นางจะฆ่าข้า”
ปิงหวูชิงอธิบาย
นางพูดต่อ
“จนถึงวันนี้พลังส่วนใหญ่ของข้ายังติดอยู่ในแดนมณี และข้ากำลังอ่อนแอที่สุด การสังหารข้าเป็นเรื่องง่ายไม่ต่างกับปอกกล้วยสำหรับนาง”
ซือหยูคิดว่ามันไม่น่าเชื่อ
“ถ้านางรู้ว่าเจ้าคือเทพอสูรมณีอยู่แล้วนางจะเฝ้าดูเจ้าไปทำไมกัน? ทำไมนางไม่ฆ่าเจ้าให้ตายเสีย?”
เท่าที่ซือหยูจำได้ม่อเทียนฉวนนั้นมักจะอยู่ตามลำพัง นางมักจะไม่สนใจเรื่องอื่นใดในโลก การเฝ้าระดับเทพอสูรมณีนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางจะทำเลย
“เพราะนางสัญญาเอาไว้…”
ปิงหวูชิงกล่าวนางหันไปมองปิงหวูชิงอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ ซือหยู
สัญญาที่ทำให้ม่อเทียนฉวนไม่ทำตามความคิดของตนเอง…มีเพียงคนเดียวที่เขาคิดออกนั่นคือราชาเขตแห่งยุคสมัยที่มาจากตำหนักโลหิต…เจี๋ยนอู๋เชิง!! ราชินีเขตกระบี่ไร้ใจ เจี๋ยนอู๋เชิง!! เป็นสัญญาจากนาง!
ร้อยปีก่อนนางได้ทะลวงพลังและสั่นคลอนทั้งดินแดน นางได้ขึ้นครองบัลลังก์ราชินีด้วยกระบี่ในมือนาง!
หากคิดดีๆ แล้ว เจี๋ยนอู๋เชิงมาที่แดนมณีเมื่อร้อยปีก่อนไม่ใช่รึ?
“เจ้ารู้เรื่องตัวตนของปิงหวูชิงกับข้าที่ใช้บ่มเพาะในตำหนักโลหิตหรือไม่?”
ปิงหวูชิงอีกคนถาม
ซือหยูเงียบไปครู่หนึ่งเขาได้ยินเรื่องครอบครัวของปิงหวูชิงตั้งแต่ที่เข้าเขาอสูร นางมาจากตระกูลแข็งแกร่งและไม่มีใครกล้าแตะต้องนาง แม้จะไม่มีใครพูดถึง มันก็ไม่ยากที่จะคาดเดา
ก่อนหน้านี้ปิงหวูชิงประกาศการหมั้นของนางกับซือยหู นางบอกว่าแม่นางจะมาประเมินเขา บอกได้เลยว่าแม่ของปิงหวูชิงคือกุญแจสำคัญในความยิ่งใหญ่ของตระกูล
ในบรรดาสตรีมากมายในทวีปมีคนเดียวเท่านั้นที่เต็มใจส่งบุตรสาวของตัวเองมายังตำหนักโลหิตซึ่งไม่ได้ขึ้นชื่อในด้านพลังนัก! นางคือราชินีเขตที่มาจากตำหนักโลหิต เจี๋ยนอู๋เชิง!!
“เจ้าคือลูกสาวของเจี๋ยนอู๋เชิงสินะ?”
ซือหยูถาม
ปิงหวูชิงอีกคนพยักหน้าแต่จากนั้นก็ส่ายหน้าทันที
“แน่นอนเรามาฝึกฝนที่ตำหนักโลหิตในฐานะลูกสาวของนาง แต่ที่จริงแล้ว ข้าไม่ใช่ลูกสาวจริง ๆ ของนาง”
แน่นอนว่านางไม่ใช่ลูกสาวตัวจริงนางเป็นเผ่าอสูร ขณะที่อีกคนคือราชินีเขตแห่งจิวโจว
“แต่ข้าเกิดมาจากท้องนางจริง”
ปิงหวูชิงเผยเรื่องน่าตกใจออกมาอีกครั้ง “ร้อยปีก่อนตอนที่นางกำลังฝ่าอุปสรรคในแดนมณี นางพลาดกลืนผลไม้วิญญาณไป บังเอิญว่าผลไม้นั้นคือจิตวิญญาณเทพที่ข้าใช้หนีออกมา”
“เป็นเพราะเรื่องไม่คาดคิดนั้นข้าจึงถูกพาออกจากแดนมณีและปลดปล่อยโดยการถือกำเนิดจากท้องของนาง ข้ากลายเป็นลูกสาวนาง”
ซือหยูตกตะลึงกับเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อนี้
ซือหยูถามต่อด้วยความสงสัย
“ต่อให้ม่อเทียนฉวนรู้ตัวจริงของเจ้าแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เจี๋ยนอู๋เชิงที่ให้กำเนิดจะไม่รู้ว่าเจ้าคืออะไร! ทำไมนางไม่ฆ่าเจ้า?!”
“เพราะลูกสาวตัวจริงของนางยังไงล่ะ!”
ปิงหวูชิงเหลือบมองปิงหวูชิง
ขณะนี้ปิงหวูชิงใบหน้าเศร้าหมอง นางจ้องมองปิงหวูชิงที่เป็นเทพอสูรมณีด้วยความอาฆาตรุนแรง “ตอนนั้นเจี๋ยนอู๋เชิงตั้งท้องลูกสาวตัวจริง ปิงหวูชิง! พอจิตวิญญาณเทพของข้าเข้าไปในครรภ์ ข้าผสานเข้ากับตัวอ่อน กลายเป็นสิ่งที่คล้ายฝาแฝด นางได้รับจิตวิญญาณเทพของข้าไปส่วนหนึ่งจนได้กายาวิญญาณที่ไม่มีใครได้ครอบครองมาก่อน ข้าใช้ชีวิตส่วนหนึ่งร่วมกับนาง ถ้าข้าตาย นางจะตายไปพร้อมกับข้า!”
“แม้เจี๋ยนอู๋เชิงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเผ่ามนุษย์อย่างไรนางก็คือแม่คน นางทนฆ่าลูกตัวเองไม่ได้ แต่นางก็มองข้ามอสูรที่ยืนหายใจอยู่ตรงหน้าไม่ได้อย่างข้าไม่ได้ด้วย”
“นางเลยส่งหวูชิงกับข้าให้ม่อเทียนฉวนขอให้นางทำตามสถานการณ์ ถ้าข้าแสดงความไม่ภักดีเมื่อใด นางจะสังหารข้าได้”
ความจริงซัดเข้าใส่ซือหยูเขาไม่คิดเลยว่าปิงหวูชิงกับปิงหวูชิงอีกคนจะมีพันธะอันซับซ้อนเช่นนี้ แม้แต่จิตวิญญาณก็เป็นหนึ่งเดียวกัน!
ข้อสงสัยเหล่านี้กวนใจเขามานานตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าพวกนางมีที่มาเดียวกัน เขายังเข้าใจอีกด้วยว่าเหตุใจปิงหวูชิงถึงชิงชังปิงหวูชิงอีกคนและทำไมปิงหวูชิงอีกคนถึงมักจะหาทางสยบปิงหวูชิง
“แต่ม่อเทียนฉวนไม่เคยเป็นคนรักษาสัญญาข้าสงสัยจริง ๆ ว่าทำไมนางถึงไม่ซัดกระบี่ส่งเจ้าไปลงนรก!”
ซือหยูพูดเขาคุ้นชินกับนิสัยของม่อเทียนฉวน นางไม่ใช่คนที่จะปล่อยศัตรูอย่างเทพอสูรมณีไปเพราะเรื่องความรักของแม่ลูก
ปิงหวูชิงส่ายหน้า
“จริงๆ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน! ทีแรกข้าคิดว่าข้าจะต้องตายด้วยมือม่อเทียนฉวน แต่ผ่านไปหลายปีแล้ว นางไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ถึงข้าจะแผ่จิตสังหารถึงนางหลายครั้งนางก็ไม่สนใจข้าเลย”
นางว่าต่อ
เมื่อพูดปิงหวูชิงได้แต่บอกความสับสนในใจ “ข้าไม่เคยรู้จักนางจริงๆ แม้จะอยู่กับนางมาหลายปี มันคือความลึกลับที่ข้ามองนางไม่ออก”
ถูกเรียกว่าลึกลับจากอสูรที่ซ่อนตัวมาชั่วกัลป์….ซือหยูค่อนข้างตกใจ
ซึ่งตามจริงหลังจากได้สู้กับร่างเงาของม่อเทียนฉวนในหอคอยร้อยชั้น ซือหยูเองก็รู้สึกว่าม่อเทียนฉวนไม่ใช่คนอย่างที่เขาคิดว่านางเป็น ระดับกระบี่ไร้วันสลายของนางลึกซึ้งเกินหยั่ง!
“แต่ก็เถอะนางให้ข้ามาที่แดนมณีทั้งอย่างนั้น!”
ปิงหวูชิงยักไหล่
เมื่อนางเหลือบมองทุกคนอีกครั้งปิงหวูชิงพูดอย่างไร้อารมณ์
“ข้าพูดสิ่งที่ต้องพูดไปแล้วและนี่ก็คือเวลาที่ข้าต้องการพลังมากที่สุด ข้าจะให้โอกาสกับพวกเจ้า! มาอยู่ข้างข้า! เมื่อข้าฟื้นพลังกลับคืนจนได้ร่างเทพกลับมาเมื่อใด ข้าจะให้พวกเจ้าติดตามข้า พวกเจ้าคงจินตนาการสิ่งที่จะได้รับออกโดยที่ข้าไม่ต้องบอก เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะได้เป็นเซียนในอีกไม่นาน!”
พวกเขาใจเต้นแรงเป็นเซียนหรือ….
นอกจากจางอู๋ชวงจะมีใครที่มีโอกาสได้เป็นเซียนอย่างแน่นอนอย่างเขาบ้าง? ข้อเสนอของเทพอสูรมณีนั้นล่อตาล่อใจ
จักรพรรดิกลืนอสูรเองก็อาจจะรับใช้เทพอสูรมณีด้วยเหตุผลเดียวกัน
“พวกเจ้ากำลังจะเชื่อแม้คำพูดเดียวจากอสูรงั้นเรอะ?”
ตงฟางเถียนเฟิงถากถาง
ฮั่นเฟยกับอีกหลายคนไม่รู้สึกอะไรกับคำสัญญาของเทพอสูรมณีเช่นกันการได้เป็นเซียนนั้นเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่สัญญาจากอสูรก็คืออีกเรื่องหนึ่ง อสูรไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญา และเมื่อพวกเขายอมเปลี่ยนฝ่าย นั่นก็เท่ากับทรยศเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในอีกทางหนึ่งถ้าพวกเขาร่วมมือกันฆ่าเทพอสูรมณีได้และแก้วิกฤติของจิวโจว มันจะถือเป็นเกียรติยศอันสูงส่ง จิวโจวจะไม่ให้รางวัลกับพวกเขาเลยหรือ?
“ฮ่าๆๆข้าต้องทำอะไรให้พวกเจ้าดูสินะ”
ปิงหวูชิงหัวเราะเบาๆ อย่างสงบใข นางยกดัชนีชี้ไปยังกลุ่มคน
ในตอนนั้นเองพลังมหาศาลได้ไหลหลากลงมาจากฟ้า!
ใบหน้าฮั่นเฟยและคนอื่นๆ ตึงเครียด พวกเขารีบใช้พลังชีวิตออกมาป้องกัน
แต่เมื่อเจอกับพลังพวกเขานั้นไม่ต่างกับมดปลวก พลังทั้งหมดถูกพลังนั้นกดทับไป พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้น
“ซะ…พลังเซียน!เจ้ามีพลังระดับเซียนแล้ว! เป็นไปไม่ได้! เจ้าเข้ามาในแดนมณีได้ยังไง? ที่นี่มีไว้ให้คนที่มีระดับจ้าวเทวะลงมาเท่านั้น!”
ตงฟางเถียนเฟิงตกใจมากเหงื่อเย็น ๆไหลรินอาบใบหน้า
ปิงหวูชิงตอบ
“ข้าถูกจองจำมาชั่วกัลป์ข้ารู้เหลี่ยมมุมทั้งหมดในคุกนี่ มันจะยากอะไรที่จะเข้ามา?”
ขณะนี้นางคือเซียน!
ทุกแผนการที่พวกเขาวางไว้ถูกลบหายพวกเขาจะมีทางเลือกอะไรเล่าถ้าต้องเจอกับเซียนที่แข็งแกร่งเช่นนี้?
“ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า!”
กู้ไทซูกัดฟันตะโกน
ปิงหวูชิงยิ้มเล็กๆ
“ดีถ้าเติบโตเต็มที่เมื่อใด กายาเก้าวิญญาณของเจ้าคงเป็นอุดมคติ…แล้วคนที่เหลือเล่า? จะตาย หรือจะสยบต่อข้า?”
พวกเขาจะทำอะไรได้กัน?พวกเขาไม่มีทางเลือก ฮั่นเฟยกับปี้หลิงเทียนก้มหน้า ซือยหูกับตงฟางเถียนเฟิงเป็นเพียงสองคนที่ต่อต้าน หลังจากมองตงฟางเถียนเฟิงปิงหวูชิงมองซือหยูด้วยความเวทนา
“ข้าต้องการเจ้าที่สุดไม่รู้หรือ?”
ซือหยูถอนหายใจ
“ข้าคงยอมจำนนต่อเจ้าไม่ได้ข้ามิอาจทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเองอย่างที่ข้าไม่ทรยศเฉินหลงในอดีต”
มีคนที่เขาอยากจะปกป้องอยู่ในจิวโจวซือหยูมิอาจทนทำลายจิวโจวไปพร้อมกับเทพอสูรมณีได้
ปิงหวูชิงเงียบอยู่นานนางถอนหายใจด้วยความเศร้า
“น่าเสียดายนัก!ข้ายอมรับเจ้าที่สุด…แต่ถ้าข้าไม่ได้คนที่ต้องการ คนอื่นก็จะไม่มีโอกาสเหมือนกัน!”
การได้รับการยอมรับจากเทพอสูรนั้นมากพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าเขาแข็งแกร่งเกินใครถ้าเขาเป็นศัตรูกับนาง พลังของเขาก็คงจะเป็นปัญหาต่อนางด้วย “ข้าขอโทษศิษย์น้องซือ”
ปิงหวูชิงพูดราวกับนางเมตตาแต่แท้จริงนางคือคนที่โหดร้าย นางแตะดัชนีเบา ๆ พลังเต็มที่ซัดลงจากสวรรค์เข้าใส่ซือหยู
แต่นางไม่ได้โจมตีเขาในทันที
“คลายผนึกก่อนถ้าเจ้าตายไป หาจ้าวสวรบุพผาคนใหม่คงไม่ใช่เรื่องง่าย”
ปิงหวูชิงสะบัดแขนซือหยูหยุดนิ่งจากพลังของเซียน เขาขยับตัวไม่ได้เลย
ขณะนั้นฮั่นเฟย กู้ไทซู และปี้หลิงเทียนถูกเคลื่อนย้ายมา ณ จุดใกล้ซือหยู สุดท้ายตงฟางเถียนเฟิงก็ถูกย้ายไปด้วย
ทั้งห้าถูกวางเป็นวงกลมโดยมีเทพอสูรมณีอยู่ตรงกลางดูเหมือนพวกเขากำลังจะทำพิธีบางอย่าง
“พลังส่วนใหญ่ของข้ากระจัดกระจายไปทั่วคุกมณีหากคุกสลายไป พลังจะกลับมาสู่ข้า!”
ปิงหวูชิงพูดกับฮั่นเฟยและคนอื่นๆ ที่ยอมสยบต่อนาง
“ตอนนี้ข้าจะใช้พลังทำให้จ้าวสวนทั้งห้าปรากฏตัวพร้อมกันและสังหารในคราเดียว แดนมณีจะล่มสลาย”
“แต่ในตอนที่ใช้วิชาข้าไม่มีเวลาจับตาดูจ้าวสวนทั้งห้า พวกเจ้าต้องหยุดพวกมัน อย่าให้พวกมันหนีไปได้”
ฮั่นเฟยกับคนที่เหลือลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
เมื่อนางพูดจบปิงหวูชิงใช้วิชาในทันที นางพูดภาษาโบราณบางอย่างใต้ลมหายใจ
ซือหยูนั้นคิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญภาษามากมายแต่เขาก็มิอาจเข้าใจคำพูดของนางแม้แต่คำเดียว ราวกับว่านางพูดภาษาของเผ่าพันธุ์ใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในหนึ่งหมื่นเผ่าพันธุ์
เมื่อท่องคาถาจ้าวสวนบุพผาที่อยู่ในมุกวิญญาณเก้าหยกถูกอัญเชิญออกไปลอยเหนือศีรษะของซือหยู!
จ้าวสวนบุพผาตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะในดินเพาะบ่มชั้นสูงนางงุนงงในทีแรก แต่นางก็ชักสีหน้าทันที
“เทพ…อสูรมณี!”
ฟึ่บ!
นางไม่คิดหน้าคิดหลังจ้าวสวนบุพผาหันหลังหนีทันที แต่ก็ถูกมือโลหิตคว้าตัวเอาไว้!
“คุกเข่าซะ!”
จักรพรรดิกลืนอสูรจับตัวจ้าวสวนบุพผาไว้ได้เขาเลียริมฝีปากด้วยลิ้นสีเลือด
ไม่นานหลังจากนั้นจ้าวสวนจากฮั่นเฟยปี้หลิงเทียน และกู้ไทซูก็ถูกเรียกออกมาเช่นกัน จ้าวสวนทุกคนลอยเหนือศีรษะ
จ้าวสวนสี่ในห้าปรากฏตัวออกมาแล้ว
เหลือจ้าวสวนเพียงหนึ่งเดียวเมื่อทั้งห้าปรากฏพร้อมเพรียง พวกเขาจะถูกทำลายพร้อมกัน และแดนมณี ไม่สิ คุกมณีจะแตกสลาย จากนั้นปิงหวูชิงจะได้พลังของเทพอสูรกลับมา สร้างกายาเทพ และการทำลายล้างจะเกิดขึ้นกับจิวโจว! “ยังเหลือจ้าวสวนอีกคน”
ปิงหวูชิงใจเย็นไม่หวั่นไหวนางพูดด้วยความตื่นเต้น
คาถาดังสะท้อนในอากาศแต่จ้าวสวนวิชาก็ไม่ได้ปรากฏตัวเหนือศีรษะของตงฟางเถียนเฟิง
ปิงหวูชิงขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจหลังจากครุ่นคิด นางหันไปมองประตูอสูรที่ยังเปิดอยู่ นางยิ้ม
“อยู่ตรงนั้นนี่เอง”
นางแตะดัชนีประตูห้องขังพลังอสูรล้มลงกลายเป็นพลังอสูรมากมาย
จากนั้นพลังอสูรก็ควบรวมกลายเป็นหมาดำสนิทตัวใหญ่ที่หลับตาพริ้มนี่คือจ้าวสวนวิชา สุนัขทมิฬ
แต่รอยยิ้มของปิงหวูชิงก็เลือนหายไปมันแทนที่ด้วยความกังขา จากนั้นกลายเป็นตกใจ
“เจ้า…เจ้าไม่ใช่จ้าวสวนวิชา!เจ้าคือ…เป็นไปได้ยังไง? จะเป็นเจ้าไปได้ยังไง?!” ปิงหวูชิงกรีดร้อง
นางสั่นไปทั้งตัวตาดำหดเล็กเท่าเข็ม หมัดอมชมพูกำแน่น
ใบหน้าและท่าทางของนางแสดงอาการคลั่งและโกรธแค้นนางทั้งหวาดกลัวและโศกเศร้าไปพร้อมกัน
นางได้รับคำตอบด้วยเสียงอันเหนื่อยหน่าย
“นานนมแล้วสหายเอ๋ย แต่เจ้ายังคงจำข้าได้”
หมาดำลืมตาใบหน้ามันดุดัน
ซือหยูใจหายเล็กน้อยเขาจ้องมองหมาดำ ความคิดพิลึกพิลั่นพลันแล่นเข้ามา
หรือว่าจะเป็น…