ตอนที่ 1068 - เหมือนตรงไหนกัน

The Divine Nine Dragon Cauldron

“เป็นเจ้าตัวจริง!”
  ปิงหวูชิงหายใจเข้าลึกนางพยายามจะข่มใจให้เย็นจากความรู้สึกลึกข้างใน นางฝืนใจให้ผ่อนคลาย แต่แววตานั้นแข็งทื่อและเต็มไปด้วยความสงสัย
  หมาดำยืนขึ้นราวกับมนุษย์มันกอดอกด้วยขาหน้า มันพูดอย่างอวดดี
  “ใช่ข้าไม่ใช่เทพกิเลนที่เจ้ารู้จักหรอกหรือ? เจ้าคงไม่มีวันลืมข้าหรอก!”
  เทพ…เทพกิเลนเรอะ?
  ดวงตาทุกคนหันไปมองหมาดำหัวจรดเท้า
  “พวกเจ้ามองหาอะไรกัน?ใช่ ข้าเอง! ข้าคือเทพกิเลนแห่งจิวโจว พวกเจ้าไม่เคยเห็นข้ารึไง?”
  หมาดำก้มลงมองพวกเขาด้วยจมูกดำๆ
  ฮั่นเฟยกับคนอื่นๆ พูดไม่ออก  ‘เจ้ามีส่วนไหนที่เหมือนกิเลนกัน?’
  ทุกคนคิดอย่างเดียวกัน
  “ฮื่ม!”
  มันทนถูกมองไม่ได้อีกต่อไปหมาดำขยายร่างในทันที มันสูงสามสิบศอก พร้อมกันนั้นร่างกายยังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก กะโหลกของมันเปลี่ยนแปลงรูปร่างกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีเขา เขาของมันดูดุร้ายและแปลกประหลาด เกล็ดขนาดเท่ากำปั้นนับไม่ถ้วนฉาบผิวกายจนดูเหมือนชุดเกราะทมิฬจากเกล็ดแข็ง
  พริบตาเดียวสุนัขก็ได้กลายมาเป็นหมาดำตัวใหญ่ และกลายเป็นกิเลนที่ตรงตามตำนาน!
  หมาดำแท้จริงคือกิเลนมันคือเทพกิเลน!
  ความสับสนถาโถมเข้าใส่พวกเขาทุกคนหมาดำที่พวกเขาต่อสู้ด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญทั้งหมดที่มีและเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาชนะคือเทพเจ้ามาโดยตลอด!   มันคือเทพแห่งจิวโจว!
  ข้อกังขามากมายของพวกเขากระจ่างขึ้น
  พวกเขาสงสัยว่าทำไมหมาดำถึงมีพลังเทพที่ปรับเงื่อนไขของแดนมณีและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นทุ่งสังหารได้ง่ายๆ พวกเขาได้คำตอบในเรื่องนี้แล้ว ก็เพราะว่าหมาดำตัวนี้คือผู้ที่สร้างแดนมณีขึ้นมาตั้งแต่แรก!
  พวกเขาได้แต่งุนงง
  เทพแห่งจิวโจวใยไม่ช่วยเหลือพวกเขาเล่า? มันกลับจงใจเปลี่ยนแปลงแดนมณีจนทำให้จิวโจวอ่อนแอลงจนถึงทุกวันนี้เพื่ออะไรกัน? หรือว่าเทพแห่งจิวโจวก็เป็นเทพแบบเดียวกับเทพอสูรมณีที่มองชีวิตมนุษย์เป็นดั่งแมลงเล็กจ้อยที่สังหารได้ตามใจคิด?
  เมื่อคิดได้เช่นนี้ในใจพวกเขาเยือกเย็น
  “เฮ้ยเฮ้ย เฮ้ย พวกเจ้ามองข้าแบบนั้นทำไมกัน? ทำไมไม่คำนับที่ข้าอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าเลบ่า? พวกเจ้ากลับระแวงข้าอย่างนั้นเรอะ?”
  หมาดำไม่สิ เทพกิเลนจ้องมองพวกเขาด้วยเนตรสีส้ม มันมองพวกเขาอย่างไม่พอใจ
  “เจ้าหมาดำเจ้าไม่คิดจะอธิบายทุกสิ่งที่เจ้าทำมาก่อนเรอะ?”
  ซือหยูถามอย่างใจเย็น
  “ข้าไม่ใช่หมาข้าคือเทพกิเล…”
  ซือหยูพูดแทรก
  “ข้าไม่อยากเชื่อว่าหมาดำที่พยายามสังหารพวกข้าเมื่อครู่ก่อนตอนนี้กลับเรียกตัวเองว่าเทพกิเลน”
  “ข้าไม่ใช่หมาข้าคือเทพ…”
  “ถึงข้าจะหาเหตุผลได้บ้างถึงสิ่งที่เจ้าทำแต่คนอื่นก็อาจจะคิดไม่ออก ถ้าเจ้าไม่อยากจะให้พวกเราไปอยู่ฝั่งศัตรู เจ้าก็ควรจะแก้ตัวให้ชัดเสียก่อน หมาดำ”
  “ข้าไม่ใช่…”
  “พวกข้าหมดความอดทนแล้วเจ้าหมาดำเล่าสรุปมาซะ”
  “ขะ…”
  ซือหยูขมวดคิ้ว
  “จะพูดอะไรของเจ้า?พูดวกไปวนมาอยู่นั่นแหละ!”
  เทพกิเลนเบิกตาโพลงจ้องมองซือหยูในเนตรเต็มไปด้วยเพลิง มันกัดฟันแน่น
  “ช่าหัวเจ้า!ข้าบอกว่าข้าคือเทพกิเลน!”
  ซือหยูมองมันราวกับมองอันธพาล
  “เจ้าไม่ใช่หมาหรอกเรอะ?”
  เทพกิเลนกัดฟันต่อไปมันฝืนความคิดที่อยากจะฉีกกระชากซือหยูให้เป็นชิ้น ๆ มันทำหน้าเคร่งเครียดพร้อมถอนหายใจ
  “การสังหารเจ้าก็คือการช่วยชีวิตเจ้า”
  อะไรนะ?ถ้าหากคำพูดเหล่านั้นไม่ได้มาจากปากเทพกิเลน พวกเขาก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องลวง
  ปิงหวูชิงพูดอย่างไร้อารมณ์ขณะที่คนอื่นสับสน
  “ใช่แล้ว!การฆ่าพวกเจ้าก็คือการช่วยชีวิตพวกเจ้า!”
  ไม่มีเทพคนใดที่จะอธิบายว่าเหตุใดต้องเป็นเช่นนี้ราวกับว่ามันคือความลับยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครรู้
  “ทวีปจิวโจวคือโลกที่ข้าสร้างขึ้นมากับมือด้วยตัวคนเดียวชีวิตล้านล้านชีวิตคือลูกหลานที่พัฒนามาจากจิตวิญญาณเทพของข้า ถ้าข้าฆ่าเจ้า มันก็เท่ากับว่าข้าทำลายจิตวิญญาณเทพของตัวเอง มันไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย! ถ้าหากไม่มีสถานการณ์จำเป็น ข้าจะทำเรื่องแบบนั้นหรือ? นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาบอกเหตุผลกับเจ้า เมื่อถึงเวลา ข้าจะบอกเจ้าเอง”
  น้ำเสียงของเทพกิเลนนั้นดูยิ่งใหญ่เด็ดขาด
  ฮั่นเฟยกับคนที่เหลือยังไม่อยากจะเชื่อการฆ่าคือการช่วยชีวิตหรือ? มันเป็นคำพูดเหลือเชื่อที่ไร้เหตุผลรองรับ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย  “นี่คือทั้งหมดที่ข้าอยากพูดเจ้าจะเชื่อข้าหรือเติมเชื้อเพลิงให้ข้าศึกก็ย่อมได้ แล้วแต่พวกเจ้า”
  เทพกิเลนเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมาแล้วดูเหมือนว่าเทพกิเลนจะไม่มั่นใจเต็มที่ว่าจะมีพลังเอาชนะปิงหวูชิง!
  ซือหยูหลบตาครุ่นคิดฮั่นเฟยและคนที่เหลือพากันคิดตามเช่นกัน
  สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วเมื่อถึงเวลานี้ พวกเขายังมีโอกาสหันหลังกลับ
  ปิงหวูชิงไม่สนใจว่าแต่ละคนจะคิดอย่างไรเลยนางเพียงแค่จ้องมองเทพกิเลน นางพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
  “ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่และทิ้งจิตวิญญาณเทพเอาไว้ในคุกนั่น!ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ข้าคงจะทำลายทั้งร่างกายและดวงวิญญาณเจ้าทิ้งไปก่อนที่ข้าจะถูกผนึกพลัง!”
  เทพกิเลนแสยะยิ้มพร้อมหัวเราะอย่างเย็นชา  “ถ้าเจ้ามีพลังฆ่าข้าในตอนนั้นเจ้าก็คงไม่ถูกข้าขังอยู่ที่นี่หรอก”
  “นั่นมันแผนการชั่วของเจ้า!เจ้าใช้เวลาหลายพันปีเตรียมคุกนี่เอาไว้ ข้าถูกผนึกก่อนที่เจ้าจะตายเพราะว่าข้าประมาทไปนิดเดียวเท่านั้น!”
  ปิงหวูชิงพูดด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
  “น่าขันนัก”
  เทพกิเลนพูดสวน
  “ข้าจะไม่เตรียมพร้อมเต็มที่ตอนที่เจ้ามาในดินแดนของข้าและดูดซับพลังความศรัทธาเรอะ?เจ้าคิดว่าข้าจะนั่งรอให้เจ้ากลายเป็นเทพแล้วเอาชีวิตข้าไปกับพลังอสูรของเจ้ารึ?”
  นี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
  “ย่อมได้ข้าจะสะสางความแค้นต่อเจ้าให้หมด! ตอนนี้เจ้าคิดจะทำอะไรล่ะ? เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
  ปิงหวูชิงปลดปล่อยพลังเซียนไร้ขอบเขตออกมาจิตสังหารของนางน่าตกตะลึง  “ถ้าเจ้ามีพลังฆ่าข้าในตอนนั้นเจ้าก็คงไม่ถูกข้าขังอยู่ที่นี่หรอก”
  “นั่นมันแผนการชั่วของเจ้า!เจ้าใช้เวลาหลายพันปีเตรียมคุกนี่เอาไว้ ข้าถูกผนึกก่อนที่เจ้าจะตายเพราะว่าข้าประมาทไปนิดเดียวเท่านั้น!”
  ปิงหวูชิงพูดด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
  “น่าขันนัก”
  เทพกิเลนพูดสวน
  “ข้าจะไม่เตรียมพร้อมเต็มที่ตอนที่เจ้ามาในดินแดนของข้าและดูดซับพลังความศรัทธาเรอะ?เจ้าคิดว่าข้าจะนั่งรอให้เจ้ากลายเป็นเทพแล้วเอาชีวิตข้าไปกับพลังอสูรของเจ้ารึ?”
  นี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
  “ย่อมได้ข้าจะสะสางความแค้นต่อเจ้าให้หมด! ตอนนี้เจ้าคิดจะทำอะไรล่ะ? เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
  ปิงหวูชิงปลดปล่อยพลังเซียนไร้ขอบเขตออกมาจิตสังหารของนางน่าตกตะลึง  “เจ้าก็แค่เสี้ยววิญญาณเทพที่พลังอ่อนแอกว่าอสูรเนรมิตรฆ่าเจ้ากับจ้าวสวนอีกสี่คนก็ทำลายผนึกและปลดปล่อยพลังเทพอสูรของข้าได้แล้ว!”
  อะไรกัน?เทพกิเลนอ่อนแอกว่าอสูรเนรมิตรอีกหรือ?
  กู้ไทซูกับคนอื่นๆ เปลี่ยนใจในทันที พวกเขาเริ่มพิจารณาอีกครั้ง โอกาสชนะของทั้งสองฝ่ายนั้นชัดเจน
  “ข้ามีเขา”
  เทพกิเลนวางอุ้งเท้าบนไหล่ซือหยูอย่างหน้าไม่อาย
  ซือหยูสีหน้าหม่นหมอง
  “เจ้าจะลากข้าไปลงนรกแบบนี้เรอะ?”
  เขาน่ะรึ?ปิงหวูชิงแสยะยิ้ม
  “แค่คนเดียวรึ?”
  ไม่ว่าซือหยูจะยอดเยี่ยมเพียงใดเขาก็ไม่มีโอกาสเอาชนะเซียนได้  “หึหึแน่นอนว่าคนเดียวย่อมไม่พอ แต่ข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย!”
  เทพกิเลนหัวเราะอย่างประหลาดมันกลอกตาอย่างน่ากลัว
  อะไรอีกล่ะ?ปิงหวูชิงขมวดคิ้วเบา ๆ สัมผัสลางร้ายใกล้เข้ามา
  “เจ้าจะทำอะไร?”
  “หึหึ!เจ้าเผ่าอสูรผู้สูงส่ง เจ้ากล้าถามคำถามน่ารังเกียจนั่นได้อย่างไร? ข้าคงไม่ทำอะไรเจ้าหรอก! ข้าจะทำกับพวกมัน!”
  เทพกิเลนชี้ไปยังกู้ไทซูและคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเทพอสูร
  เมื่อมันพูดจบซือหยูรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเบาลงเมื่อพลังเซียนที่กดทับเขาหายไป แต่ปิงหวูชิงนั้นตัวแข็งทื่อไปแทน นางขยับตัวไม่ได้อีกเลย พลังเซียนของนางกำลังลดลง
  นางมองจ้าวสวนทั้งสี่ที่กำลังลอยอยู่ด้วยความตกใจและผงะหลัง
  “เจ้า…เจ้าควบคุมสี่ผนึกได้โดยตรง!”   แน่นอนว่าเรื่องนี้เกินกว่าที่ปิงหวูชิงคาดคิดเอาไว้
  “เดี๋ยวก่อนสิ!เป็นเพราะว่าเจ้าสร้างตัวเองให้เป็นจิตวิญญาณเทียมรึ?”
  ปิงหวูชิงนึกถึงบางอย่างนางอุทานด้วยความตกตะลึง
  “เจ้ามันป่าเถื่อน!เจ้าทำแบบนั้นกับตัวเองได้ยังไง!”
  การแบ่งจิตวิญญาณเทพนั้นเทียบเท่ากับยอดฝีมือที่แบ่งตัวเองเป็นสองความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่ต้องแบกรับนั้นเหนือเกินกว่าคำอธิบายใด แม้แต่กับเผ่าอสูรที่ขึ้นชื่อด้านความแข็งแกร่งของร่างกายก็ไม่กล้าที่จะทำเรื่องเหนือสามัญสำนึกเช่นนั้น