ตอนที่ 1069 - ปิดล้อมเทพอสูร

The Divine Nine Dragon Cauldron

“หึหึข้าจะไม่เตรียมตัวหาแผนก่อนผนึกเทพอสูรหรือ?”
  เทพกิเลนหัวเราะเบาๆ
  ปิงหวูชิงตกใจอย่างหนักนางพูดกับกู้ไทซูและคนที่เหลือเมื่อคืนสติ
  “มันขวางข้าได้แค่ครึ่งชั่วโมงถ้าพวกเจ้าไม่อยากตายก็จับเทพกิเลนมาให้ข้า!”
  กู้ไทซูกับคนที่เหลือขมวดคิ้วแน่นผนึกอยู่ได้แค่ครึ่งชั่วโมงรึ? เมื่อเวลาหมด พวกเขาก็มิอาจรอดพ้นความตายไปได้
  “เจ้าหนูภาระหนักอึ้งของทวีปอยู่บนบ่าเจ้าแล้ว”
  เทพกิเลนแสยะยิ้มแตะไหล่ซือหยู
  ซือหยูมองมันและตอบกลับอย่างไม่แยแส
  “มีคนที่ข้าห่วงใยอยู่ในจิวโจวข้าไม่ต้องให้เจ้าบอกว่าต้องทำอะไร และข้าก็จะไม่ให้เทพอสูรได้สิ่งที่ต้องการ แต่ว่า..เจ้าน่ะอยู่ได้นานแค่ไหน?”
  “นานเลยล่ะ!”
  “แล้วทำไมอุ้งตีนเจ้าสั่นเล่า?”
  “โอ้ข้าแกล้งชักไปเท่านั้นแหละ”
  ซือหยูหมดคำพูด
  เทพกิเลนดูเหมือนจะผ่อนคลายในเบื้องหน้าแต่แท้จริงแล้วมันกำลังเหนื่อยล้าจากการบังคับให้จ้าวสวนผนึกพลังของปิงหวูชิง
  ภายในครึ่งชั่วโมงปิงหวูชิงจะเป็นอิสระ เมื่อนางเป็นอิสระ นางจะทำลายจ้าวสวนทั้งห้าในคราเดียว แดนมณีจะล่มสลาย ปิงหวูชิงจะได้พลังเทพอสูรกลับมา และเทพอสูรมณีก็จะถือกำเนิดบนโลกมนุษย์อีกครั้ง
  สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นชัดเจน!
  “ข้าคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วสินะ”
  ซือหยูถอนหายใจ
  ด้วยสติปัญญาที่มีใยพวกเขาจะต้องให้คนอื่นเลือกเส้นทางของตัวเองให้เลบ่า?
  ฮั่นเฟยพูดอย่างไร้อารมณ์
  “เราไม่มีทางเลือก”
  กู้ไทซูปี้หลิงเทียน และฮั่นเฟยล้วนกำลังเตรียมพลังเงียบ ๆ เพื่อที่จะจับตัวเทพกิเลน!
  “ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามา”
  ซือหยูถอนหายใจอย่างหมดหวังเขาประสานมือเข้าด้วยกัน แสงตะวันปะทุออกมาจากฝ่ามือทั้งสอง มันโอบล้อมกายซือหยูเอาไว้ หากมองจากที่ไกล ๆ จะดูเหมือนว่าสุริยากำลังโผล่พ้นขอบฟ้าจากซือหยู
  การต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!
  อีกฝั่งคือตัวแทนของเทพอสูรมณีและส่วนอีกฝั่งคือตัวแทนของเทพกิเลน
  “ข้าขออภัยจริงๆ!”
  ฮั่นเฟยพูดอย่างเย็นชานางพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเหลือไว้เพียงเสี้ยวเงา
  กู้ไทซูกับปี้หลิงเทียนซัดพลังเข้าพร้อมกัน
  แต่การปะทะสุดยอดที่พวกเขาคาดคิดไม่ได้เกิดขึ้นมันกลับมีสามเงาขยับในบริเวณของปิงหวูชิง กระบวนท่าที่แข็งแกร่งทั้งสามซัดเข้าใส่ร่างปิงหวูชิงที่ถูกผนึกพร้อมกัน
  ปิงหวูชิงตัวสั่นสะท้านนางหน้าแดงก่ำ โลหิตแดงชาดไหลออกจากมุมปาก แม้แต่เซียนก็ต้องบาดเจ็บหากไร้ซึ่งการป้องกัน
  “สุดท้ายเจ้าก็เลือกเขาอย่างที่ข้าคิด”
  ปิงหวูชิงไม่หวั่นไหวราวกับว่านางรู้อยู่แล้วว่าจะถูกหักหลัง
  นางหลับตาและถอนหายใจยาวนางลืมตาอีกครั้ง จิตสังหารระเบิดออกมา
  “แต่น่าเสียดายนักพวกเจ้าเลือกผิดทาง!”
  ปั้ง!
  แสงสีเลือดแล่นผ่านเล็งไปยังฮั่นเฟยและคนที่เหลือ
  พวกเขาหยุดนิ่งและพยายามจะใช้พลังป้องกันมัน
  เงาทั้งสามกระเด็นกลับไปไกลเสียงดังตามมา
  ฮั่นเฟยแทบจะหยุดตัวเองไม่ได้นางจ้องมองเขาโลหิตด้วยสายตาเยือกเย็นราวน้ำแข็ง
  “จักรพรรดิกลืนอสูรเจ้าอยากจะรับใช้ปีศาจชั่วช้าและต่อต้านจิวโจวรึ?”
  พวกเขาคือจุดสูงสุดของจิวโจวพวกเขาย่อมไม่เลือกเข้ากับฝ่ายศัตรู โดยเฉพาะเมื่อเทพกิเลนปรากฏตัวออกมาแล้ว
  ดูจากครู่สั้นๆ ปิงหวูชิงบาดเจ็บเพราะมีผนึก นั่นหมายความว่านางอาจจะไม่เป็นอะไรอีกแล้ว!
  การเสียเขาเทพกิเลนทำให้หมดโอกาสในการทำลายจิตวิญญาณเทพของปิงหวูชิงแต่ครึ่งชั่วโมงก็ยังมากพอที่จะทำให้นางบาดเจ็บสาหัส!
  เมื่อปิงหวูชิงบาดเจ็บสาหัสแล้วภัยคุกคามที่นางมีอาจลดลงไปมาก  ดังนั้นพวกเขาจึงแสร้งเป็นทำตามคำสั่งนางแต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังร่วมมือกันจู่โจมนาง
  แย่เกินไปที่พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนัก
  “หึหึจิวโจวมันมีอะไรดีนักหนา? มันจะให้อะไรข้าได้? เทพอสูรมณีให้พลังเซียนข้าได้อีกเยอะ จิวโจวจะทำได้เรอะ?”
  จักรพรรดิกลืนอสูรนั่นยิ้มอย่างชั่วร้ายไร้หัวใจ
  ฮั่นเฟยแหย่เขา
  “เจ้าเชื่อคำสัญญาจากอสูรหรือ?พวกมันคือสิ่งที่สร้างอสูรภายในขึ้นมา ไม่มีสิ่งใดการันตีในคำสัญญาทั้งนั้น”
  “ฮื่มนายข้าจะใช้แค่ปฏิญาณสัตย์ดวงใจกับข้ารึ? นั่นคือสิ่งที่มีแต่พวกน่าสงสารอย่างเจ้าใช้เพื่อแลกเปลี่ยนกัน แต่ข้าคือคนที่นายหญิงยอมรับจริง ๆ นางทำพันธะสัญญาเทพอสูรกับข้า!”
  พันธะเทพอสูรรึ?ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวจักรพรรดิกลืนอสูรก็กลายเป็นเส้นสายสีแดงพุ่งตรงมาที่พวกเขาสามคนแล้ว
  การปะทะเมื่อครู่นั้นมากพอแล้วที่จะตัดสินความแตกต่างระหว่างพวกเขาจักรพรรดิเทพอสูรคนเดียวสามารถรับมือกับพวกเขาได้ทุกคน! ถ้าหากยังมีเขาอยู่ก็ไม่มีทางที่จะแตะต้องปิงหวูชิงได้
  พวกเขาเพิ่งจะได้คิดว่าควรหนีหรือไม่แต่เหล่าแสงสุริยาก็ปกคลุมทั้งฟ้าดินแผ่มายังพวกเขาจากด้านหลัง
  การมองแสงสุริยาทำให้พวกเขาลืมตาไม่ขึ้นพวกเขาทำได้แค่มองร่างอันยิ่งใหญ่ใต้หน้ากากสีเงินที่ควบคุมสุริยาลูกยักษ์ เขาต่อสู้กับจักรพรรดิกลืนอสูรอย่างกล้าหาญ
  ปั้ง!ปั้ง!
  จักรพรรดิกลืนอสูรถอยหลังไปสองก้าวใบหน้านั้นตกตะลึง
  “วิชาระดับเซียนระดับสองขั้นสูง! เจ้าทำได้ยังไง เจ้าเป็นแค่ภูติระดับเก้า!”   ฮั่นเฟยกับคนที่เหลือตกใจเช่นกันวิชาระดับภูติระดับสองขั้นสูงรึ? การบรรลุวิชาระดับนี้เหนือกว่าจะใช้ฐานพลังมารับมือได้
  แต่พวกเขาก็ดีใจที่เห็นว่าซือหยูสามารถต่อสู้กับจักรพรรดิกลืนอสูรไหว
  “ข้าจัดการมันเองพวกเจ้าไปหาวิธีจัดการปิงหวูชิงซะ”
  ซือหยูพูดโดยไม่หันหลังกลับเขาจ้องจักรพรรดิกลืนอสูรไม่วางตา
  “แล้วก็ปี้หลิงเทียนเจ้าควรจะใช้ศพทองแดงได้แล้ว นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าเอาพวกมันมาหรอกรึ?”
  ที่ชายแดนสวนสุสานศพทองแดงอสูรเนรมิตรแปดสิบร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง พวกมันรอฟังคำสั่งอยู่
  แม้ว่าพลังโจมตีของพวกมันจะไม่เท่ากับปี้หลิงเทียนหรืออีกสองคนที่เหลือแต่พวกมันก็มีจำนวนที่มาก เมื่อรวมพลังกัน พลังของพวกมันก็ไม่น่าจะอ่อนแอกว่าพวกเขาสามคน  “เข้าใจแล้วนี่เป็นเรื่องสำคัญ ข้าจะไม่เก็บมันไว้ใช้เองอีก”
  ปี้หลิงเทียนมองทุกคน
  “แสดงพลังแท้จริงของพวกเจ้าออกมาอย่ารอจนกว่าจะสายเกินไป! ชีวิตนี้อาจไม่มีโอกาสให้พวกเจ้าได้ใช้มันอีกแล้ว”
  เมื่อเขาพูดจบเขาเรียกกระดิ่งออกมาสะบัดไม่หยุดมือ เสียงภูติผีสะอื้นดังก้องฟ้า
  พลังอันหม่นหมองน่ากลัวก่อตัวเป็นสายลมทมิฬพัดพาโหยหวน
  ดวงตาแปดสิบคู่ที่ปิดแน่นเบิกโพลงศพทองแดงกระชากมิติก้าวไปยังปิงหวูชิงและจู่โจมนางด้วยพลังเต็มที่
  กู้ไทซูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหายใจเข้าลึกเรียกกิ่งไม้สนออกมาเขาอัดพลังเซียนลงไปยังกิ่งไม้ มันคือกระบวนท่าที่ซือหยูเคยเจอมาก่อน
  แสงส่องสว่างกู้ไทซูแทงหน้าผากปิงหวูชิงด้วยกิ่งไม้ มันแทงลึกไปยังกะโหลกของนาง พลังเซียนพุ่งเข้าไปในร่างปิงหวูชิงอย่างรวดเร็ว พลังนั้นกำจัดทุกอย่างภายในร่างกายนาง
  ฮั่นเฟยเองก็มิได้หวงวิชานางพลิกฝ่ามือล้วงแหวนมิติดึงเอากะโหลกดำสนิทที่มีพลังอสูรเข้มขนออกมา มันคือโครงกระดูกของเจ้าสำนักอสูรสวรรค์คนก่อน มันคือชิ้นส่วนของเซียน! มันมีพลังของเซียนอยู่ด้วย!
  พลังที่แตกต่างกันทั้งสามซัดเข้าใส่ปิงหวูชิงพร้อมกันร่างชิงหวูชิงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โลหิตสีทองไหลออกมาจากปาก นางยิ่งโกรธแค้นขึ้นไปอีก
  “พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!!”
  ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!
  แดนมณีสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับได้ยินคำบัญชาจากนางดูเหมือนว่ามันกำลังจะแตกสลาย
  ฮั่นเฟยและอีกสองคนกำลังจะทำให้เทพอสูรบาดเจ็บสาหัสได้แล้วพวกเขากระอักเลือดกระเด็นไปด้านหลังด้วยความตกใจ
  มันดูไม่เหมือนกับว่านางถูกผนึกมันแทบจะเป็นกรณีที่นางได้เป็นอิสระ!
  ฮั่นเฟยมีโลหิตอยู่เต็มปากนางกัดฟัน
  “อย่าได้กลัว!นางบาดเจ็บกว่าเดิมแล้ว การโจมตีของพวกเราได้ผล! พวกเรายังมีโอกาส!”
  ทั้งสามเข้าจู่โจมปิดล้อมปิงหวูชิงต่อไปอย่างไร้ความเกรงกลัว
  ซึ่งในช่วงเวลาเหล่านี้มันคือเวลาที่ซือหยูใช้ต่อสู้กับจักรพรรดิกลืนอสูรที่เป็นนภาจรัสอันดับสองมาโดยตลอด