ตอนที่ 1070 - เกราะวิญญาณเลือด

The Divine Nine Dragon Cauldron

“วิธีใช้พลังของเจ้าน่าทึ่งดีนี่!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรลูบมือ
  “เจ้าจะหาข้ออ้างอะไรอีก?ยอมรับว่าเจ้าไม่แกร่งเท่าข้าก็พอแล้ว!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรต่อสู้กับสัตว์อสูรมาโดยตลอดสัญชาตญาณของเขานั้นเฉียบคมยิ่งกว่าสัตว์อสูร เขาจะไม่สังเกตกระบวนท่าของซือหยูเมื่อครู่ได้รึ? เป็นเพราะเขาไม่เคยสนใจซือหยูมากนัก เขาจึงลงเอยด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่ควรจะเกิดขึ้น
  จักรพรรดิกลืนอสูรไม่ได้ใช้แค่การจู่โจมทั่วไปกับยอดฝีมือคนอื่นเขาทำให้ฮั่นเฟยและอีกสามคนบาดเจ็บขณะที่ปิดล้อมปิงหวูชิง นั่นคือการโจมตีของจริงจากเขา
  “หึหึโลกในวันนี้มีแค่ผู้เดียวที่กล้าพูดว่าข้าไม่แกร่งเท่า นั่นคือจางอู๋ชวง นั่นก็เพราะว่าคนที่เหลือตายไปหมดแล้ว!”   จักรพรรดิกลืนอสูรยิ้มอย่างน่าขยะแขยง
  “เพราะเจ้าไม่เคยเจอข้ามาก่อนต่างหาก…”
  ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
  จักรพรรดิกลืนอสูรเลียริมฝีปากความโหดเหี้ยมส่งประกายจากดวงตา
  “ในป่าขังภูติ…”
  เขาพูด
  “เหยื่อที่ขัดขืนได้มากมักมีรสชาติที่ดีกว่าพวกมันจะมองตัวเองถูกกลืนกินทีละน้อย กรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ข้าสำราญใจเหลือเกิน! ขอบคุณที่เจ้าทำให้ข้าได้พบความรู้สึกนี้อีกครั้ง!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรยิ้มอย่างน่ากลัวความกระหายเลือดแสดงออกมาชัดเจน
  เขาคล้ายกับสัตว์ป่ากินคนเสียงอันน่ากลัวส่งผ่านจากลำคอ
  “ข้าจะกินเจ้าทั้งเป็น!!รสชาติมนุษย์สด ๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน!!”   ฟึ่บ!
  กว่าคำพูดจะมาถึงเงาร่างของเขาก็มาถึงก่อนแล้ว ฝ่ามือโลหิตพุ่งตรงเข้าใส่ลำตัวซือหยู
  จักรพรรดิกลืนอสูรอยู่ห่างจากซือหยูไม่ถึงห้าศอกและซือหยูก็ได้เห็นดวงตากระหายเลือดสีชาดราวกับสัตว์ป่าของเขาได้อย่างชัดเจนในเงาร่างนั้น
  ปั้ง!
  ซือหยูไม่ลังเลก่อนจะยกมือซัดด้วยฝ่ามือสุริยาพลังแล่นมาตามแสงสุริยา ไม่มีทางหลบเลี่ยง
  “เกราะวิญญาณเลือด!”
  โลหิตสีแดงเข้มไหลหลากออกมาจากรูขุมขนของจักรพรรดิกลืนอสูรเขาหัวเราะเจ้าเล่ห์ โลหิตนั้นได้กลายเป็นชั้นเกราะสีเลือดที่ผิวของเขา หากมองครั้งแรกจะพบว่ามันเป็นแค่พลังโลหิตที่ไหลมาเป็นเกราะป้องกัน มีเพียงการมองอย่างใกล้ชิดเท่านั้นที่จะสังเกตว่ามันคือจิตวิญญาณของสัตว์อสูรมากมายที่ถูกกักขังไว้ในทะเลโลหิตจนเป็นเกราะ พวกมันกรีดร้องและขัดขืนอย่างไร้ความหมายไม่หยุดหย่อนเพื่อที่จะได้เป็นอิสระจากการถูกขังเป็นเกราะ มีจิตวิญญาณสัตว์อสูรอยู่หลายหมื่นดวงที่เป็นเกราะวิญญาณเลือด!
  ซือหยูดวงตาสั่นระริกอย่างมิอาจควบคุมได้เมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยองเขาใจสั่นและต้องถอยในทันที
  เมื่อเขาก้าวถอยหลังจักรพรรดิกลืนอสูรก็ซัดฝ่ามือใส่จุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ เขาในเกราะโลหิตไม่ได้รับผลจากพลังของฝ่ามือสุริยาเลย
  มิติสั่นสะเทือนเบาๆ รอยแยกมิติราบเรียบเปิดออกจากความว่างเปล่า
  ถ้าหากซือหยูช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อยอกของเขาคงจะถูกผ่าออกพร้อมกับถูกควักหัวใจออกไปแล้ว!
  “คล่องแคล่วตอบสนองเร็ว เฉียบขาด! รสชาติเจ้าจะต้องยอดเยี่ยมแน่!”   ดวงตาจักรพรรดิกลืนอสูรแสดงความสนใจลึกล้ำไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาตื่นเต้นไปกว่าการล่าเหยื่อที่จัดการได้ยาก
  ซือหยูเหลือบมองเกราะวิญญาณเลือดที่จักรพรรดิกลืนอสูรสวมเกราะโลหิตนี้เกิดจากดวงวิญญาณของสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน ทุกการโจมตีจะถูกดวงวิญญาณป้องกันไว้ก่อนที่จะถึงตัว จะไม่เกิดอันตรายใดกับร่างภายในของจักรพรรดิกลืนอสูรเลย
  แรงปะทะจะถูกจิตวิญญาณสัตว์อสูรดูดซับเข้าไปดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่นิดเดียว
  มีเพียงกระบวนท่าที่เหนือกว่าอสูรเนรมิตรเท่านั้นที่จะทะลวงเกราะโลหิตของดวงวิญญาณสัตว์อสูรได้และต่อให้ทะลวงไปได้ พลังส่วนใหญ่จะถูกลดทอนลงไปอย่างมาก ซือหยูวิเคราะห์ทางเลือกที่เขามี แต่ดูเหมือนว่าจะมีอยู่วิธีเดียว
  เมื่อเขาคิดจบซือหยูมือสั่น เข็มเหล็กสีดำสนิทลอยเหนือฝ่ามือ เขาสะบัดข้อมือไปด้านหน้า เข็มได้หายไปในพริบตา เมื่อปรากฏอีกครั้งก็ได้ทะลวงผ่านเกราะโลหิตไป
  เข็มจับแทงวิญญาณคืออาวุธเล็งเป้าหมายที่วิญญาณเป็นหลักเกราะโลหิตนั้นเกิดจากดวงวิญญาณของสัตว์อสูร ดังนั้นเข็มนี้คืออาวุธที่เหมาะจะแก้ทาง
  ไม่ว่าเข็มจะผ่านไปทางใดวิญญาณสัตว์อสูรจะถูกสังหารโดยเข็มเล่มนั้นพร้อมกับเสียพลังป้องกัน แต่ดวงวิญญาณในชุดเกราะที่มีอยู่มากมายจะมาปิดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในพริบตา มันลดพลังของเข็มไปเรื่อย ๆ
  พอถึงยามที่เข็มฆ่าดวงวิญญาณไปพันดวงพลังของเข็มก็ลดลงก่อนจะถึงผิวจริงของจักรพรรดิกลืนอสูร ซือหยูต้องเรียกเข็มกลับมา
  จักรพรรดิกลืนอสูรยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ตลอดและไม่คิดจะหยุดซือหยู
  “ข้าสร้างเกราะนี้ตามพิมพ์สมบัติในซากโบราณข้าใช้ดวงวิญญาณสัตว์อสูรหมื่นดวงที่รวบรวมมา ระดับของมันคือ…สมบัติภูติ!”   จักรพรรดิกลืนอสูรกล่าว
  เขาบอกความจริงอันโหดร้าย
  “ในโลกใบนี้มีคนเพียงหยิบมือเดียวที่ทะลวงผ่านเกราะวิญญาณเลือดของข้าไปได้ เจ้าไม่ใช่คนเหล่านั้นแน่นอน จงโอบกอดการถูกล่าอย่างสิ้นหวังต่อนักล่าอย่างข้าซะเถอะ!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรแสยะยิ้ม
  ร่างจักรพรรดิกลืนอสูรกลายเป็นเส้นโลหิตในพริบตาก่อนที่จะได้พักหายใจ เขาก็มาถึงพร้อมกับง้างฝ่ามือซัดใส่จุดตายของซือหยูแล้ว
  ซือหยูยังคงมีใบหน้าสุขุมใจเย็นเส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าลอยออกมาเฉือนผ่านสายลม
  จักรพรรดิกลืนอสูรดึงมือกลับและป้องกันตัวด้วยเกราะโลหิตทันที
  เมื่อเส้นไหมเฉือนผ่านดวงวิญญาณร้อยดวงก็หายไปราวกับกลุ่มควัน แม้กระนั้น เส้นไหมก็มิอาจทะลวงผ่านดวงวิญญาณที่เหลือมากมายได้
  จักรพรรดิกลืนอสูรผงะ
  “นั่นมันเส้นไหมอะไร!มันคมกว่าเส้นไหมอื่นจากดักแด้อสูรที่ข้าเคยเห็น! แต่น่าเศร้าที่วันนี้มันได้เจอกับของแข็งเข้าแล้ว!”
  ผั่วะ!
  การจู่โจมระยะใกล้ของซือหยูไม่เป็นผลจักรพรรดิกลืนอสูรได้โอกาสซัดฝ่ามือใส่ลำตัวของวเขา
  แต่ก่อนที่จักรพรรดิกลืนอสูรจะได้ปลดปล่อยพลังเขาก็ชักสีหน้า สัญชาตญาณสัตว์ป่าของเขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม การใช้เวลาหลายปีในป่าทำให้เขาตอบสนองได้อย่างฉับไว เขาทิ้งโอกาสดีที่สุดที่จะฉีกกระชากซือหยูและถอยกลับทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
  ในวินาทีที่เขาก้าวถอยหลังประตูมิติอสูรได้เปิดที่ใต้เท้าของซือหยู รอยพิมพ์ทรงกลมที่มีพลังอสูรมหาศาลเอ่อล้นออกมารอบตัวเขาไม่นานหลังจากนั้นก็มีพลังพลังอันดุร้ายปะทุขึ้นฟ้าจากตราประทับทรงกลม
  จักรพรรดิกลืนอสูรมองมังกรอสูรยาวพันศอกด้วยความสะพรึงกลัวมันเข้าปะทะกับร่างของเขาอย่างรุนแรง พลังมหาศาลผลักเขาไปด้านหลังถึงหมื่นศอก เขากระด็นไปไกลกระแทกกับหลุมศพเก่าถึงแปดแห่งก่อนจะหยุด
  สีแดงเลือดในเกราะโลหิตของเขาอ่อนลงดวงวิญญาณสัตว์อสูรล้มตายไปหลายดวง ดวงวิญญาณเกือบหนึ่งในสามถูกลบหายไปจากแรงปะทะเมื่อครู่! ครั้งนี้ ดวงวิญญาณสัตว์อสูรมิอาจเข้ามากลบช่องโหว่ของเกราะได้ทันจนทำให้ร่างจริงของเขาบาดเจ็บ
  แม้จะไม่ได้ทำให้เขาตายร่างจริงของเขาก็บาดเจ็บอยู่บ้าง แต่พยายามกัดฟันทนเจ็บและเงยหน้าออกมาด้วยความบ้าคลั่ง มันทั้งบ้าคลั่งและตื่นเต้น
  เขามองท้องนภาและเริ่มหัวร่อ
  “ดี!ดี! ยอดเยี่ยม!! ไม่ใช่แค่รับมือข้าได้นานเท่านั้น เจ้าคือเหยื่อที่น่าสนุก! ถ้าข้าไม่ได้กินเจ้า ข้าก็คงจะตายตาไม่หลับ!!”
  ตู้ม!
  จักรพรรดิกลืนอสูรอ้าปากเงาสัตว์อสูรขนาดมหึมาปรากฏตัวจากด้านหลังของเขา มันสูงหมื่นศอกและมีตาแดงก่ำ ครึ่งร่างของมันคล้ายกับกิเลน แต่หัวของมันนั้นน่ากลัวสยดสยอง
  “เทาเทีย?”
  ซือหยูพูดออกมาโดยไม่ทันคิดเนตรอสูรกลืนสวรรค์ที่ไม่ได้ปลดปล่อยพลังมานานของเขาแผ่ความร้อนออกมาราวกับสัมผัสบางอย่างได้
  เมื่อสังเกตดูให้ดีมันคล้ายกับการปรากฏตัวของเทาเทียแต่ดุร้ายน้อยกว่าไปโข มันดูตะกละตะกลามจนลดความน่ากลัวลงไป
  “ใช่แล้ว!สัตว์อสูรโบราณนี้คือส่วนหนึ่งของสายโลหิตข้า สายโลหิตเทาเทีย! ถึงจะอ่อนแอและบริสุทธิ์น้อยกว่า มันก็คือสายเลือดเทาเทียสุดท้ายบนโลก!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรกล่าว
  ใบหน้าเขาดูโหดร้าย
  “จงรับโชคชะตาของเจ้าและปล่อยให้ข้าได้กินเจ้าซะตายในมือของข้าคือพรที่สวรรค์ประทานให้เจ้า!”
  โฮก!
  เงาเทาเทียอ้าปากทัะนทีมันมองซือหยูพร้อมกับขยายปากอย่างไร้ที่สิ้นสุด
  มังกรอสูรซัดเข้าใส่อีกครั้งและถูกพลังบางอย่างต้านเอาไว้ไม่นานมังกรอสูรก็ขาดเป็นสองท่อนและสลายเป็นพลังอสูร มันถูกบางอย่างฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ!
  ขณะที่ซือหยูตกใจพลังที่จับต้องไม่ได้นั้นก็เล็งเป้ามาที่เขา ซือหยูหนาวสั่นเมื่ออันตรายใกล้เข้ามา ซือหยูเรียกเอาวิหคไม้ออกมาใช้ทันที
  ต่อมาซือหยูกระชากมิติและปรากฏตัวในที่อื่น ส่วนจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่นั้นได้กลายเป็นความรกร้างว่างเปล่าไร้สิ้นสุด ทุกหนแห่งถูกกลืนกิน!
  “สมบัติเคลื่อนย้ายหรือ?”
  จักรพรรดิกลืนอสูรตกใจแม้แต่อสูรเนรมิตรก็สร้างสมัติเช่นนั้นไม่ได้ มีเพียงเซียนที่มีพลังนั้น
  “ฮื่มจะมีสมบัติมากแค่ไหนก็ช่วยชีวิตเจ้าไม่ได้หรอก!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรตะโกนเมื่อจ้องซือหยูเงาที่คล้ายเทาเทียใช้พลังอีกครั้ง
  ซือหยูไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยเขาใช้วิหคไม้อีกครั้งในการหลบ
  ภายในจักรพรรดิกลืนอสูรมีเกราะวิญญษรเลือดที่ทำให้เขามีพลังป้องกันมากจนไม่สะทกสะท้านต่อพลังมากมาย ส่วนภายนอก เขามีสายเลือดเทาเทียที่ดูดกลืนได้ทุกสิ่ง
  ไม่แปลกใจที่ปิงหวูชิงจะใช้เขาเป็นเครื่องมือคนประเภทนี้ไร้เทียมทานกับใต้หล้าใครกันจะต่อสู้กับเขาได้หากเขาเติบโต?
  ซือหยูหลบการโจมตีหลายครั้งเขาผ่านพ้นความตายได้หวุดหวิดทุกครั้ง
  ปิงหวูชิงแห่งเขาอสูรที่มองดูการต่อสู้จากอีกฝั่งโดยไม่เคลื่อนไหวถ้าหากไม่ใช่เพราะซือหยูส่งกระแสจิตบอกนางไม่ให้บุ่มบ่าม นางคงจะเข้ามาช่วยเขาไปแล้ว แต่นางก็เข้าใจตัวเองในตอนนี้…นางไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดิกลืนอสูรเลย
  ต่อมาการโจมตีอีกครั้งได้พุ่งเข้าใส่ซือหยู เขาหลบครั้งนี้ไม่ได้ เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดถูกกลืนกิน เขาเกือบจะเสียแขนไป
  “มันจบแล้วซือหยูเซี่ยน!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรเลียริมฝีปากการใช้สมบัติเคลื่อนย้ายนั้นกินพลังมาก เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะหนีไปตลอด เมื่อเขาหมดพลัง เขาจะถูกกลืนกิน
  “ถูกแล้วถึงเวลาจบสักที”
  จักรพรรดิกลืนอสูรไม่เห็นเลยว่าซือหยูพยักหน้าและเก็บวิหคไม้ไปแล้ว!
  “เจ้าไม่คิดจะหนีแล้วเรอะ?”
  จักรพรรดิกลืนอสูรหรี่ตาถามเขาหยุดมือลง สัญชาตญาณบอกเขาอีกครั้งว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว บรรยากาศอันตรายกำลังเข้ามาสู่เขา
  “ใครบอกเจ้าว่าข้าหนี?ข้าเกือบเตรียมตัวเสร็จแล้ว มาเริ่มกันเถอะ!”
  ซือหยูชักกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ขึ้นมาจากด้านหลัง
  เมื่อมองกระบี่จักรพรรดิกลืนอสูรหนาวจับใจ เขาบอกกำลังของกระบีได้จากความคมนั้น มันมิอาจต้านทาน!
  “ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์…อายุมากกว่าพันปี!”
  ปิงหวูชิงหรือก็คือเทพอสูรมณีอุทานออกมาด้วยประสบการณ์มากมายของนาง นางมิอาจหยุดความตกตะลึงได้
  ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์สูญพันธุ์ไปกว่าหมื่นปีแล้วไม่มีทางที่ใครจะได้แบบโตเต็มที่มาครอง มันคือคือกระบี่ระดับกึ่งภูติ!
  “ระวัง!กระบี่นั่นอันตรายมาก!”
  นี่เป็นครั้งแรกที่ปิงหวูชิงเอ่ยปาก
  จักรพรรดิกลืนอสูรแสยะยิ้ม
  “ไม่ต้องห่วง!ข้าจะไม่ตายจนกว่าจะได้กินมัน!”
  โฮก!
  ขณะที่เขาพูดเงาเทาเทียอ้าปากกลืนกิน
  ซือหยูไม่ไหวติงเขาพลิกฝ่ามือ กระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์แล่นผ่าน มันไม่ได้ทิ้งพลังกระบี่ตระการตา เป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวของแสงสีเงิน พลังกลืนกินสลายไปเมื่อกระบี่สัมผัส! มันหายไปพร้อมกับความว่างเปล่าที่ถูกฟาดฟันผ่าน
  มันมิอาจกลืนกินซือหยูเงาเทาเทียได้รับแรงปะทะอย่างรุนแรง ร่างของมันสลายไปพร้อมกับเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด
  จักรพรรดิกลืนอสูรเบิกดตากว้างความเยือกเย็นถาโถมเข้าสู่หัวใจ
  ‘นั่นมันกระบี่อะไรกัน?’
  เขาคิด