ตอนที่ 1071 - ข้ารับใช้อสูรแห่งเทพ

The Divine Nine Dragon Cauldron

แต่สีหน้าของผู้เหนือกว่ายังคงอยู่บนใบหน้าของจักรพรรดิกลืนอสูรด้วยเกราะวิญญาณเลือด เขาจะไม่มีทางเป็นผู้เสียเปรียบ!
  เสี้ยวพลังกระบี่จากระบี่ภูติเข้าห้ำหั่นวิญญาณบนเกราะดวงวิญญาณสัตว์อสูรมากมายพากันเข้ามาฉุดกระชากพลังกระบี่ กระบี่ภูติแม้จะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ มันก็มิอาจทำอะไรกับร่างจริงของจักรพรรดิกลืนอสูรได้
  จักรพรรดิกลืนอสูรแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาแสยะยิ้มเยือกเย็นอีกครั้ง
  “เจ้าทำได้แค่นี้รึ?พลังกระบี่เจ้าไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่นี่!”
  “จะใช่รึ?”
  ซือหยูถามด้วยแววตาแปลกประหลาด
  “ถ้าไม่มีเกราะวิญญาณเลือดเจ้าจะยังกล้าพูดเช่นนั้นอีกหรือไม่?”
  อะไรนะ?จักรพรรดิกลืนอสูรรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจ โดยเฉพาะเมื่อซือหยูพูดถึงการไม่มีเกราะวิญญาณเลือด เขาหัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล
  “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
  จักรพรรดิกลืนอสูรก้าวถอยไปยังปิงหวูชิง
  “ก็หมายความอย่างที่ข้าพูดยังไงล่ะ”
  จู่ๆ แสงได้เปล่งออกมาจากดวงตาของเขา กระบี่ภูติขับเคลื่อนส่งแสงสีเงินเข้าไป
  กระบี่พุ่งตรงไปยังจักรพรรดิกลืนอสูรที่พยายามใจเย็นถ้ามีเกราะวิญญาณเลือดก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้…ใช่ไหม? แต่เมื่อพลังกระบี่อันตระการตามาถึงตัว จักรพรรดิกลืนอสูรก็หัวใจหยุดเต้น
  ดวงวิญญาณสัตว์อสูรในเกราะไม่เข้ามาป้องกันพลังในครั้งนี้พลังกระบี่กลับทะลวงเกราะไปถึงร่างจริงของเขาในที่สุด!   ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้เกราะอย่างไรดวงวิญญาณสัตว์อสูรมากมายก็ราวกับถูกบางอย่างกดทับเอาไว้มิอาจขยับได้ กระบี่ทะลวงร่างของเขาตรงไปยังดวงวิญญาณ!
  “เจ้า…เจ้าใช้วิชามายา…”
  ทันทีที่วิญญาณกำลังแหลกสลายจักรพรรดิกลืนอสูรพูดด้วยความสะพรึงกลัว
  เขาไม่เคยคิดว่าซือหยูจะมีความเข้าใจในวิชาวิญญาณที่ลึกซึ้ง…อีกทั้งเขายังใช้วิชามายาได้!นี่เป็นวิชาที่ทำให้เหล่าดวงวิญญาณสัตว์อสูรไม่เข้ามาป้องกันและทำให้เกราะต้องสูญเสียความสามารถในการป้องกันไป
  เกราะวิญญาณเลือดไร้ค่าไปแล้วจักรพรรดิกลืนอสูรรับพลังไปเต็ม ๆ
  เมื่อครู่ซือหยูทำราวกับว่าเขาพยายามหลบเงาเทาเทียที่กลืนกินเขา แต่แท้จริงแล้วเขากำลังใช้วิชามายาเพื่อล่อลวงเหล่าดวงวิญญาณสัตว์อสูรบนเกราะโลหิต
  นี่คือแผนการส่วนสุดท้ายของซือหยู!   จักรพรรดิกลืนอสูรมีสัมผัสที่เฉียบคมการทำให้ไม่ทันระวังคือหนทางเดียวในการสังหาร และแน่นอนว่าเกราะวิญญาณเลือดที่เขาภูมิใจก็คือสิ่งที่ทำให้เขาประมาท
  ก่อนหน้านี้การโจมตีของซือหยูมีไว้เพื่อล่อความสนใจ การผสานพลังระหว่างโอรสสวรรค์จ้องนภาและกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์คือสิ่งที่เขาตั้งใจจะใช้ปิดฉาก ครั้งนี้มิเพียงแต่ทำลายกายหยาบของจักรพรรดิกลืนอสูร แต่เป็นการสะบั้นดวงวิญญาณของเขาอีกด้วย
  จักรพรรดิกลืนอสูรล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความแค้นพลังทั้งหมดไหลออกจากร่าง
  คนที่กำลังปิดวงล้อมปิงหวูชิงมีความรู้สึกซับซ้อนในแววตาทั้งเป็นความดีใจและความหนักใจ
  พลังของซือหยูเหนือเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดแม้แต่จักรพรรดิกลืนอสูรยังตายด้วยมือของเขา! ขณะที่พวกเขารู้ตัวดีกว่าไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดิกลืนอสูร  ถึงอย่างนั้นใบหน้าของซือหยูก็ไม่ได้สบายใจดั่งพวกเขา เขาจ้องมองร่างของจักรพรรดิกลืนอสูรด้วยความทึ่งและสงสัย
  ร่างกายและดวงวิญญาณของเขาขาดสะบั้นแสงสีส่องประกายจากทั้งร่าง ดวงตาที่ปิดสนิทเบิกขึ้นมาอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยพลังอสูรอันน่าหวาดผวา
  มันเป็นอย่างที่เขาพูดก่อนตาย: เขาไม่อยากตายตาไม่หลับ!
  เขาตบฝ่ามือบนพื้นยืนขึ้นทันควันเขามองร่างกายตัวเองด้วยความตกใจ
  “ฮ่าๆๆๆๆๆนี่คือสัญญาเทพ!! ตราบเท่าที่เทพยังมีชีวิตอยู่ ข้ารับใช้จะไม่มีวันตาย!”
  สัญญาเทพหรือ?
  ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยมองปิงหวูชิงนำคนตายกลับมาหรือ? การกลับมามีชีวิตไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ว่าจะคืนชีพมาเท่าใด ซือหยูจะฆ่าเขาได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือผลอย่างอื่นที่ได้จากสัญญาเทพ  “ซือหยูเซี่ยนเจ้ามีคำสั่งเสียหรือไม่?”
  จักรพรรดิกลืนอสูรหัวเราะมองท้องฟ้าเย้ยหยันใบหน้านั้นชั่วร้าย
  ฟึ่บ!
  แสงทมิฬแล่นมาตรงหน้าซือหยูก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว
  สิ่งที่เข้ามามีคู่เขาทมิฬบนศีรษะและเขี้ยวแหลมในปากอีกทั้งยังมีปีกทมิฬและหางยาวคมดั่งมีด
  เขาปรากฏตัวต่อหน้าซือหยูด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัวซือหยูไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน
  “ข้ารับใช้อสูรแห่งเทพ!!”
  ตงฟางเถียนเฟิงที่บาดเจ็บมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมขนลุกใบหน้านางหม่นหมองขึ้นมาทันที
  ข้ารับใช้แห่งเทพคือร่างของข้ารับใช้เทพอสูรในตำนานตราบเท่าที่เทพอสูรยังอยู่ ข้ารับใช้เทพจะไม่มีวันตาย และข้ารับใช้ยังใช้พลังจากจิตวิญญาณเทพของเทพอสูรได้อีก!   ซือหยูตอบสนองได้เร็วพอกันคลื่นลึกลับพุ่งออกจากดวงตาล่อลวงดวงวิญญาณสัตว์อสูรพร้อมกับซัดกระบี่ออกไป
  ปั้ง!
  เสียงร่างกายและดวงวิญญาณแตกสลายดังก้องครั้งนี้ ร่างกายของจักรพรรดิกลืนอสูรกับดวงวิญญาณแตกดับไปพร้อมกัน!
  แต่ต่อมากรงเล็บดำสนิทก็พุ่งออกมาคว้ากระบี่ไผ่เงินจากความว่างเปล่า!
  จักรพรรดิกลืนอสูรลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
  “ข้ากลับมาอีกแล้ว!”
  เขาซัดกรงเล็บอสูรที่มีพลังมหาศาลใส่ซือหยูมหันมีพลังเข้มข้นพอ ๆ กับพลังที่ทำให้ภูเขาหลายลูกระเบิด
  ซือหยูชักสีหน้าเขาป้องกันด้วยกระบี่ กระบี่ดูดซับแรงปะทะส่วนมากเอาไว้ แต่พลังส่วนหนึ่งก็มาถึงตัวเขา
  โลหิตไหลออกจากมุมปากเป็นสาย
  “ฮ่าๆๆๆๆๆ!เจ้ามันอ่อนแอเกินไป!”   จักรพรรดิกลืนอสูรหัวเราะเมื่อมองซือหยูอย่างไม่กลัวตายเขาพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
  ซือหยูยกกระบี่ซัดใส่แต่จักรพรรดิกลืนอสูรก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในครึ่งลมหายใจ เขาเกิดและพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีก!
  “อ่อนแอ!เจ้าขัดขืนให้มากกว่านี้ไม่ได้เรอะ? เจ้าจะได้น่าฆ่ามากกว่านี้!”
  จักรพรรดิกลืนอสูรย่ามใจขั้นสุดสภาวะอมตะที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้เขารู้สึกพอใจเหมือนได้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของโลก
  สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ คนที่มองดูการต่อสู้เคร่งเครียด
  พวกเขาไม่ได้คิดว่าซือหยูใช้ไม่ได้ถ้าหากพวกเขาเป็นซือหยู พวกเขาก็คงมิอาจรับมือกับจักรพรรดิกลืนอสูรที่สามารถกลับมามีชีวิตได้ไม่จำกัดครั้ง
  ศัตรูมิอาจสังหารมิอาจถูกทำลาย ขณะที่พวกเขาตายได้ครั้งเดียว การต่อสู้นี้ไม่ยุติธรรมตั้งแต่ต้น ถ้าหากคนอื่นมาสู้แทนซือหยู พวกเขาก็คงจะตายไปนานแล้ว โชคดีที่ซือหยูมีพลังมหาศาลและสมบัติอันแข็งแกร่งไว้พึ่งพา เขาจึงรอดชีวิตมาได้ถึงตอนนี้ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าซือหยูมิอาจรอดพ้นความตายได้ตลอดกาล
  “ซือหยูเซี่ยนหนีไปซะ! เจ้าเอาชนะจักรพรรดิกลืนอสูรที่มีพันธะสัญญาเทพไม่ได้ มันไม่มีวันตาย! ไม่ว่าเจ้าจะฆ่ามันกี่ครั้ง!”
  ตงฟางเถียนเฟิงตะโกนนางหายใจเข้าลึก นางมิอาจทนมองการต่อสู้ของเขาได้อีกต่อไป
  เพราะพลังเทพไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะต่อต้านแม้จักรพรรดิกลืนอสูรจะเป็นแค่ข้ารับใช้เทพ พวกเขาก็ยังมิอาจทำอะไรได้
  หรือการต่อสู้กับเทพอสูรมณีเป็นเพียงเรื่องน่าขัน?
  ตงฟางเถียนเฟิงขมขื่นในใจ
  “พันธะสัญญาเทพเป็นโมฆะได้หรือไม่?”
  ซือหยูถามขณะที่มองจักรพรรดิกลืนอสูรที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
  ตงฟางเถียนเฟิงตกใจนางยิ้มอย่างขมขื่น
  “มีเพียงเทพคนนั้นเองเท่านั้นคนนอกหรือแม้แต่เทพคนอื่นไม่สามารถสะบั้นสัญญาเทพได้ง่าย ๆ”
  ซือหยูพยักหน้านางตัวแข็งทื่อ
  “ดีก็แค่ให้ปิงหวูชิงล้มเลิกสัญญาเทพเท่านั้น”
  ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดตงฟางเถียนเฟิงคงจะคิดว่าคำพูดนั้นคือลมผ่านหู