ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
หลังจากเตรียมการอยู่เจ็ดวัน กองทัพพันธมิตรของมนุษย์ก็บุกเข้าอัลคีราฟ เหตุผลที่ทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกันก็เป็นเพราะพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูต่างเผ่าพันธุ์
กองทัพเซิกพวกนี้มุ่งหวังจะทำลายล้างโลก เผ่าพันธุ์มนุษย์จึงต้องร่วมมือกันกำจัดพวกมันเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่ได้คิดเช่นนี้ ผู้คนบางส่วนก็มาเพียงเพราะต้องการแสวงหาความมั่งคั่งจากการติดตามเข้าไปในอัลคีราฟ
เฟอร์กูสันมักมองเซียวอวี๋ด้วยสายตาอันซับซ้อนอยู่หลายครั้ง เขาตระหนักดีว่าครั้งนี้เซียวอวี๋มีส่วนช่วยในการปกป้องทวีปมากเพียงใด คนผู้นี้บางคราก็คนไร้สาระ บางคราก็เป็นวายร้าย เขาไม่มีท่าทางเหมือนกับขุนนางแม้แต่น้อย แต่เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ คนผู้นี้พร้อมทุ่มกำลังทั้งหมดปกป้องทวีปและเผ่าพันธุ์มนุษย์
นี่เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นจากผู้ทรงอำนาจคนอื่นๆ
แน่นอนว่านิโคลัสก็ดีไม่น้อย ตั้งแต่ที่เขาร่วมออกทุนจำนวนมากในการสร้างรูปปั้นอนุสรณ์ของเอกวินน์ในคราวนั้น มาครั้งนี้เขายังนำกำลังเดินทางมาต้านทานพวกเซิกโดยปราศจากความลังเล จะเห็นได้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน อีกทั้งวิสัยทัศน์ของเขายังลึกซึ้งกว้างไกลกว่าผู้อื่น
ราชวงศ์ที่ตอนนี้เขาปกป้องดูแลอยู่นับว่าเทียบไม่ได้เลย
อันที่จริง ในใจของเขากระจ่างดี อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นผู้ปกปักษ์ของราชวงศ์แล้ว ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาย่อมต้องปกป้องราชวงศ์สุดกำลัง
แม้ว่าสงครามกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า แต่เฟอร์กูสันก็ยังกวาดมองดูคิเมร่าที่เขากำลังนั่งอยู่ เขาถอนหายใจพลางนึกถึงคำพยากรณ์ขึ้นมา
สามารถรวบรวมทุกเผ่าพันธุ์ให้เป็นหนึ่ง สามารถนำเหล่าวีรชนให้หวนคืน
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงเซียวอวี๋ที่สามารถบรรลุเงื่อนไขสองข้อนี้
“เพื่อจักรวรรดิเมฆา เพื่อความสงบสุขของทวีป ทัพพยัคฆ์ บุก!” เสียงตะโกนของโถวปาหู่ดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ
“ย่าห์!” ทัพพยัคฆ์ต่างกู่ร้อง ม้าศึกที่พวกเขาเองก็เช่นกัน เสียงร้องอันกึกก้องนี้ล้วนทำให้ผู้คนสั่นสะท้านอยู่ในใจ
ครืน……..
ทัพพยัคฆ์พุ่งทะยานราวสายฟ้าเส้นหนึ่ง อำนาจบุกทะลวงนับว่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด สมกับยอดทัพของทวีป
พวกนักผจญภัยที่มาจากทั่วทวีปหรือนักรบจากขุมกำลังต่างๆล้วนแต่ตกตะลึงในใจ ทัพพยัคฆ์นี้นับว่าน่าเกรงขามจริงๆ
ทั้งขวัญกำลังใจและสภาวะ เหล่านี้พวกเขาล้วนแต่มีมากที่สุดในสนามรบแห่งนี้
“หากได้ครอบครองกองทัพเช่นนี้ก็ประเสริฐนัก” ในใจของทุกคนล้วนแต่คิดเห็นเช่นเดียวกัน
ครืน…….
เสียงกีบเท้าม้ายิ่งมาก็ยิ่งดัง ผู้คนจำนวนมากต่างตามทัพพยัคฆ์ไปติดๆ ที่บนฟ้ามีกองทัพอากาศของเซียวอวี๋บินคุ้มครอง พวกเขาแบ่งกองทัพเป็นสามรูปขบวน ผู้ใช้มนตราของแต่ละขบวนมีหน้าที่สนับสนุนทัพพยัคฆ์ที่เบื้องล่าง
ตู้ม!
ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันอย้่างรุนแรงประดุจคลื่นกระทบกำแพง แรงกระแทกจากการปะทะได้บดขยี้พวกแมลงเปลือกเหล็กเป็นชิ้นๆ
เพลิงจากลมหายใจของคิเมร่า ระเบิดจากพวกแบทไรเดอร์และเวทมนตร์ของสามจ้าวมนตราก็ตามไล่หลังมาทันที พวกเซิกในแนวหน้าพลันล้มตายอย่างสาหัส
ทัพพยัคฆ์ประดุจมังกรที่แหวกว่ายในสมุทร ไม่ว่าพุ่งไปที่ใดที่นั่นล้วนแหวกเป็นทางสายหนึ่ง
เห็นฉากที่ปรากฏในสายตา เซียวอวี๋ก็พลันเลือดลมพลุ่งพล่าน
“มังกรน้อย พวกเราเองก็ไปกันเถอะ!” เซียวอวี๋ตะโกนพลางบังคับมังกรน้อยพุ่งลงจากท้องฟ้า เพียงชั่วลมหายใจพวกเขาก็มาถึงพวกแมลงที่พยายามจะสร้างแนวต้านทานทัพพยัคฆ์ เมื่อมังกรน้อยบินทะลวงผ่านไป แมลงเหล่านี้ก็ถูกบดขยี้จนชิ้นส่วนกระจัดกระจาย
เวลานี้มังกรน้อยอยู่ในระดับสุดยอดของขั้นที่สี่ และอยุ่ห่างจากขั้นที่ห้าไม่ไกล ความแข็งแกร่งของมันย่อมสูงล้ำจนยากต้านทาน
หากว่าสามารถไปถึงขอบเขตขั้นที่ห้าได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของมังกรน้อยก็สามารถมีเปรียบเหนือขั้นที่หกของเผ่าพันธ์ุอื่นๆได้ทันที จะเป็นรองก็เพียงอ้าวปาและสามจ้าวมนตราทเท่านั้น และหากว่าไปถึงขั้นที่หกได้ มันก็จะกลายเป็นตัวตนไร้เทียมทานในทวีปนี้
ได้ติดตามเซียวอวี๋มานาน มังกรน้อยก็ได้รับการเลี้ยงดุด้วยของดีมากมาย เซียวอวี๋ไม่เคยตระหนี่ในการส่งเสริมมังกรน้อยอยู่แล้ว เขาไม่สนใจว่าจะต้องลงเงินมหาศาลเพียงใด เขาให้มังกรน้อยได้กินของดีที่สุดเสมอ
นี่จึงเป็นสาเหตุที่มังกรน้อยก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และนี่ยังเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเซียวอวี๋ใช้งานมังกรน้อยราวกับทาส กระนั้นมังกรน้อยก็ยังติดตามเซียวอวี๋อย่างไม่ลังเล
เซียวอวี๋เปรียบประดุจบิดาของมัน แม้ว่าเขาจะเข้มงวดกับมังกรน้อยไปบ้าง กระนั้นก็ล้วนแต่ทำไปด้วยความหวังดี
โฮกกกกกกกก
เมื่อได้เข้าร่วมสนามรบ มังกรน้อยก็คำรามอย่างตื่นเต้น บางครั้งมันยังเปล่งเสียงร้องเพลงที่เซียวอวี๋สอนให้อีกด้วย “รีบเร่งใช้ทอนฟา จงใช้ทอนฟาฟาดหวดโดยไว….”
กองทัพมนุษย์บุกทะลวงพวกเซิกราวกับผ่าปล้องไผ่ ภายใต้การคุ้มครองจากสามจ้าวมนตรา กำแพงแมลงที่พวกเซิกกอ่ตัวขึ้นก็ถูกบดขยี้ เมื่อเห็นท่าไม่ดี พวกเซิกก้เริ่มที่จะล่าถอยไปยังกำแพงสูงตระหง่านของอัลคีราฟ
“กำแพงเปลือกแมลง” เซียวอวี๋มองดูกำแพงสูงด้วยอารมณ์ กำแพงแห่งนี้สร้างขึ้นจากการเสียสละของสามจ้าวมังกรผู้ยิ่งใหญ่ อารีกอส เมอริธา และเคลธาส
และนับแต่นั้น เผ่าพันธุ์มังกรก็ตกต่ำลง
ตอนนี้กำแพงแห่งนี้ไม่อาจหยุดยั้งพวกเซิกไม่ให้ออกไปได้อีก ทั้งยังต้องพึ่งพาพลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในการต้านทานพวกเซิก เผ่าพันธุ์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป แต่เมื่อคราวคับขัน มนุษย์จะปกป้องทวีปแห่งนี้ด้วยชีวิต
กองทัพฝ่ายมนุษย์หยุดเท้าลงที่เบื้องหน้ากำแพงเปลือกแมลง ด้านหลังกำแพงนี้ก็คืออัลคีราฟซึ่งเป็นที่มั่นของพวกเซิก พวกเขาย่อมไม่อาจผลีผลามบุกเข้าไปมั่วซั่ว
ในเวลานี้เอง กองทัพพันธมิตรก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กองกำลังต่างๆเริ่มแยกตัวออกเพื่อเตรียมค้นหาสมบัติ สำหรับเรื่องนี้ เซียวอวี่ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด อย่างไรเสียเขาก็มีสามจ้าวมนตราร่วมทางไปด้วย กองทัพของเขาจะเป็นกำลังหลักที่จะบุกเข้าไป ซึ่งแน่นอนว่าผลประโยชน์ส่วนใหญ่ย่อมตกเป็นของเขา
“ทุกคนระวังให้ดี ข้าจะเข้าไปดูสถานการณ์ก่อน จากนั้นพวกเจ้าค่อยตามไป” เซียวอวี๋กล่าวกับทั้งหมด อย่างไรเสียเขาก็มีมังกรเป็นสัตว์พาหนะ การไปกลับย่อมสะดวกกว่าคนอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ เซียวอวี๋จึงขี่มังกรน้อยบินไปทางกำแพงเปลือกแมลงอย่างรวดเร็ว กำแพงแห่งนี้มีความสูงอย่างมาก ไม่ทราบว่าสูงกี่ร้อยเมตรกันแน่ เซียวอวี๋ต้องบังคับมังกรน้อยบินขึ้นสูงเพื่อที่จะข้ามกำแพงเข้าไป
แค่เพียงบินผ่านกำแพงเข้ามา เซียวอวี๋ก็มองเห็นพวกเซิกกำลังแบ่งออกเป็นระลอกแล้วระลอกเล่าเข้าซ่อนตัวตามสถานที่ต่างๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันเตรียมการซุ่มโจมตีกองทัพมนุษย์ที่กำลังจะเข้ามา
เห็นแบบนี้เซียวอวี๋ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะนักผจญภัยส่วนใหญ่ล้วนสามารถรับมือกับแมลงเล้กแมลงน้อยเหล่านี้ได้ หากวางแผนดีๆยังสามารถเป็นประโยชนืให้กับฝ่ายเขาอีกด้วย
ที่สร้างความลำบากที่สุดก็คงเป็นพวกแมลงระดับบัญชาการที่อยู่ด้านใน เซียวอวี๋เชื่อว่า ในเมื่อพวกมันฟื้นขึ้นมา เป็นได้อย่างมากว่าผู้นำสูงสุดของพวกมันคฑูนเองก็อาจฟื้นคืนชีพขึ้นมา มีเพียงแต่มันฟื้นคืนชีพเท่านั้น พวกเซิกจึงสามารถขยายพงศ์พันธุ์ได้
กระนั้นเจ้านี่ก็ยังไม่ใช่ปัญหา แม้ว่ามันจะเป็นเทพปีศาจจากยุคโบราณ แต่เมื่อสามจ้าวมนตราอยู่ที่นี่ เซียวอวี๋ก็วางใจได้เปราะหนึ่ง
กล่าวได้ว่าเทพปีศาจตนนี้ยังร้ายกาจกว่ากูดาลไม่รู้เท่าไร ซึ่งแน่นอนว่าที่แห่งนี้ยังอันตรายยิ่งกว่าวิหารดำเสียอีก
ขณะที่เซียวอวี๋กำลังจะกลับไปจัดเตรียมการบุกนั้นเอง ทันใดนั้นมังกรน้อยก็เกิดการสั่นอย่างรุนแรง เวลาเดียวกันนั้นก็มีพลังงานมหาศาลเอ่อล้นออกมาจากด้านในอัลคีราฟ พลังขุมนี้ได้ห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้จนไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว
“อา…ช่วยด้วย!” เซียวอวี๋พลันบังเกิดลางสังหรณ์อันเลวร้าย เขารีบตะโกนออกไปสุดเสียง
ได้ยินเสียงขอตะโกนขอความช่วยเหลือของเซียวอวี๋ จ้าวมนตราทั้งสามก็พบว่าผิดท่า พวกเขารีบบังคับคิเมร่าบินไปทางเซียวอวี๋ทันที
ทว่าพวกคิเมร่าไม่ได้รวดเร็วนัก อีกทั้งกำแพงเปลือกแมลงยังสูงยิ่ง การจะบินไปถึงที่นี่จึงเชื่องช้าอย่างมากในความคิดของจ้าวมนตราทั้งสาม
ยิ่งกว่านั้น เมื่อพวกเขาเข้าใกล้กำแพง พวกเขาก็พลันสัมผัสได้ถึงขุมอำนาจอันยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจนทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้าน……