ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
“พลังนี่มันอะไรกัน? ช่างแข็งแกร่งนัก!” จ้าวมนตราทั้งสามหันไปสบตากันอย่างแตกตื่น ในใจยิ่งเกิดความกังวลต่อความปลอดภัยของเซียวอวี๋ แบบนี้ไม่ดีแน่
จากความรู้สึกของพวกเขา พลังขุมนี้ได้สะกดข่มละอองเวทของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เวลานี้พวกเขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ใดๆได้เลย
“อึก หรือว่าทวีปแห่งนี้จะต้องล่มสลายจริงๆ? เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังขุมนี้ พวกเราไม่แม้แต่จะสามารถขัดขืนได้เลย” ธีโอดอร์กล่าวด้วยใบหน้าขาวซีด เขาคาดหวังกับเซียวอวี๋เอาไว้มากว่าเซียวอวี๋จะสามารถปกป้องทวีปแห่งนี้ได้ แต่ตอนนี้เซียวอวี๋กำลังตกอยู่ในอันตราย และพวกเขาไม่มีหนทางช่วยเหลือเซียวอวี๋ได้เลย
“อย่าได้สิ้นหวังไป แม้พลังขุมนี้จะแข็งแกร่งมากก็จริง กระนั้นข้ากลับสัมผัสไม่ได้ถึงจิตมุ่งร้าย มิเช่นนั้นยามเมื่อพลังนี้ปะทุออก ข้าเกรงว่ากระทั่งพวกเราก็คงตกตายไปแล้ว” ชัคคุนกล่าวปลอบ
คำกล่าวนี้นับว่าทำให้ธีโอดอร์คืนสติกลับมา เขาสงบใจพลางแผ่สัมผัสออก และเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน เขาชี้ไปยังกลิ่นอายที่ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าพลางกล่าวว่า “นี่…พลังนี้มัน….”
“ใช่ นี่เป็นพลังแห่งเผ่าพันธุ์มังกร! ทั้งยังเป็นมังกรบรรพกาล มีเพียงมังกรจากยุคบรรพกาลเท่านั้นที่สามารถมีพลังเช่นนี้ แม้ข้าจะเคยพบกับมังกรมามาก แต่ข้าไม่เคยพบเห็นพลังที่สะกดข่มทุกสิ่งเช่นนี้มาก่อน กระทั่งขั้นที่หกก็ยังไม่อาจแข็งขืนใดๆ พลังขุมนี้….ข้ารู้สึกว่ามันคือพลังของขั้นที่เจ็ดที่พวกเราต่างถวิลหา ลองเปิดรับสัมผัสให้ดี บางทีนี่อาจมีส่วนช่วยให้พวกเราบรรลุขอบเขตขั้นที่เจ็ดได้” ชัคคุนเงยหน้ามองกลิ่นอายบนท้องฟ้าก่อนจะหลับตาลง
ธีโอดอร์และเฟอร์กูสันพลันเข้าใจ พวกเขาค่อยๆหลับตาลงและเริ่มสัมผัสรับรู้พลังขุมนี้
เหล่าผู้ที่อยู่ด้านล่างต่างก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพบเห็นความผิดปกติก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว
มีเพียงกองทัพของเซียวอวี๋เท่านั้นที่จ้องมองไปยังกำแพงด้วยความกังวล ในเวลานี้เอง ทอร์ลก้ออกคำสั่งให้ล่าถอยก่อน มีสามจ้าวมนตรามุ่งหน้าไป หากกระทั่งพวกเขายังไม่มีหนทาง กองทัพที่อยู่ด้านล่างต่างก็ไม่อาจทำอะไรได้แล้ว
เมื่อเซียวอวี๋ไม่อยู่ ทอร์ลก็กลายเป็นผู้นำ นี่เป็นที่เซียวอวี๋ได้บอกไว้ก่อนแล้ว
โถวปาหงและนิโคลัสหันไปมองหน้ากันด้วยความกังวล โถวปาหงย่อมไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับเซียวอวี๋ อย่างไรเสียเซียวอวี๋ก็ดีกับเขามาก ทั้งระหว่างพวกเขายังไม่มีข้อบาดหมางอะไร
ส่วนนิโคลัสนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน หากเซียวอวี๋เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ มันอาจจะส่งผลดีต่อเขาเพราะศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดถูกกำจัดไป ทว่าในใจของเขาย่อมรู้สึกโหวงเหวงราวกับสูญเสียบางสิ่งไป
เรียกได้ว่าเป็นกระต่ายตายจิ้งจอกโศกเศร้า
ขณะที่ทั้งหมดกำลังพูดคุยถึงความเป็นไปได้ต่างๆนานา เงาร่างขนาดใหญ่สามร่างก็พลันปรากฏขึ้นเหนือกำแพงเปลือกแมลง
ไม่ช้าทุกคนก็ได้เห็นร่างทั้งสามอย่างชัดเจน นั่นเป็นมังกรยักษ์สามตัว!
การปรากฏตัวของมังกรทั้งสามอยู่เหนือความคาดคิดของทุกคนอย่างสิ้นเชิง ร่างของมังกรทั้งสามใหญ่โตนับพันเมตรราวกับจะบดบังไปทั้งท้องฟ้า
มังกรยักษ์ทั้งสามพลันบินลงมาจากบนกำแพง สายตาของพวกมันจับจ้องไปยังเซียวอวี๋และมังกรน้อย ดวงตาทั้งหกคู่ส่องประกายราวกับคบเพลิงขนาดใหญ่
เมื่อเห็นว่าที่ปรากฏออกมาเป็นมังกรยักษ์สามตัว เซียวอวี๋ก็โล่งใจ เขารู้ว่ามังกรทั้งสามไม่ได้มีจิตคิดร้าย ทั้งยังประสงค์ดี
ดูเหมือนนี่จะเป็นจิตวิญญาณที่มังกรทั้งสามได้หลงเหลือทิ้งไว้ที่กำแพงเปลือกแมลงนี้
“ผู้เยาว์เอย พวกเรารับรู้ถึงจิตใจอันเที่ยงธรรมและเหตุผลในการมาของเจ้าได้ พวกเราเองก็เคยเป็นผู้พิทักษ์ของทวีป เพื่อทวีปนี้แล้ว พวกเรายินยอมสละแม้ชีวิต อย่างไรก็ตามกาลเวลาไม่เคยปราณีใคร พวกเราไม่อาจปกป้องทวีปได้ตลอดไป ดีที่วันนี้พวกเราได้พบเห็นผู้สืบทอดปณิธานนี้ ได้เห็นถึงความจริงใจของเจ้า พวกเราจะส่งต่อมรดกพลังของพวกเราให้กับเจ้า หวังว่าเจ้าจะสามารถแบกรับหน้าที่ในการปกป้องทวีปนี้” มังกรยักษ์ตัวหนึ่งพึมพำ แม้จะเพียงพึมพำกับตนเอง กระนั้นเสียงของมันกลับถ่ายทอดออกไปไกลหลายไมล์
ตอนนี้ทั้งหมดก็พลันเข้าใจเรื่องราว มังกรทั้งสามนี้ถูกผนึกวิญญาณเอาไว้ที่นี่ และตอนนี้พวกมันกำลังจะถ่ายทอดพลังให้กับมังกรที่เป็นสัตว์ขี่ของเซียวอวี๋
ทุกคนต่างอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที สืบทอดมรดกพลังของมังกรจากบรรพกาลเชียวนะ! ครั้งนี้เจ้าวายร้ายนี่นับว่าได้รับลาภก้อนโตแล้ว
เมื่อร็อบที่อยู่ห่างออกไปได้เห็นฉากนี้ เขาก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น “รอก่อนเถอะเจ้าเซียวอวี๋ ข้าได้จับมือเป็นพันธมิตรกับกูดาลแล้ว รอให้ข้าพาพวกออร์คไปถล่มดินแดนไลอ้อนของเจ้าให้ราบคาบก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นข้าจะแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้า ผู้หญิงของเจ้าจะต้องมารับใช้ข้าทั้งวันทั้งคืน!”
ลีโอนาโดที่อยู่ห่างออกไปมุมหนึ่งก็รู้สึกคล้ายกัน เห็นฉากนี้เขาก็กำหมัดแน่น ตั้งแต่เล็กจนโต ตัวเขาไม่ว่าอยากได้อะไรต้องได้ เขาไม่เคยต้องรู้สึกอิจฉาผู้ใด มีเพียงแต่ผู้อื่นที่ต้องอิจฉาเขา ทว่าในเวลานี้ สตรีที่เขาชื่นชอบกลับไปอยู่ข้างกายเจ้าวายร้าย สมุนองค์รักษ์ที่คอยห้อมล้อมก็บรรลุขอบเขตขั้นที่หก และตอนนี้มังกรสัตว์เลี้ยงของเซียวอวี๋ก็กำลังจะได้สืบทอดมรดกมังกรอีก ไฉนสวรรค์จึงลำเลียงเช่นนี้!
ผู้คนที่เบื้องล่างต่างรู้สึกซับซ้อน เมื่อมังกรด้านบนกล่าวเช่นนี้ นี่แน่นอนว่าย่อมไม่ได้กล่าวเล่นๆ ทันใดนั้น มังกรยักษ์ทั้งสามพลันอ้าปาก จากนั้นใยแสงสามเส้นก็ลอยไปเชื่อมต่อกับมังกรน้อย
ตอนนี้มังกรน้อยกำลังสับสน หากแต่โลหิตมังกรภายในกายกำลังตื่นเต้นราวกับพบเจอญาตผู้ใหญ่ ดังนั้นตัวมันจึงนิ่งเฉยยอมรับของขวัญจากมังกรยักษ์ทั้งสาม นี่ก็คือมรดกพลังของเผ่าพันธุ์มังกรที่แข็งแกร่ง
ครืน…….
เนื่องเพราะพลังขุมนี้ทรงอำนาจเกินไป มิติโดยรอบจึงสั่นสะเทือนและเกิดรอยร้าวขึ้นเป็นจำนวนมาก กำแพงบางส่วนเริ่มปรากฏรอยแตกก่อนที่พริบตาต่อมาจะสลายหายไปราวกับตรงนั้นไม่เคยมีสิ่งใดอยู่
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวจนต้องถอยหลังไปไกล
ครืน…….
เมฆดำเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า ทั้งดันในั้นฝนก็พลันตกหนักราวกับฟ้ารั่ว ปรากฏการณ์นี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกมึนงง
ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ เงาร่างของมังกรยักษ์ทั้งสามค่อยๆขยายตัวราวกับจะปกคลุมไปทั้งโลก ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ได้เป็นประจักษ์พยานถึงความยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มังกร
ต่อหน้ามังกรบรรพกาลทั้งสาม มังกรน้อยก็ราวกับทารกที่กำลังถูกป้อนอาหาร
เหตุการณ์นี้ดำเนินไปราวครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นจู่ๆก็เกิดเสียงแตกร้าวดังขึ้นราวกับโลกใบนี้กำลังจะแตกสลาย กำแพงเปลือกแมลงที่ตั้งตระหง่านมาถึงเมื่อครู่พลันพังทลายลง มวลอากาศขนาดใหญ่พลันเข้ากดทับกองทัพพันธมิตรมนุษย์จนรู้สึกหายใจลำบาก
ยังดีที่พวกเขาล่าถอยไปไกลตั้งแต่แรก มิเช่นนั้นคงเกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนักแล้ว
ครืน…….
พายุฟ้าฝนที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งพลันค่อยเคลื่อนตัวไปไกลเงาของมังกรยักษ์ทั้งสามเองก็ยิ่งมายิ่งดูเลือนลางจนสุดท้ายแทบจะมองไม่เห็น จากนั้นเงาของทั้งสามก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสายหนึ่งส่องตรงไปยังร่างของมังกรน้อยจนมันคำรามออกมาเสียงดัง
เสียงคำรามครั้งนี้ราวกับค้อนขนาดใหญ่ที่ทุบฟาดอากาศโดยรอบ ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนกอยู่ในใจ พวกม้าศึกทั่วไปที่ได้ยินเสียงคำรามนี้ต่างก็ตัวสั่นเทิ่มก่อนจะล้มหงายไปบนพื้น ในแววตาของพวกมันฉายแววหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ในเวลานี้เอง ร่างของมังกรน้อยก็มีขนาดใหญ่โตกว่าเดิมหลายเท่า มันกางปีกก่อนจะทะยานขึ้นสู่ฟ้าประดุจพายุสีแดงลูกหนึ่ง ยามเมื่อมันบินอยู่เหนือศีรษะ ผู้คนที่เบื้องล่างต่างก็มีความรู้ศิโรราบปรากฏขึ้นในใจ
โฮก………
พร้อมกับเสียงคำราม ร่างมังกรแดงเพลิงที่ยาวกว่าร้อยเมตรก็บินไปทั่วฟ้า สายตาของมันกวาดมองผู้คนที่เบื้องล่าง ทุกคนที่ได้สบตากับมันต่างก็รู้สึกราวกับถูกกระชากวิญญาณออกจากร่าง
ความยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มังกร ความรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์มังกร ทั้งสองสิ่งนี้พลันประทับลงไปในจิตใจของทุกคนที่ได้มอง
เซียวอวี๋ที่อยู่บนหลังของมังกรน้อยตอนนี้เองก็สวมใส่ชุดเกราะเซ็ตเทียร์ห้า ในมือถือขวานพรากวิญญาณ ภาพที่ปรากฏตอนนี้นับว่าสง่างามตราตรึงนัก
ร่างของเขาราวกับมีพลังบางอย่างแผ่ออกมาจนผู้คนรู้สึกสะท้าน
“ขั้นที่หก เขาบรรลุขั้นที่หกแล้ว” นิโคลัสพึมพำอย่างเหม่อลอย
ยามที่มังกรบรรพกาลทั้งสามถ่ายทอดพลังให้กับมังกรน้อย เซึยวอวี๋ที่นั่งอยู่บนหลังของมังกรน้อยเองก็พลอยรับอานิสงค์นี้ไปด้วย
แม้ว่าจะเป็นพลังส่วนเล็กๆ กระนั้นพลังกลุ่มนี้ก็สามารถผลักดันเซียวอวี๋ไปถึงขั้นที่หกได้ในคราวเดียว
เวลานี้ ภาพนักรบในชุดเกราะสง่างามขั้นที่หกกำลังขี่หลังมังกรยักษ์ก็ได้กระตุ้นให้ทุกคนนึกถึงคำพยากรณ์ขึ้นมา ผู้กอบกู้จะปรากฏกายพร้อมมังกรและปัดเป่าหายนะให้สลายไป
เซียวอวี๋ยามนี้ดูสูงส่งประดุจเทพที่จุติลงมาจากฟ้า
“ในนามของเผ่าพันธุ์มังกรและมนุษย์ทั้งหมด ติดตามข้าบุกเข้าอัลคีราฟเพื่อปกป้องทวีปของพวกเรา!” เซียวอวี๋ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง เสียงตะโกนนี้ได้ปลุกกระตุ้นให้ทุกคนร้องตะโกนตาม
เซียวอวี๋กระตุ้นมังกรน้อยบินตรงเข้าอัลคีราฟ ขณะที่กองทัพทางด้านหลังก็วิ่งตามราวกับคลื่นน้ำไหลบ่าเข้าสู่อัลคีราฟ……