บทที่ 1138 ตระกูลหลงยื่นมือเข้ามายุ่ง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ในเวลานั้นเอง..เหล่ากุ่ยได้รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ผู้นำตระกูล.. ท่านยังไม่รู้อะไร หลังจากที่ตระกูลซันกับตระกูลเฉินประกาศต่อสาธารณชนว่าสองตระกูลเป็นพันธมิตรกันแล้วนั้น พวกมันก็ได้แอบนัดหมายกันว่า จะลงมือกับตระกูลหลิงพร้อมกัน!”
  “เวลานี้..สถานการณ์ทั่วทั้งปักกิ่งล้วนไม่เป็นประโยชน์ต่อตระกูลหลิงเลยแม้แต่น้อย!”
  หลิงหยุนนั่งฟังด้วยท่าทีสงบนิ่งและดูเหมือนว่าความสงบภายในของหลิงหยุนนั้นได้ส่งผลไปถึงหลิงลี่ด้วย หลังจากที่หลิงลี่ได้ระบายความโกรธออกมาเมื่อครู่ เขาก็ค่อยๆกลับเข้าสู่ความสงบนิ่งเช่นเดียวกับหลิงหยุน
  หลิงลี่ครุ่นคิดอยู่นานแต่จู่ๆ ก็ตัดสินใจพูดออกไปว่า “หลิงหยุน.. ปู่รู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นการประลองเพื่อนำตระกูลหลิงให้กลับมาผงาดขึ้นมาได้อีกครั้ง!”
  “หลายวันมานี้..ปู่รู้ว่าเจ้าไดเ้ตรียมการสำหรับการประลองครั้งนี้จนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่..”
  “แต่ดูเหมือนเวลานี้ทุกอย่างจะไร้ประโยชน์แล้ว..”
  ทันทีที่หลิงหยุนได้ยินคำพูดประโยคนี้ของหลิงลี่เขาก็ถึงกับใจสั่น และสังเกตเห็นว่าร่างของหลิงลี่เองก็สั่นสะท้านเช่นกัน และในดวงตานั้นก็ปรากกฏความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาได้..
  จากนั้นหลิงหลี่ก็ได้เอื้อมมือที่สั่นเทาของตนเองออกไปหยิบจดหมายฉบับหนึ่งบนโต๊ะยื่นให้กับหลิงหยุนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ..
  “ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว..”
  “เพราะตระกูลหลงได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้..”
  หลิงหยุนนึกเย้ยหยันอยู่ในใจพร้อมกับเปิดจดหมายในมือออกอ่านและในกระดาษสีขาวแผ่นบางนั้น ก็มีตัวอักษรอยู่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น..
  –ขอแนะนำตระกูลหลิง..ความสงบมีราคาแพงยิ่งนัก!-
  –ลงชื่อ..หลงฮ่าวหลาน– พร้อมตราประทับรูปมังกรและหงส์ร่ายรำ..
  หากฟังดูเผินๆอาจจะคล้ายกับว่าเป็นคำแนะนำธรรมดาๆ แต่ในสายตาของหลิงหยุนแล้ว ตัวอักษรเพียงไม่กี่คำบนกระดาษแผ่นนี้ นัยยะแท้จริงแล้วมันคือคำสั่งที่แฝงมาด้วยความยะโสโอหัง!
  หลิงหยุนได้อ่านข้อความแล้วถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับเอ่ยถามหลิงลี่ “ท่านปู่.. หลงฮ่าวหลานคือใคร เหตุใดจึงได้ยะโสโอหังเช่นนี้?”
  แต่หลิงลี่กลับนิ่งเงียบ..
  เหล่ากุ่ยที่ยืนฟังด้วยความนิ่งเงียบอยู่นานถึงกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลออกจากหน้าผาก พร้อมกับกระซิบเสียงเบาว่า
  “หลงฮ่าวหลานคือผู้นำตระกูลหลง!”   “ผู้นำตระกูลหลงงั้นรึ!น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว..”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ในเมื่อหลงฮ่าวหลานเป็นผู้นำตระกูลหลง ข้าเองก็เป็นผู้นำตระกูลหลิง ทั้งข้าและเขาต่างก็เป็นผู้นำตระกูลทั้งคู่ เหตุใดจึงต้องยะโสโอหังกับข้าเช่นนี้”
  เวลานี้หลิงหยุนรู้สึกโมโหหงุดหงิดอย่างมากนั่นเพราะจากสีหน้าของหลิงลี่ และท่าทางของเหล่ากุ่ยนั้น บ่งบอกว่าทั้งคู่กำลังถูกผู้นำตระกูลหลงผู้นี้สร้างความกดดันให้มากเพียงใด!
  และเป็นความกดดันที่ไม่สามารถหาทางออกได้อีกด้วย!
  หลายวันมานี้..หลิงหยุนได้เตรียมการมากมายสำหรับการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้น และเขาหวังที่จะนำพาตระกูลหลิงให้กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงทุกคน แต่ทุกอย่างกลับต้องมาพังทลายลง เพียงเพราะตัวอักษรไม่กี่คำของหลงฮ่าวหลานงั้นหรือ
  หลิงหยุนครุ่นคิดเรื่องนี้แล้วก็ยิ่งโมโหและเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล และหากเขาจัดการกับเรื่องนี้ไม่ระมัดระวัง ตระกูลหลิงอาจต้องพบเจอปัญหาใหญ่ได้!
  หลิงหยุนกำจดหมายในมือแน่นและหันไปถามเหล่ากุ่ยว่า “เหล่ากุ่ย.. ใครเป็นคนนำจดหมายฉบับนี้มาส่งให้ตระกูลหลิง”
  เหล่ากุ่ยเห็นสีหน้าหลิงหยุนเวลานี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังโมโหอย่างมากจึงรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
  “ตอบท่านผู้นำตระกูล..เป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงฮ่าวหลาน ชื่อว่าหลงฮ่าวเฉียง เขาเป็นยอดฝีมือที่อีกครึ่งระดับก็จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 แล้ว!”
  “หึ..”
  หลิงหยุนคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ให้ยอดฝีมือที่ยังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 เป็นผู้นำมาส่งสาส์นให้กับข้า เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลงไม่ได้เห็นตระกูลหลิงอยู่ในสายตาเลย สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือหักขาของหลงฮ่าวหลานทิ้งทั้งสองข้าง!”
  “เอิ่ม..”
  เหล่ากุ่ยได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนแล้วถึงกับเหงื่อตกและได้แต่แอบคิดในใจว่า.. ขาของคนตระกูลหลงใช่ว่าคิดอยากจะหัก ก็สามารถหักได้ง่ายๆที่ใหนกัน!
  “หลิงหยุน..เจ้าใจเย็นๆก่อน!”
  ในเวลานั้นเอง..หลิงลี่ที่นั่งฟังโดยไม่พูดอะไรมาตลอด ก็ได้หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับถอนหายใจออกมา และพูดขึ้นว่า
  “หลิงหยุน..ที่ผ่านมาตระกูลหลงก็นับว่าดีกับตระกูลหลิงไม่น้อย! อีกทั้งตระกูลหลงยังเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ในเมื่อเวลานี้ตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูลจะประลองกันเช่นนี้ ตระกูลหลงคงไม่สามารถนิ่งดูดายได้ จึงเป็นธรรมดาที่ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว!”
  “แล้วในจดหมายก็ไม่ได้เป็นการสั่งว่าตระกูลหลิงจะต้องทำเช่นนั้นแต่เป็นเพียงแค่การแนะนำเท่านั้น!”
  หลิงลี่พยายามอธิบายเพื่อให้หลิงหยุนรู้สึกดีขึ้นและจิตใจเย็นลงเท่านั้นเอง..
  แต่มีหรือที่หลิงหยุนซึ่งกำลังโมโหจะยอมฟังเขายังคงต่อล้อต่อเถียงกับหลิงลี่ “ท่านปู่.. ตระกูลหลงดีต่อตระกูลหลิง เรื่องนั้นพวกเราตระกูลหลิงย่อมซาบซึ้งใจ! แต่การที่ตระกูลหลงจงใจส่งจดหมายฉบับนี้มาให้ เห็นได้ชัดว่าจงใจข่มเหงคนตระกูลหลิง!”
  “หากตระกูลหลงต้องการที่จะให้เกิดความสงบอย่างที่ปากว่าจริงๆก็ควรจะเรียกตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูลมาพูดคุยเจรจาพร้อมหน้ากัน และหว่านล้อมด้วยเหตุผลอย่างเท่าเทียมกัน เหตุใดจึงต้องส่งจดหมายเช่นนี้ให้กับตระกูลหลิงเพียงแค่ตระกูลเดียวด้วย”
  “และตัวอักษรในจดหมายของหลงฮ่าวหลานที่ขัดหูขัดตาข้ามากที่สุดก็คือคำว่า‘มีราคาแพง’ มันมีความหมายเช่นใดงั้นรึ”
  หลิงหยุนพูดออกมาตามตรงอย่างที่ตนเองรู้สึก..
  เหล่ากุ่ยได้ฟังคำโต้แย้งของหลิงหยุนแล้วก็ไม่รู้จะทำเช่นใดจึงได้แต่ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่ออีกครั้ง และได้แต่คิดในใจว่าดูจากอารมณ์ของหลิงหยุนเวลานี้ หากเขาอยู่ในวันที่หลงฮ่าวหลานมาส่งจดหมายฉบับนี้ คงต้องสั่งให้หักขาหลงฮ่าวเฉียงทิ้งอย่างแน่นอน..
  หลิงหยุนจึงถามขึ้นอีกครั้งว่า“ท่านปู่.. หลงฮ่าวเฉียงพูดอะไรบ้างในวันที่มา”
  หลิงลี่รู้ว่าการกระทำของผู้นำตระกูลหลงนั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับหลิงหยุนเป็นอย่างมากหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงบอกกับหลิงหยุนไปว่า
  “หลงฮ่าวเฉียงไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่บอกว่าอยากพบเจ้า แต่ข้าห้ามไว้โดยใช้ข้ออ้างว่าเจ้ากำลังเก็บตัวฝึกวิชอยู่!”
  “แต่ก่อนที่หลงฮ่าวเฉียงจะกลับไปเขาได้บอกว่า.. ตระกูลหลงให้เวลาตระกูลหลิงคิดอย่างรอบคอบหนึ่งคืน และในวันพรุ่งนี้จะต้องให้คำตอบ!”   หลิงหยุนได้ยินจึงร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ดี! ในเมื่อตระกูลหลงอยากยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก ข้าย่อมมีคำตอบให้พวกเขาแล้ว!”
  พูดจบ..หลิงหยุนก็แสยะยิ้มออกมา และพับจดหมายฉบับนั้นเก็บเข้าไปในซองดังเดิม แล้วเรียกเก็บเข้าไปในแหวนจักรวาล..
  จดหมายฉบับนี้ไม่สามารถฉีกทิ้งได้แล้วเพราะหากจะฉีก ต้องฉีกต่อหน้าคนตระกูลหลงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่หายแค้นใจ!
  หลิงหยุนหันไปมองหลิงลี่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“ท่านปู่.. นับจากนี้ไป เรื่องระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลหลง หลานจะเป็นคนจัดการเอง ท่านปู่ไม่ต้องกังวลใจไป!”
  หลิงหยุนพูดเช่นนั้นไม่ใช่เพราะความจองหองอวดดีและไม่ใช่เพราะไม่เคารพอาวุโสเช่นหลิงลี่ แต่หลิงหยุนได้ตัดสินใจแล้ว!   นั่นเพราะหลังจากที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบและทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หลิงหยุนจึงรู้ว่านอกจากหลิงหยุนแล้ว สมาชิกคนอื่นๆในตระกูลหลิง ตั้งแต่รุ่นอาวุโสไปจนถึงทายาทรุ่นเล็ก ล้วนแต่มีบุญคุณของตระกูลหลงค้ำคออยู่ทั้งสิ้น ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็เกรงใจตระกูลหลงไปจนถึงขั้นเกรงกลัวเลยทีเดียว และในเมื่อผู้นำตระกูลหลงเป็นผู้ส่งสาส์นมาโดยตรงเช่นนี้ มีหรือที่คนตระกูลหลิงจะกล้าปฏิเสธ..
  ความอึดอัดขัดข้องและสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ หลิงหยุนย่อมเข้าใจได้ดี!
  นับตั้งแต่ที่ตระกูลหลิงประสบกับหายนะครั้งใหญ่เมื่อสิบแปดปีก่อนและยอดฝีมือถูกสังหารตายไปอย่างมากมายนั้น ตระกูลหลิงก็ไม่เหลือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอีกเลย ทำให้ฐานะค่อยๆตกต่ำลงมาเรื่อยๆ
  ด้วยเหตุนี้..เมื่อตระกูลหลงยื่นมือเข้ามาช่วย คนตระกูลหลิงจึงรู้สึกซาบซึ้งใจ และรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณจนเกิดความเกรงใจตระกูลหลงจนถึงขั้นเกรงกลัวไปโดยปริยาย..
  เพราะแม้ว่าตระกูลหลิงจะยังคงเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่แต่ก็ต้องอาศัยตระกูลหลงเพื่อความอยู่รอด และหากจะเรียกให้ฟังดูดีก็คือพันธมิตร แต่หากจะพูดตามความจริงตระกูลหลิงก็คือทาสรับใช้ตระกูลหลงดีๆนั่นเอง!
  และจากที่หลิงหยุนได้เห็นท่าทีของเหล่ากุ่ยและหลิงลี่ เขาจึงได้แต่คิดว่าต่อหน้าคนตระกูลหลง คนตระกูลหลิงคงไม่ต่างจากบ่าวรับใช้!
  ไม่เช่นนั้น..ในจดหมายของหลงฮ่าวหลานคงจะไม่มีตัวอักษรเพียงไม่กี่คำเช่นนั้นแน่!
  ‘เจ้าสูงส่งมากงั้นรึข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าจะผยองมากเพียงใด?’
  ในสถานการณ์ที่ตระกูลหลิงกำลังตกอยู่ในความยากลำบากเช่นนี้แต่ตระกูลหลงกลับเข้าข้าตระกูลเฉินกับตระกูลซันที่ประกาศเป็นพันธมิตรกัน..   นี่คงเป็นเพราะว่าเวลานี้ตระกูลหลิงมีหลิงหยุนอยู่ด้วยและแน่นอนว่าหากไม่มีหลิงหยุน.. หลงฮ่าวหลานคงจะไม่เสียเวลาเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยซ้ำไป คงจะเพียงแค่ส่งคนมาพูดจาไม่กี่คำ และทันทีที่ผู้นำตระกูลหลงมีคำสั่งมาเช่นนั้น ตระกูลหลิงคงต้องรีบทำตามโดยไม่กล้าขัดขืนอย่างแน่นอน!
  สิ่งที่หลงฮ่าวหลานทำนั้น..เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เห็นตระกูลหลิงอยู่ในสายตามาเนิ่นนานแล้ว อีกทั้งไม่เคยเห็นความสำคัญของตระกูลหลิงอีกด้วย!
  แต่ครั้งนี้..นับว่าหลงฮ่าวหลานทำผิดพลาดไปอย่างมาก นั่นเพราะหลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น.. เวลานี้เขายังเป็นผู้นำตระกูลหลิงอีกด้วย!
  คนอื่นๆในตระกูลหลิงอาจจะเกรงใจและหวาดกลัวตระกูลหลง.. แต่ไม่ใช่หลิงหยุน!
  และหากคนอย่างหลิงหยุนตัดสินใจที่ทำอะไรแล้วมีใครที่จะสามารถบังคับ และบงการเขาได้อีกอย่างนั้นหรือ  จะให้หลิงหยุนเชื่อฟังคำสั่งของหลงฮ่าวหลานนั้นคงต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกเสียก่อน!
  หลิงหยุนไม่เพียงจะไม่ฟังคำสั่งของตระกูลหลงแต่ยังจะทลายกรงขังจิตใจที่ตระกูลหลงใช้ครอบงำคนตระกูลหลิงมานานด้วย หลิงหยุนจะปลดปล่อยคนตระกูลหลิงออกจากคำว่าบุญคุณที่ตระกูลหลงใช้กดหัวคนตระกูลหลิงไว้ใต้ฝ่าเท้ามานานหลายปี!
  หากหลิงหยุนไม่ทำเช่นนั้น..ต่อให้ครั้งนี้ตระกูลหลิงสามารถเอาชนะการประลองได้ คนตระกูลหลิงก็ยังคงต้องตกเป็นทาสของตระกูลหลงต่อไป หนำซ้ำยังเป็นทาสที่แข็งแกร่งมากเสียด้วย..
  หากหลิงหยุนไม่ทำลายกรงที่ครอบงำจิตใจคนตระกูลหลิงออกไป..ตระกูลหลิงจะสามารถกลับขึ้นมาผงาดได้อย่างไรกันเล่า
  ด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจึงต้องตัดสินใจบอกกับหลิงลี่ไปเช่นนั้น และไม่ให้หลิงลี่เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้อีก!   หลังจากที่หลิงลี่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุน..เขาก็ถึงกับอึ้งไปทันที และมีท่าทางอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า..
  “ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็แล้วแต่เจ้าจะจัดการ..”
  หลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้น..ดูเหมือนว่าภาระอันหนักอึ้งที่หลิงลี่แบกอยู่บนบ่านั้นได้ถูกปลดเปลื้อง และเขาก็รู้สึกเบากายเบาใจขึ้นมาทันที!
  “หลิงหยุน..ปู่คงแก่มากแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรนัก! ต่อไปตระกูลหลิงคงต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว!”
  หลังจากได้ยินคำพูดที่ท้อแท้ใจของหลิงลี่หลิงหยุนถึงกับแอบถอนหายใจ และได้แต่แอบคิดว่าตระกูลหลงได้สร้างความกดดันให้กับคนตระกูลหลิงมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ แรงกดดันนี้ไม่เพียงบดขยี้เฉพาะหลิงลี่ แต่ยังบดขยี้คนตระกูลหลิงทั้งหมดด้วย..
  “ท่านปู่..อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย!”   หลิงหยุนเดินไปจับมือหลิงลี่ไว้และได้ถ่ายเทพลังปราณของตนลงไปในร่างของหลิงลี่ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ท่านปู่เป็นคนตรงไปตรงมาไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมผู้นำตระกูลหลงจับจุดนี้ของท่านปู่ได้ และได้ใช้จุดอ่อนนี้ควบคุมตระกูลหลิงของเราต่างหากเล่า..” ไอลีนโนเวล
  “แต่ข้า..”
  “การตอบแทนบุญคุณ..ไม่จำเป็นต้องตอบแทนด้วยวิธีนี้!”
  หลิงหยุนชิงประกาศกร้าวต่ออย่างทรนงทันที“รอให้ตระกูลหลิงผงาดขึ้นมาได้ ถึงตอนนั้นค่อยพูดเรื่องตอบแทนบุญคุณกับตระกูลหลงก็ยังไม่สายเกินไป!”
  “…”
  “…”
  หลังจากหลิงหยุนพูดจบ..ทั้งเหล่ากุ่ยและหลิงลี่ต่างก็นิ่งอึ้งไปทันที!
  หลิงหยุนเห็นทั้งคู่อยู่ในอาการตกตะลึงจึงหัวเราะออกมาและพูดขึ้นว่า “ท่านปู่.. ข้ามีเรื่องตลกจะเล่าให้ท่านฟัง!”
  “เมื่อครั้งที่อยู่จิงฉู..วันหนึ่งที่ตี้เสี่ยวอู๋ขับรถพาข้าไปจัดการธุระบางอย่าง ระหว่างที่เขาจอดรถรอข้าอยู่ในที่ห้ามจอดนั้น ตำรวจราจรก็เข้ามาไล่..”
  หลิงหยุนเหลือบมองเหล่ากุ่ยกับหลิงลี่พร้อมกับถามขึ้นว่า“พวกท่านลองทายดูว่าตี้เสี่ยวอู๋ทำเช่นไร”
  หลิงลี่กับเหล่ากุ่ยได้แต่ส่ายหน้าและถามออกไปพร้อมกัน “เขาทำเช่นใดงั้นรึ”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“เพราะข้านั้นยังไม่เสร็จธุระ.. ตี้เสี่ยวอู๋จึงยังไม่สามารถขับรถออกไปได้ เขาจึงจอดรถอยู่เช่นนั้นไม่ยอมไปใหน และบอกให้ตำรวจจราจรเขียนใบสั่งแทน และกว่าข้าจะเสร็จธุระ เขาก็ได้ใบสั่งมาเป็นกำ..”
  หลิงลี่หัวเราะพร้อมกับถามออกไปว่า“ทำเช่นนั้นไม่โง่ไปหน่อยรึ”   หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า“ถูกต้อง.. แต่เรื่องราวในครั้งนั้นแฝงความจริงบางอย่างไว้..”
  “มนุษย์เราล้วนทำผิดพลาดกันได้และไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด การถูกทำโทษก็ไม่ใช่ปัญหา หากเราสามารถเรียนรู้ และยอมรับมัน เราก็สามารถอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุข..”
  หลิงลี่ได้ฟังคำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนแววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที!
  “ท่านปู่..ตระกูลหลิงของเราอาจจะเป็นหนี้บุญคุณตระกูลหลง แต่พวกเขาก็ไม่ควรยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อเอาเปรียบตระกูลหลิงของเรา..”
  “สำหรับข้าแล้ว..หากตระกูลหลงจะอ้างเรื่องบุญคุณมารังแกตระกูลหลิง หรือใช้เรื่องนี้บีบให้เราต้องยอมฟังคำสั่งของพวกเขา อย่าได้หวังว่าจะเป็นไปได้เลย!”
  “บุญคุณและน้ำใจของตระกูลหลิง แน่นอนว่าตระกูลหลิงย่อมต้องตอบแทน แต่ต้องเป็นการตอบแทนที่สมเหตุสมผล และด้วยความเต็มใจ!”
  “หากตระกูลหลงเข้ามาพูดจากันด้วยดีมีหรือที่ข้าจะไม่ให้ความเคารพนับถือ แต่หากจะมาออกคำสั่ง หรือรังแกตระกูลหลิงเช่นนี้ ข้าย่อมต้องทำให้ตระกูลหลงพ่ายแพ้เสียก่อน จึงค่อยพูดคุยเรื่องการตอบแทนหลังจากนั้น..”
  “หากตระกูลหลงแสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการจะช่วยเหลือตระกูลหลิงด้วยน้ำใสใจจริงข้าเองก็จะยอมยกทุกอย่างให้ตามที่ตระกูลหลงต้องการ ต่อให้ตระกูลหลงอยากได้มังกรจริงๆ ข้าก็จะไปหามาให้!”
  “สิ่งที่ตระกูลหลงทำอยู่จึงเรียกว่าปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ..ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงต้องกำราบตระกูลหลงก่อน แล้งจึงค่อยพูดเรื่องบุญคุณ!”
  และนี่คือตรรกะและเหตุผลของหลิงหยุน!
  ‘หากคิดจะข่มเหงข้า..เจ้าไม่มีทางสมหวังแน่!’   ก่อนหน้านี้หลิงหยุนก็ไม่พอใจอยู่แล้วที่ผู้นำตระกูลหลงส่งคนมาจับตัวหลงคุนกับหลงหวู่ไป และเมื่อได้อ่านจดหมายของหลงฮ่าวหลาน ก็ยิ่งทำให้หลิงหยุนเดือนดาลมากยิ่งขึ้น!
  นอกเหนือจากบุญคุณของตระกูลหลงสิ่งที่ทำให้คนตระกูลหลิงต้องสยบให้พวกเขาก็คือ.. ความแข็งแกร่ง!
  กรณีนี้ก็ไม่ต่างจากคนงานเงินเดือนน้อยนิดแต่พลาดพลั้งไปเป็นหนี้มหาเศรษฐีถึงหนึ่งล้านหยวน คนงานคนนั้นคงต้องก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเงินจ่ายหนี้คืนมหาเศรษฐีอย่างช้าๆ และหากอยู่ต่อหน้ามหาเศรษฐี คนงานผู้นี้คงรู้สึกต่ำต้อยยิ่งนัก เศรษฐีจะเรียกใช้งานอะไรก็คงไม่กล้าปฏิเสธ..
  ตรงข้าม..หากลูกหนี้เป็นมหาเศรษฐีด้วยกัน ฝ่ายมหาเศรษฐีที่เป็นเจ้าหนี้ จะกล้าเรียกใช้มหาเศรษฐีซึ่งเป็นลูกหนี้ดังเช่นคนงานต่ำต้อยหรือไม่
  เช่นเดียวกัน..หากตระกูลหลิงแข็งแกร่งเทียบเท่ากับตระกูลหลง ผู้นำตระกูล – หลงฮ่าวหลานจะกล้าเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาอย่างนั้นหรือ