มู่หรงฉีรีบออกคำสั่งให้กองทัพยวี่หลิน องครักษ์ประจำประตูจิ่วเหมิน เจ้าหน้าที่กรมกลาโหมในเมืองหลวง และสี่สกุลใหญ่ในเมืองเย่หลิน ออกตามหาอวิ๋นจิ่น ทั้งยังติดประกาศตามหาอวิ๋นจิ่นไปทั่วแคว้น
กระทั่งมู่หรงฉีและจงรุ่ยอันยังนำคนเข้าไปในดินแดนต้องห้ามสกุลจงด้วยตนเอง
ตลอดทั้งคืน ไม่มีผู้ใดได้หลับได้นอน
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อลวี่หลีและแม่นมฮวาตื่นนอน พวกนางก็ตกใจอย่างมาก
เวลาเพียงหนึ่งคืน เยี่ยโยวเหยาดูแก่ขึ้นมาก หนวดเครายาวที่ใต้คาง แววตาและใบหน้าปรากฏความเคร่งขรึมจนน่าหวาดกลัว ดวงตาดำขลับราวกับน้ำนิ่งในสระ ทั้งยังไม่มีความโกรธเคืองแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาที่เป็นเช่นนี้ แม่นมฮวาตกตะลึงอยู่นานโดยไม่รู้สึกตัว
ผ่านไปครู่หนึ่ง แม่นมฮวาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อวิ่งออกไปไกลพอสมควรแล้วจึงหยุดฝีเท้า นางกุมมือไว้ที่หน้าอกและคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นก็ร้องไห้อย่างควบคุมตนเองไม่ได้
“พระชายา พระองค์ทนได้อย่างไร? ช่างไร้หัวใจยิ่งนักที่ปล่อยท่านอ๋องไว้เพียงผู้เดียว พระองค์ปล่อยให้ท่านอ๋องโศกเศร้าเพื่อพระองค์ได้อย่างไร? พระชายา พระองค์ทนได้อย่างไร! ”
นางปรนนิบัติอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยามาทั้งชีวิต ไม่เคยเห็นเยี่ยโยวเหยาเสียใจและสิ้นหวังให้กับเรื่องใดมาก่อน
แม้ในใจของนางจะเห็นเยี่ยโยวเหยาเป็นดั่งบุตรของตน ทว่าก็เหมือนกับผู้อื่น ในสายตาของนาง เยี่ยโยวเหยาเป็นเทพสงครามผู้สูงศักดิ์ มีความสามารถรอบด้าน เมื่อครู่ นางราวกับเห็นเยี่ยโยวเหยาตกลงมาจากแท่นบูชาเทพเจ้า
นางมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างมาก หากพระชายามีอันเป็นไป หากพระองค์จากไปจริงๆ ในอาณาจักรเทียนเหอนี้ คงไม่มีเยี่ยโยวเหยาอีกต่อไป
ทันใดนั้น เสียงของซูอวี้ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ท่านอ๋อง พระองค์ไปไม่ได้! ท่านอ๋องโปรดพระทัยเย็นหน่อยเถิด! ”
“ถอยไป! ”
“ท่านอ๋อง ตอนนี้พี่จิ่นซีต้องการพระองค์มากที่สุด ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง! ”
“ท่านอ๋อง! ”
แม่นมฮวารีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะหันมามองการเปลี่ยนแปลงของเยี่ยโยวเหยาและซูอวี้ ซูอวี้คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยา ดัง ‘ตุบ’ ขวางทางเยี่ยโยวเหยาไว้
เยี่ยโยวเหยาถีบหน้าอกของซูอวี้อย่างแรง
นี่มันเกิดอันใดขึ้น?
แม้ผู้นำอวี้จะยังเด็ก ทว่าเขาสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด ทั้งยังทำงานด้วยความเหมาะสม เหตุใดท่านอ๋องจึงโกรธอย่างรุนแรงเช่นนี้
แล้วท่านอ๋อง พระองค์จะทำอันใด? เหตุใดจึงจากไปในเวลานี้?
ซูอวี้ถูกเยี่ยโยวเหยาเตะอย่างแรง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปยามที่ล้มลงบนพื้น ทว่าเขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และยืนขวางทางเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง
“ท่านอ๋องโปรดสงบสติอารมณ์ ที่พี่จิ่นซีเป็นเช่นนี้ อาจไม่เกี่ยวข้องกับแคว้นเป่ยอี้ ต้องรอพบหมอหลวงอวิ๋นก่อนจึงจะทราบได้ นอกจากนั้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะโจมตีแคว้นเป่ยอี้! ท่านอ๋อง! ”
ท่านอ๋องจะไปโจมตีแคว้นเป่ยอี้?
แม่นมฮวาพลันตื่นตระหนก นางรีบวิ่งเข้าไปด้วยใบหน้าขาวซีด และคุกเข่าลงข้างกายซูอวี้
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาโจมตีแคว้นเป่ยอี้ ยามที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์ชีพ ฝ่าบาททรงรับสั่งไว้หลายครั้งว่า ก่อนที่วิชายุทธจิ่วเซียวของท่านอ๋องจะถึงระดับสิบ ท่านอ๋องห้ามยกกำลังพลโจมตีแคว้นเป่ยอี้ หรือว่าท่านอ๋องทรงลืมไปจนหมดสิ้นแล้ว? ”
โจมตีแคว้นเป่ยอี้หรือ?
แคว้นเป่ยอี้เป็นราชวงศ์เช่นไร? สกุลเป่ยถังเป็นคนเผ่าใด? หกโจมตีแคว้นเป่ยอี้ในเวลานี้ ก็เหมือนกับเอามนุษย์ธรรมดาไปต่อสู้กับสวรรค์
ท่านอ๋องเป็นบ้าไปแล้วหรือ?
“ถอยไป! ”
อย่างไรเสีย แม่นมฮวาก็เป็นคนชราผู้หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาไม่อาจเตะแม่นมฮวาได้ เขาทำได้เพียงเดินอ้อมแม่นมฮวาไป
แม่นมฮวาวิ่งไปกอดขาของเยี่ยโยวเหยา “หากท่านอ๋องจะยกทัพโจมตีแคว้นเป่ยอี้ ก็ข้ามศพของบ่าวไปก่อนเถิดเพคะ! ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วแน่น
“ถอยไป เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือกับเจ้าหรือ? ”
แม่นมฮวาเงยหน้ามองเยี่ยโยวเหยาอย่างแน่วแน่ “บ่าวปรนนิบัติข้างกายท่านอ๋องมานานหลายปี ทว่าไม่เคยใช้ความอาวุโสยกตนเหนือผู้ใดมาก่อน วันนี้ บ่าวขอบังอาจสักครั้ง ครานั้น พระชายาเซียงเฟยมอบท่านอ๋องไว้ในมือของบ่าวด้วยพระองค์เอง ทั้งยังสั่งเสียบ่าวให้ดูแลท่านอ๋องอย่างดี แม้บ่าวและท่านอ๋องจะมีฐานะต่างกัน ทว่าหลายปีมานี้ บ่าวดูแลท่านอ๋องราวกับบุตรแท้ๆ ไม่ว่าอย่างไร วันนี้บ่าวจะไม่ปล่อยให้ท่านอ๋องออกไปจากสกุลจงเด็ดขาด นอกจากว่าท่านอ๋องจะสังหารบ่าว และก้าวข้ามศพของบ่าวไป! ”
แววตาของเยี่ยโยวเหยามืดมนอย่างมาก
แม่นมฮวาจ้องดวงตาดำขลับของเยี่ยโยวเหยาอย่างจริงใจและแน่วแน่ “บ่าวเชื่อว่า หากพระชายาเซียงเฟยยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ต้องไม่ยินยอมให้ท่านอ๋องโจมตีแคว้นเป่ยอี้ในเวลานี้เป็นแน่ และบ่าวยังเชื่อว่า หากพระชายามีสติ พระองค์ต้องไม่เห็นด้วยที่ท่านอ๋องจะไป! ”
“ท่านอ๋อง พระองค์เคยคิดหรือไม่ หากพระชายาทรงทราบว่าท่านอ๋องเสี่ยงอันตรายโจมตีแคว้นเป่ยอี้เพื่อนาง ต่อไป ท่านอ๋องจะให้นางไปพบพระพักตร์อดีตฮ่องเต้และพระชายาเซียงเฟยที่สวรรค์ชั้นเก้าอย่างไร? นางจะเผชิญหน้ากับแม่ทัพและเหล่าทหารของต้าฉินอย่างไร จะครองใจประชาชนได้อย่างไร! ”
ในที่สุดเยี่ยโยวเหยาก็สงบ เขาถอยไปข้างหลังสองก้าว
หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างเชื่องช้า!
ซูอวี้และแม่นมฮวาหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความโล่งใจ
ซูอวี้ลุกขึ้นยืน แม่นมฮวาทรุดตัวลงกับพื้นราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง แววตาสงบนิ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาของแม่นมฮวาพลันทอประกายเฉียบคมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทันใดนั้น นางก็มองไปยังจิ้นหนานเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ
จิ้นหนานเฟิงตกตะลึงเมื่อเห็นแววตาของแม่นมฮวา เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่
แม่นมฮวาค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปทางจิ้นหนานเฟิง
“เป็นผู้ใดที่ยุยงให้ท่านอ๋องโจมตีแคว้นเป่ยอี้? ”
จิ้นหนานเฟิงก้าวถอยหลังอย่างเชื่องช้า การแสดงออกของเขาดูหวาดกลัวเล็กน้อย “แม่นมฮวา ไม่มี… ”
จิ้นหนานเฟิงยังพูดไม่ทันจบ แม่นมฮวาก็ตบไปที่ใบหน้าของจิ้นหนานเฟิงหนึ่งฝ่ามือ ดัง ‘เพี๊ยะ’
“พวกเจ้าดูแลท่านอ๋องอย่างไร? ”
ใบหน้าของจิ้นหนานเฟิงปรากฏรอยฝ่ามือชัดเจน ทว่าเขาไม่กล้าพูดสิ่งใด ทำเพียงยืนกุมมืออย่างเคารพ
“แม่นมฮวา ท่านเข้าใจผิดแล้ว พวกข้าหาได้ยุยงให้ท่านอ๋องเคลื่อนทัพโจมตีแคว้นเป่ยอี้ ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของท่านอ๋องเอง”
แม่นมฮวานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เป็นนางเองที่หุนหันพลันแล่น
ท่านอ๋องทรงมีความคิดเป็นของพระองค์เอง ตลอดมา พระองค์ทรงตัดสินพระทัยโดยไม่ให้ผู้ใดแทรกแซง ผู้ใดจะยุยงท่านอ๋องได้? ผู้ใดจะตัดสินใจแทนท่านอ๋องได้?
ผ่านไปครู่หนึ่ง แม่นมฮวาจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“บุรุษในราชวงศ์แห่งจักรวรรดิต้าฉินล้วนเป็นเช่นนี้! ขอเพียงถูกตาต้องใจสตรีใด ก็จะรักไปชั่วชีวิต ชั่วฟ้าดินสลาย ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในตอนนั้น อดีตฮ่องเต้ก็เป็นเช่นนี้”
“แม่นมฮวา! ” จิ้นหนานเฟิงมองดวงตาเหม่อลอยของแม่นมฮวา และเอ่ยเรียกนางด้วยเสียงแผ่วเบา
แม่นมฮวากลับมาได้สติ นางมองจิ้นหนานเฟิงด้วยสายตาอ่อนโยนราวกับมองบุตรของตนเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบรอยนิ้วมือที่แก้มของจิ้นหนานเฟิง “เด็กน้อย ยังเจ็บหรือไม่? ”
ดวงตาของจิ้นหนานเฟิงเปล่งประกาย เขายิ้มและส่ายศีรษะ “ไม่เจ็บ! ”
แม่นมฮวาหยิบขวดแก้วออกมาจากอกเสื้อ และยื่นไปที่มือของจิ้นหนานเฟิง “เอาไป นี่เป็นยาใช้ทาภายนอก มีสรรพคุณดีกว่ายาสมุนไพรของวิหารวิญญาณเสียอีก”
“ขอบคุณแม่นม! ” จิ้นหนานเฟิงรับขวดยามาถือไว้
แม่นมฮวามองไปทางห้องที่เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีพักอยู่ พลางถอนหายใจลึกๆ อีกครั้ง “แม้หนทางที่ท่านอ๋องต้องก้าวเดินยังอีกยาวไกล ทว่าการปกป้องท่านอ๋องคือหน้าที่ของข้า ตราบใดที่พวกเรายังมีลมหายใจ พวกเราจะเป็นจิตวิญญาณที่ภักดีต่อต้าฉินตลอดไป จิตวิญญาณที่ภักดีนั้น ไม่เพียงรับคมหอกคมดาบแทนนายท่านในยามคับขันเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การสังเกตอย่างถี่ถ้วน มองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง บางครั้งยังต้องเห็นในสิ่งที่นายท่านมองไม่เห็น! ที่แม่นมเป็นเช่นนี้ เพราะหวังดีต่อพวกเจ้า! ”
แม้จิ้นหนานเฟิงจะไม่เข้าใจคำพูดเหล่านั้นของแม่นมฮวา ทว่าเขายังคงพยักหน้า “แม่นม ข้าจะจดจำไว้! ”
แม่นมฮวาไม่พูดอันใดอีก นางหันหลังเดินจากไป
จิ้นหนานเฟิงมองแม่นมฮวาที่เดินไปไกลแล้ว จากนั้นจึงเก็บขวดแก้วที่อยู่ในมือไว้ในอกเสื้ออย่างเงียบงัน และหลบเข้าไปในเงามืด
โดยปกติ แม่นมฮวาเป็นเพียงแม่นมที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา นางไม่มีอำนาจตบตีองครักษ์ของเยี่ยโยวเหยาอย่างแน่นอน
ทว่าสถานะของแม่นมฮวานั้นพิเศษ แท้จริงแล้ว นางไม่ได้เป็นเพียงแม่นมผู้หนึ่ง อีกทั้งคนของวิหารวิญญาณและขุนพลผีก็เคารพแม่นมฮวา
กระทั่งจิ้นหนานเฟิงที่มีตำแหน่งสูง เขาเป็นองครักษ์ข้างกายของเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังเป็นหนึ่งในหัวหน้าองครักษ์แห่งวิหารวิญญาณ แม้เขาจะถูกแม่นมฮวาตบตี ก็ไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด