วันเวลาผ่านไป แม้สถานการณ์ของซูจิ่นซีจะไม่เลวร้าย ทว่ายังคงไม่มีความคืบหน้า
มู่หรงฉีระดมกำลังคนเกือบทั้งเมืองจนแทบจะพลิกแผ่นดินแคว้นหนานหลี ทว่ายังหาอวิ๋นจิ่นไม่พบ
วันนี้ เยี่ยโยวเหยา ฮูหยินเฒ่าหาน มู่หรงอวิ๋นไห่ จงรุ่ยอันพ่อลูก แม่นมฮวา และลวี่หลี ต่างมารวมตัวกันที่ด้านนอกประตูห้องของซูจิ่นซี หลังจากเฝ้ารอเป็นเวลานาน ซูอวี้จึงเดินออกมาจากห้องของซูจิ่นซี
ไม่ต้องพูดถึงเยี่ยโยวเหยา หลายวันมานี้ แม้แต่ซูอวี้ก็ดูแก่ลงไปมาก เขามีผมสีขาวสองสามเส้นขึ้นตรงขมับ
ทันทีที่มู่หรงอวิ๋นไห่และฮูหยินเฒ่าหานเห็นซูอวี้ พวกเขาก็รีบถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างเชื่องช้า
ยังไม่พบสาเหตุ!
นี่เป็นวันที่สี่แล้ว
ใบหน้าของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาทวีความเย็นชา ดวงตาที่เย็นชาอยู่แล้ว ยิ่งเย็นยะเยือกจนทำให้คนหนาวตายได้เลยทีเดียว
ภายในระยะเวลาไม่นาน ท่าทางของเยี่ยโยวเหยากลับมาเป็นดังเดิม เหมือนตอนที่ยังไม่ได้พบซูจิ่นซี เขาเงียบขรึม เย็นชา และบึ้งตึง ทั้งยังดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวมากยิ่งขึ้น
เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังต่างเห็นทุกอากัปกิริยาของเยี่ยโยวเหยา ทว่าพวกเขากลับนิ่งเงียบไม่พูดอันใด
หากการสังหารทำให้ซูจิ่นซีฟื้นขึ้นมาได้ เวลานี้ เยี่ยโยวเหยาคงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนบนโลก
ทว่าน่าเสียดาย พวกเขาหมดหนทางแล้ว
เยี่ยโยวเหยาเดินเข้าไปในห้องและนั่งลงบนเตียง เขากอดซูจิ่นซีไว้ในอ้อมกอดแน่น
ซูจิ่นซี หากเจ้ามีอันเป็นไป ข้าจะทำอย่างไร?
ซูจิ่นซี หากเจ้ามีอันเป็นไป เยี่ยโยวเหยาจะเป็นอย่างไร?
ซูจิ่นซี เจ้าฟื้นเถิด!
เห็นได้ชัดว่าเป็นวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศแจ่มใส แสงอาทิตย์สาดส่อง สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเจริญเติบโต ทว่าทั่วทั้งจวนสกุลจงกลับเงียบสงัด ท่าทางของทุกคนไร้ซึ่งชีวิตชีวา
ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ท่ามกลางเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบนั้น พวกเขาราวกับได้ยินจังหวะที่คุ้นเคย
คนผู้นั้นคือฉีอ๋อง
ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะตกตะลึงในทันที
เนื่องจากมีคนผู้หนึ่งที่มาพร้อมกับฉีอ๋อง คนผู้นั้นยืนอยู่ด้านหลังฉีอ๋อง
นั่นคืออวิ๋นจิ่น
คราแรก ทุกคนแทบจำอวิ๋นจิ่นไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าและเส้นผมของเขาสกปรกอย่างมาก ทั้งใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยฝุ่นโคลน ในอดีต ทุกครั้งที่อวิ๋นจิ่นอยู่ต่อหน้าทุกคน เขาจะแต่งกายอย่างพิถีพิถัน พวกเขาไม่เคยเห็นสภาพยุ่งเหยิงของอวิ๋นจิ่นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินมาถึงเบื้องหน้าของทุกคน เขายังคงเป็นอวิ๋นจิ่นที่ใจดีและสุภาพดังเดิม แม้เขาจะมีท่าทีประหม่าและขาดรอยยิ้มไปบ้าง
“โยวอ๋อง อาจารย์แม่ ศิษย์พี่” อวิ๋นจิ่นกล่าวทักทายและทำความเคารพด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย หลังจากนั้น สายตาของเขาก็มองไปที่ร่างของมู่หรงอวิ๋นไห่ หลังจากจ้องมองเพียงเล็กน้อย จึงรีบทำความเคารพ “คำนับฝ่าบาท! ”
อวิ๋นจิ่นไม่เคยพบมู่หรงอวิ๋นไห่มาก่อน ทว่ามองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่ามู่หรงอวิ๋นไห่คือ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแห่งแคว้นหนานหลี เพียงเท่านี้ก็ทำให้มู่หรงอวิ๋นไห่รู้สึกชื่นชมในความสุขุมและสติปัญญาของเขาแล้ว
“อวิ๋นจิ่น ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! ” ดวงตาของฮูหยินเฒ่าหานเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“พระชายาอยู่ที่ใด? ข้าขอไปดูพระอาการของพระชายาก่อน”
ระหว่างทาง มู่หรงฉีได้บอกสถานการณ์ของซูจิ่นซีให้อวิ๋นจิ่นฟังแล้ว
มู่หรงฉีพาอวิ๋นจิ่นเข้าไปในห้อง เยี่ยโยวเหยายังคงกอดซูจิ่นซีอยู่
อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปด้านหน้าและโค้งคำนับเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง! ”
เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าขึ้น ท่ามกลางดวงตาที่สงบนิ่งนั้น มีประกายความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วแผ่วเบา
“ท่านอ๋อง กระหม่อมมาตรวจดูพระอาการของพระชายา! ”
เยี่ยโยวเหยาจึงลุกขึ้น
อวิ๋นจิ่นเดินมาข้างหน้า และตรวจดูอาการให้ซูจิ่นซีอย่างละเอียด
ผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม ทุกคนที่เดินตามเข้ามาด้านหลังต่างวิตกกังวลอย่างมาก
“อวิ๋นจิ่น จิ่นซีเป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้สาเหตุอันใดบ้างหรือไม่? ”
“อวิ๋นจิ่น อาการของน้องหญิงเป็นอย่างไร? ”
อวิ๋นจิ่นไม่ได้ตอบคำถามของทุกคนในทันที ทว่าถามกลับว่า “ตอนที่พระชายามีอาการ ผู้ใดอยู่ข้างกาย? ”
ทุกคนต่างหันไปมองเยี่ยโยวเหยา
อวิ๋นจิ่นถามเยี่ยโยวเหยา “ขอบังอาจทูลถามท่านอ๋อง ก่อนที่พระชายาจะแสดงอาการ มีสัญญาณเตือนหรือไม่? เริ่มจากมีพระโลหิตไหลออกมาอย่างผิดปกติ พระพักตร์เป็นสีเขียวม่วง ริมพระโอษฐ์เป็นสีม่วง เล็บมือบวมโตอย่างมากใช่หรือไม่? ”
แววตาสงบนิ่งของทุกคนพลันทอประกายความหวังเล็กน้อย
แม้อาการของซูจิ่นซีในตอนนี้จะมาจากสาเหตุหลายประการ ทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลง ทว่าอาการแรกเริ่มนั้น เป็นดั่งที่อวิ๋นจิ่นถามจริงๆ
เยี่ยโยวเหยาอยู่ใกล้อวิ๋นจิ่นมากที่สุด ทั้งยังกระวนกระวายใจมากที่สุด เขาคว้าแขนของอวิ๋นจิ่น “เจ้ารักษาได้หรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาไม่เคยสูญเสียการควบคุมเช่นนี้มาก่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองใช้แรงมากเพียงใดในการจับแขนของอวิ๋นจิ่น จนแขนของเขาแทบหัก
ทว่าอวิ๋นจิ่นไม่ได้แสดงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย “ท่านอ๋อง หากกระหม่อมวิเคราะห์ไม่ผิดพลาด ครั้งนี้พระชายาไม่ได้ถูกพิษ แต่เป็นวิชาเวทลึกลับของพ่อมด”
วิชาเวทลึกลับของพ่อมด?
ทุกคนต่างขมวดคิ้วแน่น
ฮูหยินเฒ่าหาน มู่หรงอวิ๋นไห่ จงรุ่ยอันพ่อลูก และมู่หรงฉี ทุกคนไม่รู้ว่าพ่อมดเป็นอย่างไร ทว่าเยี่ยโยวเหยาที่เคยอ่านตำนานเผ่าเม้ย กลับเข้าใจเป็นอย่างดี
เมื่อหลายพันปีก่อน วิชาเวทของพ่อมดเป็นเวทมนตร์ลึกลับชนิดหนึ่ง เนื่องจากเป็นการฝึกฝนของผู้ที่มีจิตใจชั่วร้าย จึงถูกเทพธิดาเผ่าเม้ยทำลายไปจนหมดสิ้น เช่นนั้น ตอนนี้ยังหลงเหลือวิชาเวทของพ่อมดได้อย่างไร?
เยี่ยโยวเหยาหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจหรือไม่? ”
“กระหม่อมแน่ใจ”
“ต้องรักษาอย่างไร? ”
“เดิมที หากต้องการแก้ไขวิชาเวทของพ่อมด เพียงสังหารพ่อมดที่ใช้วิชาเวทนั้นก็ได้แล้ว ทว่าตามตำนานเมื่อหลายปีก่อน เหล่าพ่อมดถูกทำลายไปจนหมดสิ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขายังสามารถทำร้ายพระชายาได้ อาจมีผู้ที่หลุดรอดจากการทำลายล้างในตอนนั้น และคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาตัวเขาพบ”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร? หมอหลวงอวิ๋น ท่านมีความรู้กว้างขวาง ลองคิดดูว่ายังมีหนทางอื่นหรือไม่? ” มู่หรงฉีกล่าว
“ยังมีอยู่อีกวิธีหนึ่ง ทว่า… ” อวิ๋นจิ่นยังคงลังเลและไม่พูดทุกอย่างออกมาทั้งหมด
“ทว่าอันใด? ”
“ทว่า หนทางไปหาหมอรักษานั้นห่างไกลยิ่งนัก ทั้งสถานการณ์ของพระชายาในตอนนี้ คงเดินทางไปได้ยาก และยังไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมช่วยหรือไม่”
ให้หมอช่วยรักษาหรือ?
ในวงการแพทย์ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเช่นนี้อีกหรือ?
คนแรกที่จงรุ่ยอันนึกถึงคือจิ่วหรง “คุณชายจิ่วมีความสัมพันธ์อันดีกับจิ่นซี เพียงหาเขาพบ คิดว่าเขาต้องช่วยเหลืออย่างแน่นอน”
ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นยังคงสงบนิ่ง “ศิษย์พี่กล่าวผิดแล้ว ผู้ที่ข้าจะไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น หาใช่คุณชายจิ่ว แม้วิชาแพทย์ของคุณชายจิ่วจะสูงส่ง ทว่าครั้งนี้พระชายาถูกวิชามนตร์ดำ เกรงว่าคุณชายจิ่วก็ไม่อาจรักษาได้”
อันใดกัน? แม้แต่จิ่วหรงยังรักษาไม่ได้หรือ?
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาอดหันไปมองซูจิ่นซีที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้
ดูเหมือนครั้งนี้ ซูจิ่นซีจะตกอยู่ในอันตรายมากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม กระทั่งจิ่วหรงยังช่วยไม่ได้ ทว่ามีผู้ที่สามารถรักษาซูจิ่นซีได้ คนผู้นั้นคือใครกัน?
ฮูหยินเฒ่าหานถามอวิ๋นจิ่นด้วยความกังวล “อวิ๋นจิ่น เจ้ารีบพูดมากเถิด ผู้ใดที่สามารถช่วยแม่หนูจิ่นซีได้? ”
“ใช่แล้ว หมอหลวงอวิ๋นบอกความจริงมาเถิด ผู้ใดที่สามารถช่วยบุตรสาวของข้าได้ ไม่ว่าเขาจะเสนอเงื่อนไขอันใด ข้าล้วนตอบตกลง” มู่หรงอวิ๋นไห่กล่าว