ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


รุ่งเช้าของวันถัดมา ดวงตะวันเริ่มทอแสงส่งสัญญาณของเช้าวันใหม่ เซียวอวี๋สั่งให้ทหารเป่าแตรปลุกทุกคนขึ้นมา หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จสิ้นเซียวอวี๋ก็นำทุกคนมุ่งไปยังวิหารอัลคีราฟ ในช่วงตลอดคืนที่ผ่านมา จ้าวมนตราทั้งสามเอาแต่เก็บตัวทำความเข้าใจกลิ่นอายของมังกรบรรพกาล เซียวอวี๋ลองสังเกตอย่างละเอียดก็พบว่าทั้งสามมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดูเหมือนมานาของพวกเขาจะดูลึกล้ำและทรงพลังขึ้น

นี่คล้ายกับไอน้ำควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ จากนั้นจึงค่อยๆกลายไปเป็นน้ำแข็ง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หากพวกเขาสามารถเข้าถึงความลึกล้ำของมานาได้ พวกเขาก็อาจจะบรรลุขั้นที่เจ็ด

ในใจของเซียวอวี๋มีความสุขมาก หากว่าทั้งสามสามารถบรรลุขอบเขตขั้นที่เจ็ดได้จริงๆ นี่จึงเป็นประโยชน์ในการต่อกรกับขุมกำลังลึกลับอย่างมาก

สถานการณ์ทั่วทวีปตอนนี้เรียกได้ว่าวุ่นวายอย่างมาก ไฟสงครามได้ลุกลามไปทุกหนแห่ง

ตึงตึงตึง……..

พวกทหารเริ่มย่ำกลอง เซียวอวี๋ขี่มังกรน้อยบินนำหน้าเปิดทาง ได้ยินเสียงกลอง พวกเซิกจำนวนมากก็กรูกันออกจากรูและพุ่งเข้าหากองทัพมนุษย์ แต่ต่อหน้าเซียวอวี๋กับมังกรน้อยแล้วนี่ก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย วันนี้เซียวอวี่มุ่งมั่นจะบุกเข้าไปในวิหารให้จงได้

อย่างไรก็ตาม พวกนักผจญภัยและกองกำลังอื่นๆนั้นลงมืออย่างเอื่อเฉื่อยไร้ชีวิตชีวายิ่ง

ครั้งนี้ตระกูลของนิโคลัสได้ส่งยอดฝีมือจำนวนมากมาสมทบ เพียงแค่ยอดฝีมือขั้นที่หกก็มีนับสิบแล้ว ทางด้านตระกูลช็อค ตระกูลเคเนดี้และตระกูลอื่นๆเองก็พายอดฝีมือติดตามมา พวกเขาตระเตรียมมากอบโกยสมบัติเต็มที่

อัลคีราฟเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีป ว่ากันว่าเมื่อครั้งอดีตอันไกลโพ้น พวกเซิกเคยออกรุนรากไปทั่วทวีป ทั้งยังขนสมบัตินับไม่ถ้วนมาเก็บซ่อนไว้ในวิหารเพื่อเป็นการบวงสรวงเทพเจ้าของพวกมัน คฑูน

หากพวกเขาสามารถครอบครองสมบัติเหล่านี้ได้ล่ะก็ ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ดูอย่างเจ้าเซียวอวี๋สิ ที่เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะสมบัติจากยุคโบราณ

พวกเขาต่างก็อิจฉาเซียวอวี๋กันมาก พวกเขาต่างก็ต้องการสับเซียวอวี๋เป็นชิ้นๆ ทว่าโชคร้ายที่เซียวอวี๋มีกำลังกล้าแข็งเกินไป

ดังนั้น โอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ปรากฏขึ้นแล้ว และพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไป พวกเขาจะทำให้ตระกุลของพวกเขาขึ้นเป็นใหญ่ในใต้หล้า

“เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าคิดว่าวันนี้จะบุกเข้าไปได้หรือไม่?” นิโคลัสถามเซียวอวี๋

“แน่นอน เจ้าดูสิ วิหารก็อยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ที่นั่นคงเป็นศึกหนัก หลังจากจบศึกนั้นได้พวกเราแน่นอนว่าย่อมได้ครอบสมบัติมหาศาล ฮ่าฮ่าฮ่า แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว” เซียวอวี๋กล่าวด้วยสายตาเป็นประกายราวกับเสาะพบหญิงงามที่เบื้องหน้า

นิโคลัสเองคุ้นชินกับนิสัยของเซียวอวี๋แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าเองก็ลงทุนลงแรงไปมาก เมื่อถึงตอนนั้น…..”

“วางใจเถอะ ข้าไม่เคยเอาเปรียบสหายอยู่แล้ว” เซียวอวี๋กล่าวขัดพลางหัวเราะ

“เหอะ ใครเป็นสหายเจ้ากัน” นิโคลัสกลอกตา

“อา….ที่อยู่ตรงหน้านั่นมันอะไรกัน? อานูบีสตัวใหญ่?” ในเวลานั้นเอง เสียงร้องตะโกนก็ดังมาจากด้านหน้า

เซียวอวี๋ตกตะลึง “นั่นมันออสซิเดี้ยนไร้ต้าน กำจัดมันซะ หากจัดการมันได้พวกเราก็เข้าวิหารได้แล้ว!”

“ออสซิเดี้ยนไร้ต้าน? มันคือ?” ได้ยินเซียวอวี๋โพล่งออกมา นิโคลัสก็รีบถาม

“เป็นพงศ์พันธุ์อานูบีสที่แข็งแกร่งมาก หลังจากได้รับพลังจากเทพโบราณ พวกมันก็แข็งแกร่งกว่าอานูบีสปกติ ไปกันเถอะ เจ้าพวกนี้จัดการไม่ง่ายเลย” เซียวอวี๋ตอบฉะฉาน ไม่ทราบว่าในอดีตเขาสังหารมันไปกี่ตัวแล้ว

ยามเมื่อพวกมันใกล้เข้ามา เซียวอวี๋ก็เห็นว่าอานูบีสที่สูงใหญ่กว่าอานูบีสทั่วไปกำลังเข่นฆ่าพวกนักผจญภัยอย่างโหดเหี้ยม ใกล้ๆกับมันนั้นก้มีเสาผนึกหลายต้นตั้งอยู่

“กระจายกันออกไป อย่าได้รวมตัว! มิเช่นนั้นมีแต่สูญเสียมากขึ้น!” เห็นหลายคนทำอะไรไม่ถูก เซียวอวี๋ก็ตะโกนเสียงดังพลางบังคับมังกรน้อยบินขึ้นฟ้า

“ให้ทุกคนเข้าไปอยู่ใกล้ๆเสาผนึกเหล่านั้น หากเจ้านี่เข้าไปใกล้ผนึกก็โจมตีผนึกให้แตก จากนั้นก็ไปหาเสาผนึกอันใหม่ อย่าได้เข้าไปใกล้ พลังของเจ้านี่มาจากผนึกเหล่านั้นเอง พวกเจ้าต้องดูให้ดี อย่าโจมตีเร็วไป จะโจมตีได้ก็ต่อเมื่อเจ้านี่เข้าไปใกล้ มิเช่นั้นฝ่ายที่โชคร้ายจะเป็นพวกเจ้าเอง!” เซียวอวี๋ตะโกนอธิบาย

ได้ยินคำของเซียวอวี๋ พวกเขาก็รีบวิ่งไปใกล้เสาผนึก

ร่างกายของออสซิเดี้ยนไร้ต้านมีชั้นพลังงานป้องกันอยู่ นี่เป็นเกราะป้องกันที่แทบจะไร้เทียมทาน หากว่าเอาแต่โจมตีมัน ไม่รู้ต้องมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องตายเปล่า มีเพียงการล่ออานูบีสนี้เข้าไปใกล้เสาผนึกแล้วจัดการเท่านั้นที่จะได้ผล ขอเพียงจัดการเสาผนึกพวกนั้นได้ ออสซิเดี้ยนไร้ต้านนี่ก็จะยิ่งอ่อนแอลง

ครืน……..

เสาผนึกค่อยๆถูกจัดการทีละต้นทีละต้น เกราะพลังงานรอบกายออสซิเดี้ยนไร้ต้านยิ่งมายิ่งอ่อนโทรมลง

“ผู้ใช้ไฟจงใช้เวทไฟโจมตีมันซะ ตอนนี้พลังป้องกันธาตุไฟของมันอ่อนแอที่สุด นี่จะทำให้มันบาดเจ็บสาหัส!” เซียวอวี๋สั่งการพวกผู้ใช้มนตราทันที

นี่เป็นช่วงเวลาที่มันแพ้ไฟมากที่สุด

“น้ำแข็ง! ตอนนี้มันแพ้น้ำแข็ง จัดการเลย!”

ฉึก ฉึก ฉึก!

หลินมู่เสวี่ยและแอนโทนีดอาสลงมือก่อน แท่งน้ำแข็งแท่งใหญ่จำนวนมากพุ่งเข้าเสียบร่างของออสซิเดี้ยนไร้ต้านจนมันกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เกราะพลังของมันไหววูบราวกับเปลวเทียนต้องลม

ตอนนี้หลินมู่เสวี่ยยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน แม้ตอนนี้จะยังเทียบชั้นสามจ้าวมนตราไม่ได้ แต่จอมมนตราขั้นที่หกทั่วไปย่อมไม่ใช่คู่มือของนาง

มรดกจากเอกวินน์ย่อมไม่ใช่ที่มรดกทั่วไปจะเทียบได้ นี่นับเป็นสมบัติชิ้นใหญ่อย่างแท้จริง แทบจะไม่ด้อยไปกว่ามรดกที่มังกรน้อยได้รับเลย

เซียวอวี๋งุนงง ชีวิตเขาก็ไม่ได้แย่ ได้รับบางสิ่งมาบ้างเล็กน้อย ทั้งยังอยู่ในขั้นปรจารย์แล้ว แต่ถึงจะมีสิ่งในครอบครองอยู่มากมาย ความต้องการจะครอบครองของเขาก็ดูจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ครั้งนี้สามจ้าวมนตราไม่ได้ลงมือ ในเมื่อเซียวอวี๋มีวิธีจัดการแล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจและกลับไปศึกษาพลังต่อ เวลาที่ต้องการใช้พวกเขาคงเป็นตอนที่เผชิญกับเทพโบราณคฑูนกระมัง

ถึงตอนนั้นสามจ้าวมนตราคงต้องลงมือสุดกำลัง กระทั่งว่าต่อใ้ใช้เวทต้องห้ามออกมาก็ไม่แน่ว่าจะจัดการเทพโบราณตนนั้นได้

อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็เป็นถึงเทพปีศาจจากยุคโบราณ เป็นหนึ่งในผู้ที่ครองพลังมากที่สุดในมิติ แน่นอนว่าเทพในยุคโบราณย่อมมีพลังเหนือล่้ำกว่าขั้นที่เจ็ดมาก ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน

ถึงตอนนั้นคงต้องพึ่งเวทมนตร์ต้องห้ามของจ้าวมนตราทั้งสามแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากต้องการจะกำจัดพวกเซิกโดยสมบูรณ์ พวกเขาจะต้องกำจัดคฑูน นอกจากนั้น เซียวอวี๋ยังหมายเอาวัตถุดิบจากคฑูน ไม่รู้ว่าหากนำกลับไปให้ฮิกกิ้นศึกษาหลอมปรุงออกมาจะได้ของที่ทรงพลังอะไรออกมา……..