ซุนหม่านเซียงสูดจมูก หันหน้าไป เธอสงสารลูกชาย โดนลูกสะใภ้พูดโน้มน้าวได้ ลูกสะใภ้คนนี้มีฝีปากดีจริงๆ อีกหน่อยบ้านนี้ไม่ต้องให้ลูกสะใภ้เป็นหัวหน้าครอบครัวหรือไง แบบนี้ไม่ได้การ
แต่ว่า… ซุนหม่านเซียงจะว่าเฉินเยี่ยนไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้เธอต้องการให้เฉินเยี่ยนและซินห้าวช่วยซินเหลย เธอเลยไม่กล้าว่าเฉินเยี่ยนมาก กลัวเฉินเยี่ยนและซินห้าวปล่อยมือไม่สนใจ ดังนั้นเธอเลยอดทน
ร่างกายซินเหลยยังอ่อนแออยู่ พูดคุยอยู่ก็ค่อยๆ หลับไป เฉินเยี่ยนมองเข็มให้น้ำเกลือไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ครั้งนี้ซินเหลยเจอเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นเพราะน้องสาวเธอคนเดียว เขาเป็นมารร้ายทำร้ายคน ไม่รู้ว่าพ่อแม่เธอสอนมายังไง สั่งสอนให้เป็นตัวหายนะแบบนี้”
ซุนหม่านเซียงมองหน้าลูกชายแล้วบ่นออกมา
เฉินเยี่ยนมองซุนหม่านเซียง แววตาเย็นชา
เธอรู้ว่าซุนหม่านเซียงรักลูกชายสุดหัวใจ ดังนั้นซุนหม่านเซียงว่าเธออย่างนี้ เธอไม่ใส่ใจ แต่ว่าพ่อแม่เธอแบบนี้ไม่ได้
“เธอจ้องฉันทำไม? ฉันพูดผิดเหรอ? เป็นเพราะพ่อแม่เธอไม่สั่งสอน”
ซุนหม่านเซียงคิดว่าตัวเองพูดไม่ผิด
“เฉินเวยเกี่ยวอะไรกับพ่อแม่ฉันด้วย? ถ้าอย่างนั้นซินเหลยวันนี้ทำไมไม่บอกว่าเป็นเพราะคุณ? อย่าเอาแต่โทษคนอื่น พ่อแม่ฉันเป็นยังไงคนอื่นไม่มีสิทธิ์พูด ฉันเคารพคุณ หวังว่าคุณก็จะเรียนรู้ที่จะเคารพคนอื่นเหมือนกัน”
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจซุนหม่านเซียงคนนี้จริงๆ ได้รับบทเรียนหนักขนาดนี้ เธอยังไม่รู้จักสงบปากสงบคำบ้าง?
“ฉันทำไม? ฉันมีข้อเสียอะไร? ซินเหลยเป็นแบบนี้มาโทษฉัน? เป็นเพราะนางเฉินเวยชั้นต่ำนั่นทำต่างหาก”
ซุนหม่านเซียงร้องออกมา
เฉินเยี่ยนมองซุนหม่านเซียง ห้องคนไข้นี้เป็นห้องเดี่ยว ตั้งแต่คุณย่าอยู่โรงพยาบาลมาถึงซินห้าวแล้วมาถึงซินเหลยอีก ถือว่าครอบครัวพวกเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับโรงพยาบาลแล้ว ดังนั้นเลยจัดการได้ห้องเดี่ยวมาได้ ถ้าเป็นห้องรวม คิดว่าคนอื่นต้องหัวเราะเยาะแน่
“คุณเอาแต่คิดว่าคนอื่นไม่ดี เกิดเรื่องขึ้นก็หาคนอื่นมารับผิดชอบ ไม่เคยคิดถึงตัวเองเลย คุณคิดแบบนี้ ฉันทำอะไรไม่ได้ และฉันก็แก้ไขความคิดคุณไม่ได้เช่นกัน พูดมากไปก็พูดเสียเปล่า ฉันไม่พูดแล้ว ฉันขอพิงหน่อย รู้สึกเหนื่อย”
เฉินเยี่ยนไม่อยากจะสนใจซุนหม่านเซียงแล้วจริงๆ เธอพิงไปกับม้านั่ง
“เธอเหนื่อยอะไร! ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้หลับตาเลย ฉันยังไม่ร้องเหนื่อยเลย”
ซุนหม่านเซียงเบะปากมองเฉินเยี่ยน คนเราก็เป็นแบบนี้ พอไม่ถูกใจใคร ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เขาก็จะไม่ชอบใจอยู่ดี
“คุณไม่ร้องเหนื่อย นั่นเพราะซินเหลยเป็นลูกชายคุณ แต่เขาไม่ใช่ลูกฉัน”
เฉินเยี่ยนหมดคำพูดกับแม่สามีคนนี้จริงๆ
ซุนหม่านเซียงอ้าปากแต่กลับเถียงเฉินเยี่ยนไม่ออก
เฉินเยี่ยนพิงม้านั่งสะลึมสะลือ ถึงแม้จะเหนื่อยมาก สมองก็อ่อนล้า แต่เธอกลับนอนไม่หลับ
พ่อแม่ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ถ้าพวกเขารู้จะต้องเสียใจแน่นอน ยังไม่บอกพวกเขาดีกว่า ให้พวกเขาคิดว่าเฉินเวยอยู่ในคุกยังไม่ออกมา
ตอนที่เฉินเยี่ยนใกล้จะหลับแล้ว ซินห้าวก็กลับมา
“นี่เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาลงมือหรือ?”
เห็นมุมปากซินห้าวเฉินเยี่ยนหน้าตึง มุมปากซินห้าวแตก เสื้อผ้าก็สกปรกมาก
“ไม่มีอะไร พวกนั้นมีแต่คนแก่และอ่อนแอ ผมลงมือไม่ได้ ครอบครัวเขามีคนตาย เสียใจมาก พวกเขาอยากตีก็ให้เขาตีสองสามทีเถอะ ยังไงก็ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
ซินห้าวยิ้มให้เฉินเยี่ยน เหมือนว่าเขาไม่เจ็บเลยสักนิด
ไม่มีใครอยากโดนตี ซินห้าวก็ไม่อยาก แต่ก็เหมือนอย่างเขาว่า เขาลงมือไม่ได้
“คนพวกนั้นทำไมทำอย่างนี้เนี่ย ทำไมยังชกตีอีก แล้วพวกเขาตกลงไหม? ยอมไม่ฟ้องซินเหลยหรือเปล่า?”
ถึงแม้ซุนหม่านเซียงเป็นห่วงซินห้าวเหมือนกัน แต่เธอเป็นห่วงซินเหลยยิ่งกว่า
เฉินเยี่ยนเหลือบมองซุนหม่านเซียง ทำไมเขาทำอย่างนี้? ถ้าเป็นซินเหลยตาย กลัวว่าเธอจะยิ่งโหดกว่าพวกเขาอีก
ซินเหลยมองซินห้าว พี่ชายที่เขาเกลียดมาตลอดถึงกับยอมบาดเจ็บเพราะเรื่องเขา
ถ้าวันนั้นกลับกันเป็นซินห้าวที่มีเรื่อง เขาจะทำยังไง?
เขาต้องหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าแน่นอน และจะไม่สนใจเลย ยังซ้ำเติมเขาต่อด้วย
คิดแบบนี้แล้ว ตัวเองสารเลวจริงๆ!
“พวกเขาตกลงแล้ว อีกหลายวันผมจะเอาเงินให้พวกเขา”
ซินห้าวไปครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว ได้รับการให้อภัยจากฝั่งนั้นมา ส่วนพี่ชายที่จัดการยากคนนั้น เขาย่อมมีวิธีจัดการ แต่จะไม่ทำร้ายเขา
“งั้นก็ดี ขอบคุณสวรรค์”
ซุนหม่านเซียงประนมมือ ถอนหายใจยาว
“ขอบคุณ พี่ชาย”
ซินเหลยขอบคุณ สีหน้าสับสน เขาไม่ยอมรับไม่ได้ ว่าพี่ชายทำเพื่อเขา
ซินห้าวเลิกคิ้ว เขาไม่คิดว่าซินเหลยจะขอบคุณเขา ยิ่งคิดไม่ถึงว่าซินเหลยจะเรียกเขาว่าพี่ชาย เขาคิดว่าซินเหลยจะโวยวายใส่เขา ให้เขาอย่ามายุ่งด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
ซินห้าวก้มลงมองเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนยิ้มให้เขา แต่สายตากลับมีแววสงสาร
ซินห้าวกุมมือเฉินเยี่ยน
ซินเหลยรู้สึกว่าภาพนี้บาดตา แต่เขาก็เข้าใจ พี่ชายกับพี่สะใภ้รักกันด้วยใจจริง แบบนี้พวกเขาถึงเป็นสามีภรรยากัน คือรักแท้ ส่วนตัวเองคิดว่าตัวเองเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ ที่จริงแล้วไม่ได้ดูโตเป็นผู้ใหญ่เลย
เมื่อก่อนตัวเองยังมีความคิดแบบนั้นกับพี่สะใภ้อีก ตัวเองมันสัตว์เดรัจฉาน ตัวเองไม่ใช่คน!
ซินเหลยหันหน้าไปอีกทาง เขารู้สึกละอายต่อพี่ชายและพี่สะใภ้
ตอนที่ซินชานมาก็เล่าสถานการณ์ให้ฟัง เขาก็ให้คนไปสืบมา เรื่องที่สืบไม่ต่างจากที่เฉินเยี่ยนสืบมาเท่าไร ได้ข่าวว่าซินห้าวกับครอบครัวผู้เสียหายตกลงกันได้แล้ว เขาก็เบาใจ
“พ่อถามมาแล้ว คนที่หนีไปวันนี้ตอนบ่ายเจอตัวแล้ว ให้ปากคำแล้ว ไม่ต่างจากที่ซินเหลยเล่า เขายอมรับว่าคนนั้นใช้มีดแทงซินเหลยก่อน เรื่องที่เขาเล่านั่นถือว่าเป็นประโยชน์ต่อซินเหลย”
ซินชานก็ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ดังนั้นพอฝั่งนั้นจับคนได้ เขาก็รู้ทันที
“แบบนี้ซินเหลยก็ไม่เกี่ยวข้องแล้วใช่ไหม? ซินเหลยไม่ต้องติดคุกแล้วใช่ไหม?”
ซุนหม่านเซียงคว้าแขนสามี ถามด้วยสีหน้าดีใจ
สายตาซินเหลยที่มองพ่อก็มีความหวัง ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่อยากเข้าคุก
“นี่ไม่ได้หมายความว่าซินเหลยจะไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว พูดได้แค่ว่าซินเหลยไม่มีเจตนาจะฆ่าคน ส่วนผลจะเป็นยังไง พวกเราไม่ได้เป็นคนตัดสิน ถึงเวลาเดี๋ยวมีคำตัดสินออกมาเอง”
ซินชานก็หวังให้ลูกชายไม่มีเรื่อง แต่นั่นไม่ใช่เขาเป็นคนตัดสิน
“คุณไปหาคนช่วยไม่ได้หรือ? พวกเราจ่ายเงินไม่ได้เหรอ? ซินห้าวมีเงิน เพื่อซินเหลยแล้ว จ่ายเท่าไรเขาก็ควรเอาออกมา”
ซุนหม่านเซียงไม่อยากให้ลูกชายมีเรื่องจริงๆ
“นี่ไม่ใช่เรื่องจ่ายเงินกับหาคน เขาทำ เขาก็ต้องรับผิดชอบ ผมบอกตั้งนานแล้วให้เขาหางานทำดีๆ อย่าออกไปขลุกอยู่ข้างนอกกับคนอื่น คุณก็ปกป้องเขาอยู่นั่น ตอนนี้เกิดเรื่อง คุณก็ยังปกป้องแบบนี้อยู่ เขาไม่ใช่เด็กแล้ว เขาควรจะรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ”
ซินชานเหลืออดกับภรรยาคนนี้แล้ว
“ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ลูกชายไม่ใช่ลูกคุณหรือไง ยังจะมาว่าฉัน”
ซุนหม่านเซียงเถียงอย่างไม่พอใจ
“พ่อแม่ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ผมรู้พ่อแม่ทำเพื่อผม ผมผิดเอง ผมยอมรับ ไม่ว่าผมจะติดคุกหรือเปล่า ผมจะจำเรื่องนี้ไว้ จะทำตัวดีๆ”
ที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงคือซินเหลยเป็นฝ่ายยอมรับผิดก่อน
ซินชานมองลูกชายตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ นี่คือลูกชายเขาหรือ? ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงโวยวายรำคาญไปนานแล้ว ถ้าเรื่องครั้งนี้ทำให้ลูกชายโตขึ้น อีกหน่อยจะทำตัวดี แบบนั้นเขาก็ยังปลื้มใจ