ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“ในที่สุดก็มาถึงเสียที มาดูกันว่าด้านในมีอะไรอยู่ จบจากที่นี่ก็ค่อยไปช่วยโถวปาหงจัดการโถวปากุ้ย หากปล่อยให้เกิดผีดิบออกเพ่นพ่านไปทั่ว ทวีปคงประสบหายนะ จงระวังทุกฝีก้าว นี่จึงเป็นเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ”

เซียวอวี๋พึมพำขณะที่นำกองทัพใหญ่เคลื่อนกำลังเข้าสู่วิหารอัลคีราฟ ตอนนี้พวกเซิกแมลงด้านนอกต่างถูกกวาดล้างไปแล้ว เหลือเพียงพวกที่อยู่ภายในวิหารเท่านั้น

ชั่วขณะที่เซียวอวี๋เหยียบย่างเข้าสู่เขตวิหาร จู่ๆก็บังเกิดเสียงถอนหายใจดังขึ้น เสียงถอนหายใจนี้ราวกับเป็นเสียงจากต่างมิติที่ส่งผ่านข้ามห้วงมิติและเวลา ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกอึดอัดคับข้อง

สามจ้าวมนตราเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจนี้ก็รู้สึกตื่นตระหนก

“นี่เป็นพลังขอบเขตขั้นที่เจ็ด! ทั้งยังเป็นระดับสุดยอดของขั้นที่เจ็ด! นี่เป็นพลังที่ไม่สมควรมีอยู่บนโลกนี้ หากแต่พลังของพระเจ้า” ชัคคุนพึมพำ ขณะที่เกิดประกายซับซ้อนขึ้นในแววตา

ดูท่าศึกนี้ แม้พวกเขาทั้งสามจะใช้ออกสุดกำลังก็ยังคงยากจัดการเทพโบราณตนหนึ่ง หากแต่ในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งสามอันดับแรกของทวีปแล้ว พวกเขามีแต่ต้องต่อสู้ มิเช่นนั้นทวีปผืนนี้คงถึงคราวอวสานแล้ว

หวังว่าเทพโบราณตนนี้คงไม่ฟื้นกลับมาโดยสมบูรณ์

หากเกิดอะไรขึ้นกับสามจ้าวมนตราแล้วล่ะก็ เรื่องคงเลวร้ายอย่างยิ่ง

ดังนั้นครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรต้องจัดการภัยร้ายนี้ให้ได้

เซียวอวี๋ย่อมทราบถึงความร้ายกาจของอีกฝ่าย และยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล คฑูนเป็นเทพโบราณของพวกเซิก และแน่นอนว่าเป้าหมายของมันคือการทำลายแผ่นดินของมนุษย์ ไม่ว่าหนีไปที่ใดก็หนีพ้น ดังนั้นมีแต่ต้องกำจัดมันให้ได้เท่านั้น

ตอนนี้นับเป็นโอกาสอันดี เพราะหากมันกลับมาจริง มันก็คงฟื้นกำลังมาได้ไม่เท่าไร แต่หากปล่อยไว้พักหนึ่งคงยุ่งยากแล้ว

คิดได้ดังนี้แล้ว เซียวอวี๋ก็กวาดสายตาสำรวจโดยรอบ วิหารอัลคีราฟนี้กว้างใหญ่มาก เมื่อผ่านเข้ามา ทุกคนก็เริ่มที่จะแยกตัวออกไป พวกเขาคิดต่างจากเซียวอวี๋ พวกเขามาที่นี่เพื่อสมบัติของหายาก ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงต่างคนต่างแยกกันไปแสวงหาโชค

ครั้งนี้เซียวอวี๋ไม่รู้สึกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ที่นี่เปลี่ยนแปลงสภาพไปมากจากครั้งอดีตจนยากจะจำแนกเส้นทาง

ดังนั้นเซียวอวี๋จึงทำได้เพียงนำผู้คนเดินทางเปะปะอย่างช้าๆ

ระหว่างทางปรากฏพวกเซิกเข้าโจมตีอยู่หลายครั้ง แต่แน่นอนว่าย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเซียวอวี๋ แมลงเหล่านี้ล้วนแต่อ่อนแอยิ่ง

เวลานี้ขุมกำลังของเซียวอวี๋แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งพลังของตัวเขาเองยังสูงส่ง

กระทั่งแพนด้าเฉินก็เลื่อนระดับจนมีพลังเทียบเท่าขั้นที่ห้าแล้ว พลังต่อสู้ของเขาจึงสูงขึ้นมากจนแทบไม่ด้อยกว่าฮีโร่คนอื่นๆ หากเผชิญหน้าในระดับเดียวกันแล้ว ฮีโร่คนอื่นๆเองก็ยากจะจัดการกับแพนด้าเฉิน

แพนด้าเฉินคือยอดฝีมือระยะประชิด เป็นนักสู้ที่แข้งแกร่งที่สุด

นอกจากนั้นทักษะจิตวิญญาณอัคคีของเขายังทรงพลังมาก เหมาะต่อการกวาดล้างพวกเซิกเป็นกลุ่ม การโจมตีด้วยไฟเป็นดาวข่มของพวกเซิกอย่างแท้จริง

เซียวอวี๋คาดไม่ถึงว่าแพนด้าเฉินจะมีทักษะที่ทรงพลังถึงเพียงนี้

หลังจากสำรวจอยู่เป็นนาน ในที่สุดพวกเขาก็พบอุโมงค์ขนาดใหญ่

เซียวอวี๋กวาดตามองแล้วก็รู้สึกคุ้นตาขึ้นมา ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงแตกหักดังมาจากพื้นดินก่อนที่จะมีแมลงสามตัวโผล่ออกมา พวกมันล้วนแต่มีสีสันแตกต่างจากพวกแมลงปกติ

“มารดามันเถอะ!” เซียวอวี๋ทราบแล้วว่าพวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไร

“พวกมันคือ?” นิโคลัสถามขณะมองไปยังแมลงสามตัวที่เบื้องหน้า เขาขมวดคิ้วพลางรู้สึกถึงลางร้าย แมลงสามตัวนี้ดูแข็งแกร่งอย่างมาก

“ก็แค่แมลงสามตัว ทุกคนเตรียมพร้อม! คาสโซ่เจ้าพยายามดึงความสนใจของเจ้านั่นไว้ ไม่ต้องสนใจอีกสองตัว” เซียวอวี๋หันไปบอกคาสโซ่

คาสโซ่พลันดึงเอาโล่ออกมาเตรียมพร้อมรับมือ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจัง สำหรับเขาแล้ว เกียรติสูงสุดคือการปกป้องเหล่าสหายด้วยชีวิต

“อาจารย์อ้าวปา ท่านช่วยรั้งแมลงตัวนั้น อย่าปล่อยให้พวกมันโจมตีเราได้” เซียวอวี๋มอบหมายแมลงอีกตัวให้อ้าวปาจัดการ

ด้วยความแข็งแกร่งของอ้าวปาแล้ว ศัตรูระดับนี้ยังไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา

อ้าวปาเพียงผงกศีรษะไม่เอ่ยวาจา

เซียวอวี๋เหลือบมองดูดาบในมืออ้าวปา ดาบเล่มนี้เดิมไม่ใช่ของอ้าวปา

ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่เซียวอวี๋พกติดตัวเอาไว้มานาน ตอนอยู่ในมือของเขายังไม่เท่าไร หากแต่เมื่ออยู่ในมืออ้าวปากลับดูเหมาะสมอย่างยิ่ง

หลังจากแบ่งหน้าที่จัดการแมลงทั้งสามแล้ว เซียวอวี๋ก็เตรียมจัดการแมลงตัวที่เหลือ

อันที่จริง ตราบใดที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับคฑูนหรือทูตของคฑูนแล้วล่ะก็ เซียวอวี๋ก็ไม่ได้กังวลมากนัก

หากจ้าวมนตราทั้งสามลงมือ แมลงทั้งสามนี้ย่อมจัดการได้ไม่ยาก แต่เซียวอวี่ต้องการให้ทั้งสามอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดสำหรับรับมือกับคฑูน

ตู้มมมม

มังกรน้อยพุ่งออกตัว ตรงเข้าหาแมลงตัวสุดท้าย ในใจของมันกู่ร้องด้วยความยินดี คู่ต่อสู้ขนาดใหญ่ที่เบื้องหน้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ดูสมน้ำสมเนื้อกับมันอย่างมาก

หากเซียวอวี๋ไม่เอ่ยปากคัดค้านแล้วล่ะก็ มันคงพุ่งเข้าไปลุยเดี่ยวกับอีกฝ่ายตั้งแต่แรก ตอนนี้มังกรน้อยเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในกำลังของมัน มันเชื่อว่าเวลานี้ตนยากจะหาคู่มือที่มีพลังทัดเทียมได้อีก

หลังจากใช้ออกด้วยการฟาดทอนฟา พ่นไฟ ตามด้วยกรงเล็บและหางแล้ว มังกรน้อยก็ชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบ

เวลานี้เอง เวทมนตร์ของหลินมู่เสวี่ย แอนโทนีดาส และคาเอลก็พุ่งเข้าซ้ำจนบังเกิดเสียงดังสนั่น แม้มันจะพยายามปล่อยพิษเหล็กในจากหางตอบโต้ แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์ มันถูกกดดันจนไร้หนทางตอบโต้อย่างสิ้นเชิง

เซียวอวี๋รู้สึกว่านี่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่รังแกเด็กกลุ่มหนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่าแมลงสามตัวนี้แข็งแกร่งเสียจนยากจะจัดการ นี่สมควรเป็นการต่อสู้อันหนักหน่วง ดังนั้นเซียวอวี๋จึงแบ่งหน้าที่อย่างรัดกุม ทว่าเขากลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถึงกับสู้ไม่ได้เลยเช่นนี้

เขาประเมินขุมกำลังของฝั่วตนต่ำไป มังกรน้อยกล่าวถูกต้อง อาศัยพวกเขาหนึ่งคนต่อหนึ่งตัวก็เพียงพอแล้ว ยิ่งเมื่อมีกำลังเสริมอย่างอ้าวปาอยู่ด้วย การต่อสู้ครั้งนี้จึงจบลงอย่างรวดเร็ว นี่เท่ากับว่าเขาขบคิดแผนการอย่างเสียเปล่า

ฟุ่บ ฟุ่บ

กรอมและอิลิดันลงมือเป็นกลุ่มที่สาม ดาบของพวกเขาฟันใส่แมลงเหล็กในจนมันกรีดร้องโหยหวน มันหวาดกลัวและพยายามจะหลบหนี หากแต่ทิศทางที่มันมุ่งไปมีคาร์นพุ่งเข้ามาใช้ขวานจามซ้ำอีกคำรบ…

หลังจากอลอนบรรลุขั้นที่หก พลังของคบเพลิงต้องสาปก้ถูกดึงออกมาใช้ได้มากกว่าเดิม เขาที่พุ่งตามหลังคาร์นมาจึงซ้ำเข้าไปอีกดาบ

เซียวอวี๋ที่เดิมยืนกระชับขวานเตรียมออกลุยพลันตะโกนขึ้นว่า

“เตรียมถอยออกมา เมื่อเจ้านี่ตายลงก็จะปลดปล่อยหมอกพิษออกมาด้วย ระวังอย่าถูกเข้าล่ะ”

แม้ว่าหมอกพิษนี้อาจจะไม่ส่งผลต่อพวกเขาในยามนี้นัก แต่ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า

ได้ยินเสียงเตือนของเซียวอวี๋ พวกที่ต่อสู้ระยะประชิดต่างก็ถอยออกมา นากาที่คอยท่าอยู่ก่อนแล้วจึงลงมือปิดฉาก ลูกธนูของนากาพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะปักใส่แมลงเหล็กในจนร่างของมันถูกตรึงไว้กับพื้น

“ท่านย่ามันเถอะ นากาบรรลุขั้นที่หกแล้ว!” เซียวอวี๋ตื่นเต้นยินดี เขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะเรียบง่ายถึงเพียงนี้

หลังแมลงเหล็กในตาย หมอกพิษสีเขียวก็ค่อยๆลอยออกมาจากศพของมัน หากสัมผัสถูกพิษนี้แล้วล่ะก็ผลลัพธ์คงยากจะเอ่ย

“จัดการตัวนั้นต่อเลย!” เซียวอวี๋ออกคำสั่ง เป้าหมายคือแมลงที่กำลังต่อสู้อยู่กับคาสโซ่ อาศัยคาสโซ่เพียงคนเดียวย่อมยากจะจัดการอีกฝ่าย ส่วนสถานการณ์ทางด้านของอ้าวปานั้นกลับผ่อนคลายยิ่ง อ้าวปาตวัดดาบอย่างเรียบง่ายไม่กี่ดาบก็กดดันแมลงตัวนั้นต้องถอยแล้วถอยอีก แม้เซียวอวี๋ไม่เข้าไปช่วย แต่แมลงตัวนั้นคงยากจะมีชีวิตรอดแล้ว

ราชครูแห่งเมฆานับว่าแข็งแกร่งจนน่ากลัวจริงๆ

ภายใต้การสั่งการของเซียวอวี๋ แมลงคู่ต่อสู้ของคาสโซ่ก็ถูกรุมจนสิ้นสภาพ

แมลงตัวนี้เป็นแมลงนางพญา กระนั้นมันกลับได้แสดงฝีมือได้เพียงไม่กี่ท่าก็ถูกรุมสับสังหารอย่างโหดร้าย

หลังแมลงนางพญาตายลงก็มีแมลงตัวเล็กๆวิ่งออกมาจากร่างกายของมัน ทว่าแมลงพวกนั้นเมื่อออกมาต่างก็รีบแยกย้ายกันหลบหนีอย่างหวาดกลัวทันที

ตอนนี้เหลือเพียงแมลงทางฝั่งของอ้าวปาแล้ว ทุกคนต่างพุ่งเข้าใส่แมลงผู้โชคร้ายทันที

แมลงสีสันประหลาดสามตัวนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถูกกำจัดไป ทุกอย่างช่างเรียบง่าย ยามต่อสู้กับออสซิเดี้ยนไร้ต้านยังลำบากกว่า

นับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ คนของนิโคลัสยังไม่ได้ลงมือเลย พวกเขาทำได้เพียงยืนดูอยู่ด้านข้าง

“เหอเหอ น่าเสียดายซะจริง เดิมข้าคิดจะใช้ขุมกำลังของเจ้าเสียหน่อย ไม่คิดว่าแมลงพวกนี้จะอ่อนแอยิ่ง” เซียวอวี๋ยิ้มกล่าวกับนิโคลัส

“เหอะ เจ้าแค่กลัวว่าข้าจะแย่งชิงของจากศพพวกมัน” นิโคลัสแค่นเสียง

“โอ้ นิโคลัสสหายข้าช่างแสนรู้จริงๆ” เซียวอวี๋ยิ้มกว้าง

“เอาล่ะ ข้างหน้ายังมีอีกหลายที่ แมลงทั่วไปย่อมไม่เป็นปัญหา ถือเสียว่าไปกวาดทรัพย์ก็แล้วกัน” เซียวอวี๋ยกขวานขึ้นพาดบ่ามีท่าทางคล้ายขุนโจรผู้หนึ่งกำลังจะนำสมุนออกปล้นชิง

ด้วยเหตุนี้กองกำลังของพวกเขาจึงเดินหน้ากวาดสมบัติอย่างต่อเนื่อง

ยามเมื่อพบคนกลุ่มอื่น เขาก็จะขี่มังกรน้อยขึ้นหน้าก่อนจะ ‘เจรจา’ อย่างสุภาพกับอีกฝ่ายด้วยการท้าอีกฝ่ายสู้กับมังกรน้อย

คนเหล่านี้ย่อมเดือดดาล แต่ภายใต้กฏผู้ใดกำปั้นใหญ่กว่าผู้นั้นได้ครอบครองแล้ว พวกเขาก็ได้แต่นิ่งเงียบก่อนจะจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เซียวอวี๋นำกองทัพวิ่งไปทั่ว เมื่อพบเจอศัตรูที่แข็งแกร่งหน่อย เขาก็โบกมือให้ลูกน้องรุมโจมตีก่อนจะเดินหน้าหาสมบัติต่อไป

หากกำจัดคฑูนและจับมันแยกส่วนได้แล้ว เขาก็จะได้กลับไปช่วยโถวปาหงเสียที

พวกเซียวอวี๋เดินทางได้พักใหญ่ จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางเบื้องหน้า เป็นเสียงตะโกนของคน “หนี! หนีเร็ว เจ้านี่แข็งแกร่งเกินไป อ๊ากก……”