ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
“เกิดอะไรขึ้น?” เซียวอวี๋เอ่ยถามพวกที่วิ่งหนีมาจากทางด้านหน้า
“มีมนุษย์แมลงสองตัวกำลังเข่นฆ่าพวกเรา! ไม่มีผู้ใดต่อต้านได้เลย” หนึ่งในคนที่วิ่งหนีมาตะโกนตอบ
“บัดซบ เป็นจักรพรรดิคู่” เซียวอวี๋โพล่งออกมา
ศัตรูครานี้นับว่าไม่ง่ายเลย
“ไปกันเถอะ” คิดถึงศัตรูที่เบื้องหน้าแล้ว เซียวอวี๋ก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา จักรพรรดิคู่นับเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งแห่งโลกวอคราฟ
เซียวอวี๋นำทั้งหมดค่อยๆเดินตรงไป
หลายคนที่เดิมทีกำลังหลบหนี เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่คือพวกเซียวอวี๋ก็พลันเปลี่ยนใจติดตามอยู่ด้านหลัง
ขุมกำลังของเซียวอวี๋นับว่าเข้มแข็งที่สุดในนี้ อีกทั้งยังมีจ้าวมนตราทั้งสามอยู่ในขบวน พวกเขาทราบว่าพวกเซียวอวี๋เตรียมจะปะทะแตกหักแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็เลือกที่จะติดตามไปชมดูความสนุกสนาน แม้จะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด กระนั้นพวกเขาก็ยังได้เปิดหูเปิดตา ทั้งยังมีเรื่องราวกลับไปเล่าในวงเหล้า
เมื่อเซียวอวี๋มาถึงห้องโถงที่จักรพรรดิคู่เฝ้ารักษา พวกเขาก็พบว่าที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายกำลังโอบล้อมห้องโถงเอาไว้อยู่
ในกลุ่มคนเหล่านี้ก็มีลีโอนาโดและร็อบอยู่ด้วย พวกเขากำลังเฝ้าดูอยุ่ด้านข้าง หากไม่ยอมลงมือ จักรพรรดิคู่แข็งแกร่งยิ่ง พวกมันเข่นฆ่าจนกองกำลังมนุษย์ล้มตายดุจใบไม้ร่วง
เมื่อเซียวอวี๋ได้เห็นจักรพรรดิคู่ เขาก็เงียบไป จักรพรรดิคู่ในตอนนี้นับว่าแตกต่างจากครั้งอดีตมาก จักรพรรดิคู่ในตอนนี้มีร่างกายใหญ่โต ตัวหนึ่งถือดาบตัวหนึ่งถือคทา ร่างกายล้วนเป็นสีทองทั้งร่างราวกับเทพเกราะทองเฝ้าทวารบาล
ดาบในมือของมันใหญ่เสียจนราวกับสามารถสับมังกรน้อยได้ในดาบเดียว
แต่แน่นอนว่าเป็นมังกรน้อยตัวก่อน เวลานี้มังกรน้อยได้พัฒนาไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ความแข็งแกร่งของมังกรน้อยได้บรรุลถึงขีดขั้นใหม่ แม้ว่าอาจจะเอาชนะพวกมันไม่ได้ แต่พวกมันเองก็จัดการมังกรน้อยไม่ได้เช่นกัน
การเติบโตของมังกรน้อยนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ขุมกำลังของเซียวอวี๋เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากไม่มีการพัฒนาของมังกรน้อย ต่อให้ฮีโร่คนอื่นๆบรรลุขอบเขตขั้นที่หกกันหมด นั่นก็ยังไม่ให้ผลเท่ากับมังกรน้อยพัฒนาขึ้นเพียงตัวเดียว
มังกรน้อยนับว่าแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆอย่างสุดขั้ว
“จะจัดการเจ้าสองตัวนั่นได้อย่างไร?” นิโคลัสมองดูจักรพรรดิคู่ ในใจของเขาทราบว่าอีกฝ่ายนั้นยากจะจัดการ
เซียวอวี๋พึมพำอย่างไร้หนทาง “ปะทะตรงๆ แต่อย่างไรเสียพวกมันก็มีเพียงสอง พวกเราได้เปรียบด้านจำนวน”
นิโคลัสกลอกตา สำหรับศึกอันโหดหิน เลี่ยงได้ก็ดี เลี่ยงไม่ได้ก็มีแต่ต้องลุยเข้าไปตรงๆ
“ทุกคนฟังให้ดี! ตอนนี้พวกเราต้องช่วยกันจัดการเจ้าสองตัวนั้น ใครที่ร่วมมือกับพวกข้าก็สามารถแบ่งผลประโยชน์ไป หากไม่ช่วยก็เพียงดูอยู่ด้านข้าง อย่าได้เข้ามาวุ่นวาย มิเ่ชนนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคาย แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนว่า ในกลุ่มของข้ามีจ้าวมนตราผู้ยิ่งใหญ่สามท่านสถิตย์อยู่ ทั้งสามคือ ท่านธีโอดอร์ ท่านชัคคุน และท่านเฟอร์กูสัน หากว่าพวกเจ้าสร้างปัญหา ผู้อาวุโสทั้งสามคงไม่พอใจอย่างมาก แล้วจะเกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ? ผลที่ออกมาคงเลวร้ายเกินดูชม!”
เซียวอวี๋ตะโกนไปทางฝูงชนที่ปิดล้อมที่นี่อยู่ ขณะที่สั่งให้กองทัพของเขาเตรียมตัว
ได้ยินวาจาของเซียวอวี๋ ฝูงชนก็หันไปแลกเปลี่ยนสายตากัน ครั้งนี้อาจเป็นได้ทั้งโอกาสร่ำรวยหรือหายนะของพวกเขา แต่หากตกตายที่นี่ก็ไม่คุ้มแล้ว ไม่สู้ไปหาเล็กหาน้อยเอาข้างหน้า
“ข้าขอร่วมด้วย!”
“ข้าด้วย!”
มีบางคนรีบตะโกนขอเข้าร่วม ขระที่หลายคนกำลังต่อสู้กับความขัดแย้งในใจ
เซียวอวี๋กวาดมองกลุ่มคนที่ขอเข้าร่วมด้วยก่อนจะพยักหน้า “ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะตายหรือรอด ข้าก็จะจ่ายส่วนให้พวกเจ้าหรือครอบครัวของพวกเจ้า หากข้าผิดคำพูด พวกเจ้าสามารถไปก่นด่าข้าที่ดินแดนไลอ้อนได้เลย!”
เซียวอวี๋กล่าวมอบหลักประกันแก่ผู้เข้าร่วม ให้พวกเขาได้ต่อสู้โดยปราศจากความกังวล
เมื่อเซียวอวี๋กล่าวเช่นนี้ก็มีผู้คนเข้าร่วมมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าสองตระกูลใหญ่อย่างลีโอนาโดและร็อบย่อมไม่ยอมอยู่ใต้คำสั่งของเซียวอวี๋
พวกเขาเกลียดชังเซียวอวี๋เข้ากระดูกดำ ย่อมไม่ให้ความร่วมมือ
แน่นอนว่าเซียวอวี๋ย่อมทราบความคิดของพวกเขา ดังนั้นจึงหันไปกล่าวกับธีโอดอร์ที่อยู่ด้านข้างอยู่หลายคำ
ธีโอดอร์พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นกวาดมองโดยรอบ “ทุกคน ขอบคุณสำหรับการมีส่วนร่วมปกป้องทวีปแห่งนี้ พวกเราฟันฝ่าเข่นฆ่าพวกแมลงจนมาถึงที่นี่ สำหรับเจ้าสองตัวข้างหน้า ผู้ที่มีส่วนร่วมจึงจะสามารถร่วมแบ่งปันผลประโยชน์ หากผู้ใดคัดค้านไม่เข้าร่วมแล้วยังสร้างปัญหา ถึงตอนนั้นก็ยังได้ตำหนิเราสามผู้เฒ่าลงมือโหดเหี้ยม พวกข้าจะให้คนเหล่านั้นสำนึกเสียใจไปชั่วชีวิต”
คำกล่าวนี้เห็นได้ชัดว่ามุ่งเน้นไปที่ลีโอนาโดและร็อบ ได้ยินวาจาของธีโอดอร์ แววตาของลีโอนาโดและร็อบก็ปรากฏความโกระแค้นขึ้นวูบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่กล้าเป็นศัตรูกับสามจ้าวมนตราพร้อมกัน
พลังอำนาจที่อาวุโสทั้งสามสำแดงใส่พวกเซิกก่อนหน้าได้ประทับแน่นในใจของคนทั้งหมด พวกเขาทราบดี หากว่าไปตอแยกับจ้าวมนตราทั้งสามแล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงวันพรุ่ง
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเถอะ ให้ข้าบอกวิธีจัดการกับพวกมันก่อน ข้อแรก ห้ามให้พวกมันได้อยู่ใกล้กัน เพราะเมื่อพวกมันทั้งสองอยู่ใกล้กันแล้วล่ะก็ พวกมันจะสามารถฟื้นฟูพลังให้กันและกันได้ ข้อที่สอง พวกมันตัวหนึ่งมีความสามารถต้านทานเวทมตร์ ขณะที่อีกตัวต้านทานกายภาพ และผ่านไประยะหนึ่งความสามารถของพวกมันจะสลับกัน ข้าขอย้ำว่าศึกนี้มีพวกเจ้ามีแต่ต้องลุยเข้าไป ที่เหลือข้าจัดการเอง เข้าใจแล้วหรือไม่?”
เซียวอวี๋อธิบายความสามารถของจักรพรรดิคู่เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียให้ได้มากที่สุด หากไม่ทราบแม้กระทั่งความสามารถของศัตรู เช่นนั้นยามต่อสู้กันขึ้นมาคงเลวร้ายยิ่ง
ได้ยินคำกล่าวของเซียวอวี๋ ทุกคนก็ตะโกนขานรับ พวกเขาวางใจให้เซียวอวี๋บัญชาการ อย่างน้อยผู้บัญชาการคนอื่นๆก็ไม่ทราบความสามารถจักรพรรดิคู่เช่นเขา
“เอาล่ะ ทุกคนมาตรงนี้ ข้าจะแบ่งหน้าที่ให้” เซียวอวี๋เรียกกลุ่มคนที่เข้าร่วมมาใกล้ๆก่อนจะเริ่มจัดสรรหน้าที่
แน่นอนว่าพวกร็อบและลีโอนาโดย่อมไม่มา
อันที่จริง การจัดการจักรพรรดิคู่นั้นไม่ได้ยากเย็นดังที่ทุกคนคิด เพียงแบ่งสรรหน้าที่กันให้ดีก็พอแล้ว
เวลานี้ในมือของเซียวอวี๋มีกำลังคนเพิ่มขึ้นมาก นั่นยังไม่รวมยอดฝีมือของนิโคลัสและกลุ่มอื่นๆ ยังไม่เอ่ยถึงว่าในห้วงเวลาสำคัญ สามจ้าวมนตรายังปลดปล่อยเวทช่วยได้
หลังแบ่งสรรหน้าที่กันเสร็จเรียบร้อย เซียวอวี๋ก็รีบนำคนมุ่งหน้าเข้าหาจักรพรรดิคู่ไม่ให้เสียเวลา มังกรน้อยบินไปรวมกับเหล่าฮีโร่ มังกรน้อยมีความต้านทานเวทมนตร์สูง จักรพรรดิย่อมทำอะไรมันไม่ได้มาก ส่วนทางด้านจักรพรรดิดาบ อ้าวปาและนักรบระดับสูงคนอื่นๆรับไปจัดการ
“พวกเจ้ากล้าบุกรุกวิหารอัลคีราฟ พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เมื่อเห็นพวกเซียวอวี๋กรูกันเข้ามา จักรพรรดิคู่ก็คำรามอย่างเดือดดาล
‘มารดามันเถอะ ประโยคเดิมตลอด พวกมันไม่รู้จักพูดประโยคอื่นบ้างเลยหรือ’ เซียวอวี๋ฟังประโยคนี้จนเบื่อ
คิดว่ากล่าวประโยคนี้แล้วจะดูน่าเกรงขาม? กล่าวแล้วผู้อื่นจะหวาดกลัวแล้วหลบหนีไปหรือ?
เคร้งงงง
เมื่อทอนฟาของมังกรน้อยถูกฟาดออก การศึกก็ปะทุขึ้น
ทุกอย่างแตกต่างจากที่เซียวอวี๋คิด เขาพบว่ากองกำลังของเขากำลังบุกโจมตีอย่างดดุดันจนจักรพรรดิคู่ต้องคำรามอย่างเจ็บปวด พวกมันได้แต่ตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว
“ท่านย่ามันเถอะ ทำไมคนเหล่านี้แข็งแกร่งขนาดนี้ ต่อสู้กับบอสแข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิคู่กลับกดดันจนพวกมันแทบไร้หนทางตอบโต้”
เซียวอวี๋เลียริมฝีปากขณะมองดูสนามรบทั้งสองแห่ง ความกดดันก่อนหน้าพลันสลายหายไปจนสิ้น เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นานก็กำจัดจักรพรรดิคู่ลงได้แล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไฉนพวกมันจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้? ข้าคิดว่าพวกมันจะโหดกว่านี้ซะอีก” เซียวอวี๋พึมพำขณะมองดูจักรพรรดิคู่ที่มีสภาพย่ำแย่ลงเรื่อยๆจนแทบไม่เหลือมาดบอสจักรพรรดิคู่สุดโหดจากในเกม
‘ตอนนั้นเอาชนะพวกมันได้โดยบังเอิญ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกล้มเหลว’ เซียวอวี๋รู้สึกหดหู่จนพูดไม่ออก