ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“ผู้อาวุโสทั้งสาม พวกท่านอย่าได้ประมาทเด็ดขาด แม้ที่ผ่านมาจะฝ่ายศัตรูจะดูเหมือนอ่อนแอมาก แต่หลังประตูบานนี้ไปจึงจะเป็นของจริง” เซียวอวี๋กล่าวกับสามจ้าวมนตรา

จ้าวมนตราทั้งสามพยักหน้า แม้ว่าบอสสองตัวด้านหน้าจะอ่อนแอกว่าที่คาด แต่ตัวที่อยู่ด้านหลังบานประตูไปคงไม่อ่อนแอเช่นนี้อีก

แม้จักรพรรดิคู่จะพยายามตีฝ่าวงล้อมอยู่หลายครั้ง แต่พวกมันก็ถูกบีบกลับเข้าวงอย่างรวดเร็ว ยังมีสามจ้าวมนตราที่ใช้เวทหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมัน ดังนั้นการจะตีฝ่าวงล้อมไปจึงยากเย็นดุจปีนป่ายขึ้นสวรรค์

สามจ้าวมนตราหลังจากใช้เวทไปสองสามบทก็พลันมีสีหน้ายินดี

“ข้ารู้สึกว่าข้าเข้าใกล้ไปอีกก้าวแล้ว” เฟอร์กูสันกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ใช่ ข้าก็ด้วย เหมือนว่าหลังจบเรื่องที่นี่ บางทีข้าอาจจะบรรลุขอบเขตขั้นที่เจ็ด!”

“ขอบเขตขั้นที่เจ็ด….ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้”

มือของทั้งสามสั่นด้วยความตื่นเต้น ใช้เวทไปไม่กี่บทก็เห็นความเปลี่ยนแปลงแล้ว แม้ภายนอกจะดูไม่มีอะไรต่างจากของเดิม หากแต่ภายในแทบจะไม่หลงเหลือเค้าเดิมแล้ว ทั้งอานุภาพของเวทยังรุนแรงขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว

เวทบทเดิม แต่พลังเพิ่มขึ้น นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความก้าวหน้า!

ตู้มมมมมม

เมื่อสามจ้าวมนตราลงมือ จักรพรรดิเวทที่ต้านทานกายภาพก็จบสิ้น

หากพวกมันตัวใดตัวหนึ่งถูกเล่นงาน อีกตัวก็สามารถรักษาให้กันได้จนแทบจะไร้เทียมทาน

ทว่าตอนนี้พวกมันตายไปตัวหนึ่ง ตัวที่เหลือก็ง่ายแล้ว ฝ่ายเซียวอวี๋ใช้เวลาไม่นานก็ส่งจักรพรรดิดาบตามพี่น้องของมันไป

เมื่อจักรรพรรดิล้มคว่ำลง เสียงตะโกนด้วยความยินดีก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ

“ท่านย่ามัน ง่ายดายราวกับมาพร้อมปาร์ตี้เลเวลแปดสิบ นี่มันผู้ใหญ่รังแกเด็กชัดๆ โดยเฉพาะกับตาแก่สามคนนั่น น่าจะราวเลเวลเก้าสิบได้ ปรมาจารย์อ้าวปาก็ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียง ทว่าคฑูนคงไม่ง่ายเช่นนี้แน่”

เซียวอวี๋ไม่คิดว่าการจัดการบอสทั้งสองตัวจะราบรื่นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงจริงๆ

ดาบและคทาเวทที่ไร้เจ้าของร่วงตกลงพื้นก่อนที่ขนาดของมันจะค่อยๆหดเล็กลง

เจ้าของเดิมของพวกมันมีร่างกายใหญ่โต ดังนั้นทั้งดาบและคทาเวทจึงมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย แต่เมื่อเจ้าของทั้งสองตกตาย อาวุธวิเศษทั้งสองก็ปรับขนาดให้เข้ากับผู้ที่สังหารนายเก่าของพวกมันได้

เซียวอวี๋เดินเข้าไปหยิบดาบขึ้นส่องดู จิตพยาบาทของคาริมดอร์ คือชื่อของดาบเล่มนี้ แน่นอนว่าดาบเล่มนี้เป็นดาบสองมือชั้นยอดแห่งยุค มีดาบเล่มนี้อยู่ย่อมเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้ได้อย่างมหาศาล

“เอาล่ะ ถึงเวลาแบ่งของกันแล้ว ทุกคนเริ่มเสนอราคาได้!” เซียวอวี๋หันไปตะโกนบอกฝูงชน

หลังจากผ่านการต่อสู้เมื่อครู่ ทุกคนก็ได้รับทราบความร้ายกาจของดาบเล่มนี้ไปแล้ว พวกเขาต่างจับจ้องดาบในมือเซียวอวี๋แน่นิ่ง ไฟปรารถนาในใจพลันลุกโชน เหล่านักรบต่างก็หวังจะครอบครองดาบวิเศษเล่มนี้

หลายฝ่ายเริ่มเสนอราคากันทันที ไม่ช้าราคาก็สุงเทียมฟ้า แต่ทุกคนต่างก็ทราบว่าดาบเล่มนี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าในอนาคต ดังนั้นต่างฝ่ายต่างก็ทุ่มเงินออกมาอย่างไม่มีใครยอมใคร

เวลานั้นเอง ลีโอนาโดก็เสนอราคาขึ้นไปอีกช่วงใหญ่

เซียวอวี๋หันไปมองกลุ่มของลีโอนาโดก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ผู้ที่ไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ย่อมไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล”

“เจ้า!….” ลีโอนาโดเดือดดาล แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของจ้าวมนตราทั้งสามที่จ้องมองมา เขาก็เลือกที่จะเงียบเสียงลง

ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น เซียวอวี๋ได้ประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว เมื่อมีสามจ้าวมนตราทั้งสามเป็นพยาน เขาย่อมไม่กังวลว่าจะมีคนก่อความวุ่นวายขึ้น

“ตอนนี้สามสิบล้านเหรียญทองแล้ว ข้าขอเสนอราคาที่สี่สิบล้านเหรียญทอง!” เซียวอวี๋ตะโกนด้วยเสียงอันดัง

เมื่อได้ยินราคาประมูลของเซียวอวี๋ บ้างก็หันไปมองหน้ากัน บ้างก็เงียบเสียงลง พวกเขาต่างทราบดีว่าที่นี่เซียวอวี๋ถือเป็นเศรษฐีใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็เทียบความร่ำรวยกับเขาตอนนี้ได้

แต่อย่างไรเสีย รับเงินจำนวนมากก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี เป้าหมายของการผจญภัยไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งหรอกหรือ?

เซียวอวี๋ยิ้มพลางนำดาบจิตพยาบาทของคาริมดอร์เก็บเข้าแหวนมิติ ในที่สุดขวานพรากวิญญาณก็จะได้ปลดประจำการแล้ว เซียวอวี๋ตอนนี้อยู่ในขั้นที่หก ดาบสองมือเล่มนี้จึงเหมาะกับเขามาก

หลังจบการประมูลของดาบสองมือแล้ว คทาเวทก็เป็นของประมูลชิ้นที่สอง และคทาด้ามนี้เซียวอวี๋ก็คิดจะครอบครองให้ได้เช่นกัน ตอนนี้ภรรยาของเขาหลินมู่เสวี่ยก็อยู่ในขั้นที่หกแล้ว หากแต่ยังไม่มีคทาเวทดีๆไว้ใช้

เมื่อได้ยินว่าจะประมูลคทาเวท สามจ้าวมนตราก็พลันลุกขึ้นก่อนจะกล่าวพร้อมกันว่า “เซียวอวี๋ คทาด้ามนี้ พวกเราทั้งสามก็ต้องการประมูลเช่นกัน”

“เพ้ย! ผู้อาวุโสเช่นพวกท่านกลับคิดลงมาปล้นชิงกับพวกเราเหล่าผู้เยาว์หรือ?” เซียวอวี๋โวยวาย หากสามคนลงมาประมูล เช่นนั้นแล้วใครยังจะกล้าเสนอราคาแย่งกับพวกเขาอีกเล่า?

“ไร้สาระ เจ้าคิดว่าของสิ่งนี้คืออะไร? คทาดีๆเช่นนี้แม้แต่พวกเราก็ยากจะครอบครอง อีกทั้งเวลานี้พวกเรายังใกล้จะตัดผ่านขอบเขตขั้นที่เจ็ด คทาเวทด้ามนี้จึงเหมาะกับพวกเรายิ่ง”

ธีโอดอร์กล่าวเสียงเรียบ

สิ่งที่ธีโอดอร์กล่าวนั้นเป็นความจริง แม้ว่าด้วยฐานะของพวกเขาจะไม่ขาดแคลนสิ่งของดีๆ ทว่าสถานที่เช่นวิหารอัลคีราฟนี้ไม่ใช่ว่าจะพบเจอง่ายๆ บางทีนี่อาจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ได้พบสถานที่และของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ แล้วมีหรือที่พวกเขาจะอดใจไหว?

“ให้ตายเถอะ พวกท่านทั้งสามกลับไม่เห็นค่าพวกเราเหล่ารุ่นเยาว์เลย ในยุคของพวกเรารุ่นเยาว์ พวกท่านเหล่าผู้อาวุโสกลับลงมาแย่งชิงกับพวกเรา นอกจากนั้น หากพวกท่านได้มันไปครอบครอง พวกท่านจะไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ? ภรรยาของข้า ศิษย์ของพวกท่านมู่เสวี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับนาง แต่พวกท่านกลับไร้ยางอายลงมือแย่งชิงสิ่งของจากศิษย์ของพวกท่านไปหรือ? อีกทั้งตอนนี้มู่เสวี่ยยังได้รับสืบทอดมรดกจากท่านเอกวินน์ นางเปรียบได้กับอาจารย์ของพวกท่าน นี่หมายความพวกท่านกล้ากระทั่งแย่งชิงของของอาจารย์เลยนะ….”

เซียวอวี๋พูดน้ำไหลไฟดับจนจ้าวมนตราทั้งสามนิ่งอึ้งไป

จ้าวมนตราทั้งสามนิ่งอึ้ง ฝูงชนก็นิ่งอึ้ง นี่มันวาจาผีสางอันใด? กระทั่งกับจ้าวมนตราก็กล้ากล่าวเช่นนี้หรือ? หรือเจ้าไม่รู้ว่าทั้งสามมีฐานะใดในทวีป? ทั้งสามเปรียบได้กับเทพเจ้าเลยนะ! แต่เจ้าหนูนี่กลับกล้าจาบจ้วงเทพเจ้า….

“เจ้า!….เฮ้อ เอาเถอะ พวกเราไม่แย่งชิงกับเจ้าแล้ว….” ธีโอดอร์ทนรับฟังคำตำหนิจากเซียวอวี๋ไม่ไหวแล้ว แต่ที่เซียวอวี๋กล่าวมาก็ถูก พวกเขาสมควรแย่งชิงสิ่งของจากศิษย์หรือ?

หลินมู่เสวี่ยที่รับสืบทอดพลังของเอกวินน์มาก็เปรียบได้กับร่างจุติใหม่ของเอกวินน์ พวกเขาย่อมไม่อาจแย่งชิงกับนาง

ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงได้ปิดปากเงียบอย่างปวดใจ

เซียวอวี๋ที่หน้านิ่วคิ้วขมวดพลันฉีกยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ข้าทราบอยุ่แล้วว่าผู้อาวุโสทั้งสามย่อมไม่ลงมาแย่งชิงสิ่งของกับผู้เยาว์ เอาล่ะ ข้าขอบอกต่อทุกคนว่า ผู้อาวุโสทั้งสามได้ยกคทาด้ามนี้ให้ข้าแล้ว! พวกเรามีผู้ใดมีความเห็นหรือไม่? พวกเจ้ายังต้องการอีกหรือไม่? ข้ายังมีเงินเหลืออีกสี่สิบล้านเหรียญทอง ดังนั้นข้าเสนอราคาเดียวกับดาบเมื่อครู่”

ได้ยินวาจาของเซียวอวี๋ ทุกคนก็หันไปมองหน้ากัน พิจารณาขุมกำลังของเซียวอวี๋แล้ว พวกเขาก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่เอ่ยวาจา กระทั่งแม้ว่าเซียวอวี๋จะเก็บคทาเข้ากระเป๋าไปโดยไม่บอกพวกเขา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้ เซียวอวี๋มีขุมกำลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร เขาเองยังอยู่ในขั้นที่หกและมีสามจ้าวมนตราคอยหนุนหลัง เช่นนี้แล้วยังจะมีผู้ใดกล้ามีความเห็นคัดค้านได้อีก?

ด้วยเหตุนี้ เซียวอวี๋จึงจ่ายอีกสี่สิบล้านเหรียญเพื่อซื้อคทา อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องแจกจ่ายเงิน เซียวอวี๋ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน เพราะอย่างไรน่ะหรือ? เพราะการกำจัดศัตรูครั้งนี้ พวกเซียวอวี๋ลงแรงมากที่สุด! กล่าวได้ว่าผลงานการสังหารกว่าครึ่งล้วนมาจากพวกเซียวอวี๋ และเมื่ออิงตามสัดส่วนนี้ เซียวอวี๋ย่อมได้เงินไปครึ่งหนึ่ง และสุดท้ายแล้ว เซียวจึงจ่ายออกไปเพียงยี่สิบล้านเหรียญทอง

ทุกคนต่างก็ไม่มีความเห็นอื่น อย่างไรเสียพวกเซียวอวี๋ก็มีผลงานมากที่สุดจริงๆ หากปราศจากพวกเซียวอวี๋ ไม่ทราบว่าจะมีผู้คนตกตายมากเพียงใดในศึกนี้ และบางทีพวกเขาอาจจะกำจัดจักรพรรดิคู่ไม่สำเร็จอีกด้วย

เซียวอวี๋ยิ้มอย่างเบิกบานก่อนจะเริ่มเปิดประมูลสิ่งของชิ้นอื่นๆ หลังจากแบ่งสรรเงินกันได้แล้ว เขาก็เดินไปหาหลินมู่เสวี่ยก่อนจะส่งคทาเวทให้นาง

หลินมู่เสวี่ยพลันหน้าแดง เซียวอวี๋กล่าวตำหนิผู้อาวุโสทั้งสามยกใหญ่เพื่อนำคทานี้มาให้นาง ในใจของนางย่อมสัมผัสได้ถึงความรักที่เซียวอวี๋มอบให้

หลังจากจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้น ทุกคนต่างก็พอใจในผลลัพธ์ เซียวอวี๋กระทำตามคำที่กล่าวไว้ ไม่ได้เอาเปรียบผู้คน

ทุกคนเริ่มค้นบริเวณนี้อีกครั้ง ในใจหวังจะพบสมบัติอีกสักชิ้น

หลังจากค้นไปถึงห้องด้านหลัง พวกเขาก็พบกองสมบัติ!

กลับกลายเป็นว่าพวกเซิกมีนิสัยชอบสะสม ครั้งนี้เซียวอวี๋ก็ก้าวออกมาประกาศต่อหน้าฝุงชนอีกครั้ง “แบ่งตามความแข็งแกร่ง!”

เซียวอวี๋เก็บไว้หนึ่งส่วนสาม อีกส่วนให้นิโคลัส ขณะที่ส่วนสุดท้ายให้นักผจญภัยไปแบ่งกันเอง

นิโคลัสกรอกตาเมื่อเห็นการแบ่งของเซียวอวี๋ แต่เขาก็บ่นอะไรไม่ได้ เพราะเซียวอวี๋มีสามจ้าวมนตราหนุนหลังอยู่

เซียวอวี๋เมินเสียงโอดครวญจากพวกนักผจญภัยอย่างสิ้นเชิง ขณะที่พวกลีโอนาโดและร็อบก็ไม่ได้อะไรอีกเช่นเคย พวกเขาทำได้ก่นด่าสาปแช่งเซียวอวี๋อยู่ในใจ

ตอนนี้พวกเขาแตะต้องเซียวอวี๋ไม่ได้ เป็นศัตรูกับเซียวอวี๋ตอนนี้ก็เท่ากับเป็นศัตรูของสามจ้าวมนตรา

กระนั้นพวกนักผจญภัยก็ยังพอใจที่ได้ส่วนแบ่ง หากเซียวอวี๋โหดเหี้ยมกว่านี้ พวกเขาคงไม่ได้อะไรเลย

หลังจากแบ่งของเสร็จสิ้น ทุกคนก็เดินทางต่อ เซียวอวี๋ชื่นชอบดาบเล่มใหม่มากจนเอาขึ้นมาพาดบ่าอวดสายตาผู้คนบ่อยครั้ง ท่าทีนี้ต่างทำให้ผู้คนรู้สึกไร้คำพูด

นี่มันไม่ต่างอะไรจากเด็กได้ของเล่นใหม่!

เซียวอวี๋ไม่สนใจท่าทีของผู้คน ยิ่งกว่านั้นยังจงใจยกดาบขึ้นลูบบ่อยขึ้น

หลังจากเดินทางอยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็เข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่ที่มีดวงตายักษ์อยู่กึ่งกลางถ้ำ!