ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 572
“มารดามันเถอะ! เป็นเทพโบราณที่หน้าตาอัปลักษณ์จริงๆ” เซียวอวี๋สบถขณะมองไปยังดวงตาขนาดใหญ่ที่เบื้องหน้า ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้เสียที
“เอาล่ะ พวกเรายังใช้กฏเดิม การแบ่งของจะแบ่งตามผลงาน!” เซียวอวี๋หันไปตะโกนบอกกลุ่มด้านหลัง
หลังจากเหตุการณ์จัดการจักรพรรดิคู่ ทุกคนก็ไม่มีความเห็นคัดค้านเรื่องที่เซียวอวี๋จะเป็นผู้นำในการต่อสู้อีก
สามจ้าวมนตรายืนอยู่ฝ่ายเซียวอวี๋ ตัวเซียวอวี๋เองยังมีทั้งความแข็งแกร่งและความยุติธรรมในการแบ่งของ ดังนั้นเซียวอวี๋จึงเหมาะในการเป็นผู้สั่งการมากที่สุด
โฮก……..
ขณะที่เซียวอวี๋กำลังกวาดมองการตอบสนองของทุกคนด้วยความพึงพอใจนั้นเอง เสียงคำรามอันทรงพลังก็ดังมาจากทิศทางที่ดวงตาของคฑูนอยู่
คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่พุ่งออกมาจนพื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น
นอกจากเสียงคำรามแล้วยังมีลำแสงทรงพลังพุ่งตามติดคลื่นพลังตรงเข้าใส่กลุ่มของเซียวอวี๋อย่างรวดเร็ว
“บัดซบ! หลบเร็ว!” เซียวอวี๋ตะโกนพลางพุ่งหลบไปด้านข้าง
กระนั้นหลายก็คนก็ตอบสนองได้ช้าเกินไป คนที่หลบไม่ทันต่างถูกลำแสงกลืนกินก่อนจะหายไปจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
“มารดามันเถอะ เจ้าหาเรื่องเองนะ!” เซียวอวี๋พลันโมโหเมื่อเห็นกำลังฝ่ายตนตกตายไปมากมายในชั่วพริบตา
เทพโบราณตนนี้แข็งแกร่งเสียจริง
“ระวังอย่าโดนแสงนั่น! หากโดนเข้าไป ต่อให้เป็นขั้นที่เจ็ดก็ไม่รอด!” เซียวอวี๋ตะโกนเตือนเสียงดังก่อนจะเรียกดาบคาริมดอร์ออกมาพุ่งเข้าใส่ดวงตายักษ์
“ถึงตรงนี้ไม่มีอะไรให้ข้าอธิบายอีกแล้ว พวกเราเพียงต้องสู้! ระวังหนวดรอบๆร่างของมันด้วย นักรบคอยปกป้องนักธนู ให้ต่อสู้ตามสถานการณ์ ที่สำคัญคืออย่าถูกแสง!”
การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพร่ำอธิบายเรื่องราวของศัตรูอีก มีเพียงต้องสู้จึงจะรอด
ศัตรูครั้งนี้ไม่ง่ายแน่นอน ความแข็งแกร่งของเทพจากยุคโบราณไม่อาจประเมินโดยบรรทัดฐานของยุคปัจจุบัน ลำแสงที่มันปล่อยออกมาสามารถฆ่าทุกชีวิต โชคยังดีที่มันไม่อาจเคลื่อนที่ ไม่เช่นนั้นคงเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
ก่อนที่ลำแสงทำลายล้างจะถูกปล่อยมาจะมีสัญญาณบอกล่วงหน้า ลำแสงนี้ทั้งเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงและเชื่องช้า หากสังเกตให้ดีก็สามารถหลบหลีกได้
ตูม…….
พร้อมกับเสียงตะโกนของเซียวอวี๋ เวทมนตร์ระลอกแรกจากสามจ้าวมนตราก็พุ่งเข้าหาดวงตาของคฑูนและเกิดการระเบิดราวกับดอกไม้ไฟ
หลังจากได้เห็นลำแสงทำลายล้างของคฑูน จ้าวมนตราทั้งสามก็รู้สึกถึงภัยคุกคามจนขนลุก หากประมาทเลินเล่อกระทั่งพวกเขาก็คงหายไปตลอดกาล
แม้จะได้ยินเสียงตะโกนของเซียวอวี๋ บางคนก็ยังนิ่งตะลึงอยู่กับที่ เป็นเพราะลำแสงทำลายล้างเขย่าขวัญผู้คนเกินไป โดนเข้าเพียงเล็กน้อยก็จะไม่หลงเหลือแม้เพียงซาก สิ่งนี้ได้ทำลายขวัญกำลังใจของพวกเขาจนแทบหมดสิ้น
พลังที่เหนือจินตนาการ เป็นพลังที่อยู่คนละชั้นกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง…..
“อย่าตื่นตระหนก! แม้เจ้านี่จะดูไร้เทียมทานแต่ที่จริงแล้วกลับไม่ได้น่ากลัวดังที่พวกเจ้าคิด ลำแสงของมันเคลื่อนที่ช้ายิ่ง ขอเพียงไม่ใช่หอยทากย่อมสามารถหลบได้!” เซียวอวี๋กล่าวสัพยอกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศอันตึงเครียด
ตึง ตึง ตึง….
ตอนนั้นเอง หนวดจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากพื้นก่อนจะรัดพันผู้คนที่ตอบสนองไม่ทันยกขึ้นกลางอากาศ
หนวดเหล่านี้ไม่ได้รวดเร็วนัก นักรบที่มีปฏิกริยาตอบสนองเร็วต่างก็หลบได้ทัน
“หนวดพวกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว เพียงใช้โล่กันและถอยออกมาก็ได้แล้ว!” เซียวอวี๋ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
โฮกกกกกก….
คฑูนส่งเสียงคำรามก่อนที่ลาวาจากใต้ดินจะปะทุขึ้นมา
ครืน…….
ทั่วทั้งถ้ำเกิดการสั่นสะเทือนราวกับจะถล่มลงมา
ฟุ่บ ฟุ่บ….
หนวดที่อยู่รอบข้างคฑูนพลันพุ่งออกไปตบฟาดนักรบฝ่ายมนุษย์จนลอยขึ้นฟ้า
“รีบโจมตีอย่าให้มันเติบโต! ขอเพียงจัดการหนวดขนาดเล็กเหล่านั้นโดยเร็วพวกมันก็จะถูกกำจัดไป! ผู้ที่แข็งแกร่งจงโจมตีที่โคนของมัน มีแต่ทำลายโคนของมันเท่านั้นจึงจะกำจัดมันได้!” เซียวอวี๋ตะโกนก่อนจะพุ่งเข้าจัดการหนวดไปหลายเส้น
อันที่จริง ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้สามจ้าวมนตราก็ปลดปล่อยเวทไปแล้วหลายบท พยายามทำลายดวงตาขนาดยักษ์ที่อยู่กลางห้องโถง และความเสียหายส่วนใหญ่ก็มาจากพวกเขาเอง ขณะที่การโจมตีจากคนอื่นๆทำความเสียหายได้อย่างจำกัด
ความแข็งแกร่งของคฑูนมีมากเกินไป ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นที่หกแทบจะทำอะไรมันไม่ได้เลย แต่โชคยังดีที่ฝ่ายมนุษย์ยังมีตัวตนขั้นที่หกอยู่หลายคน ซึ่งทุกคนต่างก็มีบทบาทสำคัญ
ครั้งนี้เซียวอวี๋ได้ขนฮีโร่มาแทบทั้งหมด เป็นเพราะเขาทราบว่าหากสังหารบอสใหญ่ของที่นี่ได้ ค่าประสบการณ์ที่บอสมอบให้ย่อมต้องมหาศาล ดังนั้น ขอเพียงสังหารมันได้พวกเขาย่อมต้องเลื่อนระดับกันถ้วนหน้า
และนั่นจะทำให้ทอร์ลและอูเธอร์เลื่อนระดับไปขั้นที่หก
ทอร์ลและอูเธอร์นับว่ามาถูกที่ถูกเวลามาก ผลจากบัฟของทั้งอูเธอร์และทอร์ลส่งผลต่อความสามารถโดยรวมของทั้งกองทัพ
ในเวลานี้อูเธอร์ไม่สนใจแล้วว่าเขากำลังมอบบัฟให้กับผู้ใด ขอเพียงคนผู้นั้นมีศักยาภาพในการต่อสู้ เขาล้วนมอบบัฟให้แบบจัดเต็ม ยอดฝีมือขั้นที่ห้าที่ได้รับบัฟจากเขาต่างก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว
วี๊ด….ฟุ่บ
จู่ๆแสงก็สว่างวาบขึ้นก่อนคนที่อยู่ในเส้นทางผ่านของแสงจะกลายเป็นกองขี้เถ้าในพริบตา
“บัดซบ! แสงจากหางตา ให้ทุกคนถอยห่างจากคนที่ถูกลำแสงนี้เล็งทันที! ยิ่งลำแสงพุ่งไปไกลเท่าใดพลังทำลายก็ยิ่งมากขึ้น” เซียวอวี๋รีบตะโกนเตือน
ได้ยินเสียงเตือนจากเซียวอวี๋ ทุกคนก็สังเกตตาม แม้กระนั้นในใจของทุกคนก็ยังหวาดกลัวลำแสงและรู้สึกว่ามันยากจะหลบได้อยู่ดี บางคนกระทั่งขาสั่นจนขยับกายไม่ได้
“เหล่าดรูอิดฟังคำสั่งข้า หากใครถูกดวงตาจับจ้องก็ให้ใช้พายุพัดคนผู้นั้นมาทางข้า” เมื่อเห็นคนส่วนใหญ่ไม่อาจปรับตัวรับมือกับลำแสงจากดวงตาได้ เซียวอวี๋ก็ทำได้เพียงหาวิธีอื่น
“คนที่ถูกดวงตาจับจ้องอย่าได้วิ่งใส่คนอื่น และเมื่อถูกพายุพัดก็อย่าได้ต่อต้านขัดขืน มิเช่นนั้นจะเป็นการฆ่าคนอื่นๆ และเจ้าก็จะไม่ได้ส่วนแบ่งใดๆ!” เซียวอวี๋หยิบยกหลักการการแบ่งของขึ้นมา หากผู้ใดสร้างข้อผิดพลาดจนนำไปสู่หายนะของกลุ่มจะไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆ
คำกล่าวของเซียวอวี๋ทำให้ทุกคนรีบให้ความร่วมมือ แม้จะหวาดกลัว กระนั้นผู้ที่ตกเป็นเป้าของดวงตาก็ยอมให้พวกดรูอิดพัดร่างอย่างเชื่อฟัง
“ทุกคน! ขอเพียงฆ่าเจ้านี่ได้พวกเราก็จะร่ำรวยกันแล้ว! และเมื่อกลับไปถึงดินแดนไลอ้อน ข้าจะจัดงานเลี้ยงให้พวกเจ้าอย่างยิ่งใหญ่!” เซียวอวี๋ออกคำสั่งพลางกระตุ้นขวัญกำลังใจของพวกนักรบ
เขารู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนมาที่นี่เพราะผลประโยชน์ หากบอกให้พวกเขาไปปกป้องทวีป พวกเขาคงนิ่งเฉย แต่หากสัญญาญว่าพวกเขาจะได้ผลประโยชน์ เช่นนั้นพวกเขาย่อมยินดีกระทำ
และมันก็ได้ผล เมื่อฟังว่าเซียวอวี๋จะให้ผลประโยชน์มากมาย พวกนักรบเหล่านั้นก็พลันกระตือรือร้นและโห่ร้องอย่างยินดี พวกเขาต่างพุ่งเข้าใส่หนวดเล็กๆและสับพวกมันเป็นชิ้นๆ….