บ้านผีสิงส่วนใหญ่ที่เน้นเนื้อหานั้นจะมีการกำหนดบทบาทของผู้เข้าชม ด้วยวิธีนั้น ผู้เข้าชมก็จะอินไปกับเนื้อหาได้ง่ายขึ้น เหมือนที่สถาบันฝันร้ายนี้ ในบ้านผีสิงนี้ ผู้เข้าชมทั้งหมดจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นนักเรียนใหม่ที่เข้ามาที่โรงเรียน และพวกเขาก็จะใช้ความเป็นนักเรียนใหม่คลี่คลายเรื่องผีในโรงเรียนช้า ๆ
พูดตามทฤษฎีแล้ว บทบาทของเฉินเกอเองก็คือนักเรียนใหม่เช่นกัน แต่ว่าเขาไม่ได้ทำตัวหรือเตรียมตัวมาเป็นนักเรียนใหม่ ผู้เข้าชมคนอื่นนั้นให้ความสนใจกับการไขปริศนาและเคลียร์ฉาก แต่ว่าเขาให้ความสนใจว่าจะเป็นฝันร้ายใหม่ของที่นี่ได้อย่างไร
อันที่จริง เฉินเกอก็ไม่ได้คิดจะมาไกลถึงซินไห่เพื่อทำอะไรอย่างนี้ แต่ว่าสถาบันฝันร้ายบังคับให้เขาทำ เดินไปตามทางเดินมืดและน่าหวาดผวา เฉินเกอพึงพอใจกับตึกนี้มาก ตั้งอยู่บนถนนการค้าที่พลุกพล่านที่สุดของซินไห่ และเพราะสภาพภูมิศาสตร์อันพิเศษ มันแน่ใจได้เลยว่าที่นี่จะไม่มีแสงอาทิตย์ส่องมาถึงไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวันซึ่งหมายความว่ามันจะมีผลกับพนักงานของเขาน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย การตกแต่งภายในก็กว้างขวางเช่นกัน มีทั้งหมดหกชั้น และยิ่งกว่าเพียงพอกับฉากมากมายของบ้านผีสิง
“ถ้าฉันจะมาเปิดสาขาในซินไห่ ที่นี่ก็เหมาะสมที่สุด” แน่นอนว่า สถาบันฝันร้ายย่อมไม่ยอมยกที่นี่ให้เฉินเกอฟรี ๆ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงฝันกลางวันและวางแผนล่วงหน้าไปก่อน
“เฮ้ คุณที่ด้านหลังน่ะ! พยายามอย่าถูกทิ้งไว้ที่ด้านหลัง!” ผู้เข้าชมเดินไปไกลพอสมควรแล้วตอนที่พบว่าเฉินเกอนั้นเดินช้า ๆ อยู่ด้านหลัง และหนึ่งในพวกเขาก็ร้องเร่งไปด้วย มีหมอนำอยู่ด้านหน้า ทั้งกลุ่มก็มาถึงห้องเรียนห้องใหญ่ห้องหนึ่ง
“เข้าไปก่อน พิธีต้อนรับนักเรียนใหม่จะทำในห้องนี้แหละ ถ้าพวกเธอโชคดี พวกเธอก็จะได้พบอาจารย์ใหญ่ด้วย” หมอกลับออกไป ผู้เข้าชมยืนอยู่นอกประตูมองเขาเดินห่างออกไป
“เขาไปทั้งยังงี้เลยเหรอ?” เซว่ลี่กอดแขนหลี่หยวนและพึมพำ “ไม่ใช่ว่าเขาต้องให้คำใบ้พวกเราเหรอ?”
ผู้เข้าชมยืนอยู่ในทางเดินและไม่มีใครกล้าเข้าไปเป็นคนแรก สายตาพวกเขาค่อย ๆ ขยับไปทางเฉินเกออย่างไม่ได้วางแผนกันไว้
นอกจากหลี่หยวนแล้ว เฉินเกอก็เป็นผู้ชายที่อาวุโสที่สุดที่นี่
“วิธีการที่ผมเข้าชมบ้านผีสิงต่างไปจากที่คุณคิดเอาไว้ ถ้าคุณอยากจะพึ่งพาผม อย่างนั้นทางที่ดีคุณก็เตรียมตัวพร้อมวิ่งเอาไว้นะ” เฉินเกอเตือนพวกเขาอย่างใจดี เขาชื่นชอบคนที่กล้าเข้าบ้านผีสิงอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว บางทีมันอาจจะเป็นนิสัยจากอาชีพแบบหนึ่ง
ผลักประตูเปิดแล้วกลิ่นเลือดหนาหนักก็ตีตลบออกมา พิธีต้อนรับนักเรียนใหม่ก็คือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายนั่นเอง!
โต๊ะเก่า ๆ เรียงอยู่ในห้องและหุ่นมากมายก็วางเอาไว้ตรงที่นั่ง มีเครื่องฉายที่กำลังทำงานอยู่วางไว้ที่แท่นบรรยายและหุ่นศพตัวหนึ่งก็ห้อยลงมาจากกระดานดำ
หน้าต่างปิด แสงประหลาด และเพลงพื้นหลังหลอกหลอนสร้างบรรยากาศสยองขวัญได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“กลิ่นมาจากหุ่นนี่ที่คล้ายคลึงกับศพจริงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ พวกเขาทำได้ยังไงกันนะ? พวกเขาใช้เลือดสัตว์ทาบนหุ่นเหรอ?” ด้านในและด้านนอกประตูนั้นราวกับคนละโลก หลังจากเฉินเกอเข้าไปในห้องเรียน น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป “ไม่แปลกใจเลยที่ที่นี่กลายเป็นบ้านผีสิงที่ใหญ่ที่สุดในซินไห่”
หลังจากเฉินเกอเข้าไปในห้อง เซว่ลี่ก็คิดจะตามไปแต่ว่าเธอเพิ่งก้าวเท้าได้ก้าวเดียวตอนที่จู่ ๆ ก็ถูกหลี่หยวนดึงกลับไป
“เธอจะทำอะไรน่ะ? ทำฉันตกใจหมดเลย!” เซว่ลี่วางฝ่ามือลงที่เหนือหน้าอกตัวเองแล้วจ้องหลี่หยวนเขม็ง หลี่หยวนขยิบตาให้หลายครั้งและหลังจากดึงเซว่ลี่ไปด้านข้างเขาก็กระซิบใส่หูเธอ “เธอไม่ได้ยินเหรอว่าก่อนหน้านี้เขาพูดว่าอะไร? ผู้ชายคนนั้นบอกว่ากลิ่นมาจากหุ่นนี่ที่เหมือนจริงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“แล้ว? นั่นมันมีอะไรเหรอ?” เซว่ลี่ไม่เข้าใจสิ่งที่แฟนหนุ่มของเธอพยายามสื่อ
“ที่รัก นั่นมีความหมายเดียวว่าเขาเคยเห็นศพจริง ๆ มาก่อน!” หลี่หยวนตัวสั่น เข้าชมบ้านผีสิงที่ใหญ่ที่สุดในซินไห่ก็ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่แล้ว และตอนนี้เขาก็พบว่ามีคนแปลก ๆ อยู่ในกลุ่มด้วย เขาจะทำอย่างไรดี?
“เธอพูดก็ถูก” เซว่ลี่นั้นเป็นคนไร้เดียงสาจึงไม่ได้คิดถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในทันที “บางทีเขาอาจจะเป็นหมอ ฉันได้ยินว่ามีหมอผ่าตัดบางคนมาบ้านผีสิงเพื่อผ่อนคลายหลังจากผ่าตัดเคสยาก ๆ เสร็จ พวกเราโชคดีแล้วคราวนี้ที่ได้รวมกลุ่มกับผู้เชี่ยวชาญ”
“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น” หลี่หยวนและเซว่ลี่พบว่าตัวเองนั้นถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง คนที่เหลือเดินหน้าไปโดยไม่รอพวกเขาแล้ว พวกเขาเป็นสองคนที่ยังอยู่ในทางเดิน โคมไฟตามทางเดินจู่ ๆ ก็เปิด หลี่หยวนไม่ได้สนใจมันนัก เขายังคิดอยู่ว่าจะตามเฉินเกอเข้าไปดีหรือไม่ ในตอนนี้เอง โคมไฟที่ใกล้พวกเขาที่สุดก็ถูกเปิด และเงาหนึ่งก็แวบผ่านตาพวกเขาไป
สายลมเย็นพัดผ่านเส้นผมของพวกเขาและจู่ ๆ หลี่หยวนก็จามออกมา เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวและเห็นเส้นผมหลายเส้นห้อยลงมาจากเพดาน ที่ตรงมุมที่ฝ้าเพดานถูกดึงออกมีใบหน้าของเด็กคนหนึ่ง ผิวซีดและอ้าปากออกครึ่ง ๆ เด็กหญิงดูเหมือนจะมีบางอย่างอยากพูดกับหลี่หยวน ผ่านโพรงที่บนเพดาน เธอโยนกระดานปั้นก้อนลงมาใส่หลี่หยวน
“ช่วยด้วย! มีคนอยู่ตรงนั้น!” หลี่หยวนร้องออกมาและขาของเขาก็เริ่มพาเขาหนีไป เขากำลังจะดึงเซว่ลี่เข้าไปในห้องเรียนตอนที่โคมไฟใกล้พวกเขาที่สุดสว่างขึ้น ห่างไปจากพวกเขาแค่สามเมตรมีสัตว์ประหลาดสูงประมาณสองเมตรตัวหนึ่ง!
กะโหลกศีรษะถูกตะปูแทงทะลุและเสื้อผ้าก็ชุ่มเลือด ผิวที่อยู่นอกร่มผ้าก็เต็มไปด้วยแผลน่ากลัว นิ้วมือของเขาเน่าเปื่อย และเขายังถือเชือกสีแดงเข้มเอาไว้ในมือ
“บ้าอะไรเนี่ย! สัตว์ประหลาดตัวใหญ่นี่มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่หยวนและเซว่ลี่พุ่งเข้าไปในห้องเรียนอย่างไม่ลังเล จากนั้นพวกเขาก็กระแทกประตูห้องเรียนปิด “มาช่วยกัน! มีสัตว์ประหลาดอยู่ด้านนอกนั่น! ช่วยกันดันประตูไว้เร็ว!”
ผู้เข้าชมที่ในห้องนั้นเริ่มตื่นตระหนก พวกเขากำลังตรวจดูในห้องอย่างละเอียด จู่ ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอกทำให้พวกเขาตกใจ พวกเขาไม่ได้ตกใจกลัวอุปกรณ์ประกอบฉากในบ้านผีสิงแต่ตกใจกับพวกเดียวกันเองนี่แหละ
ปัง!
มีบางอย่างที่นอกห้องเรียนกระแทกเข้ากับประตูอย่างแรง หลี่หยวนใช้แรงทั้งหมดดันประตูเอาไว้และเส้นเลือดที่หน้าผากของเขาก็ปูดโปน “มาช่วยผมที!”
เฉินเกอนั้นมีปฏิกริยาเร็วที่สุด เขาวิ่งมาผลักประตูปิด “พวกคุณไปกระตุ้นกับดักอะไรเข้าหรือเปล่า?”
“ไม่ ผมสาบานได้ ไม่มีอะไรแบบนั้น! พวกเราแค่ยืนอยู่นอกประตู! พวกเราไม่รู้เลยว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่!” ใบหน้าหลี่หยวนแดงก่ำ
“ผมเข้าใจแล้ว การปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดก็เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าชมจะเดินตามเนื้อเรื่องที่วางเอาไว้ ถ้าคุณอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป สัตว์ประหลาดก็จะปรากฏตัวขึ้น” เฉินเกอช่วยปิดประตูและเขาก็คว้าไม้กวาดมาขัดประตูให้อยู่กับที่
“ตอนนี้มีสัตว์ประหลาดขวางประตูอยู่ แล้วพวกเราจะออกไปยังไง?” ถึงแม้ว่าประตูจะถูกปิดเอาไว้ได้ชั่วคราว สัตว์ประหลาดก็ยังไม่ได้ไปไหนและก็ยังคอยกระแทกประตูเหมือนเป็นบ้า
“เงื่อนงำน่าจะอยู่ในห้องนี้ มันน่าจะเป็นยันต์ที่ใช้ไล่สัตว์ประหลาดออกไป หรืออาจจะเป็นทางลับหรือว่าอาวุธ” เฉินเกอมองประตูที่อาจจะพังลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ เขาใจเย็นจนเพื่อนร่วมทีมรู้สึกกลัว “ระดับความสยองกำลังเพิ่มขึ้นแล้ว น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ”
“เฮ้! มาดูนี่สิ!” ตอนที่เฉินเกอและหลี่หยวนปิดประตู ฉุยหมิงก็พบบางอย่าง เขาชี้ไปที่เครื่องฉาย หน้าจอที่ข้างกระดานดำเริ่มเล่นวิดีโอสั้น ๆ
นักเรียนชายสี่คนเข้าไปในห้องเรียนมืด ๆ ห้องหนึ่ง แต่ละคนนั้นไปยืนที่ตรงมุมห้อง และพวกเขาก็นับถอยหลัง พวกเขาเดินเลียบกำแพง พวกเขาเดินไปรอบ ๆ ตอนที่จู่ ๆ คนที่ห้าก็ปรากฏตัวขึ้นบนจอ
ในเมื่อพวกเขาทั้งห้าคนสวมเครื่องแบบเหมือนกัน ฉุยหมิงจึงบอกไม่ได้เลยว่าคนที่เพิ่มเข้ามาคือคนไหน