เฉินเกอมองนักเรียนห้าคนที่บนจอ และเขาก็นึกออกทันทีว่านี่ก็คือเกมเหนือธรรมชาติอันโด่งดังเกมหนึ่ง

“นี่เรียกว่าเกมมุมทั้งสี่ ตอนเที่ยงคืน คนสี่คนยืนอยู่ที่สี่มุมของห้องที่ปิดทึบมืด ๆ ห้องหนึ่งและจากนั้นก็เดินเลียบกำแพงไปตามเข็มนาฬิกา

“ตอนที่คนแรกเดินไปถึงที่มุมแรก พวกเขาก็จะแตะบ่าคนถัดไปเบา ๆ ในเมื่อในห้องมีสี่มุมและมีคนกำลังเล่นเกมอยู่สี่คน เมื่อคนในห้องเริ่มขยับ ก็จะมีมุมหนึ่งที่ถูกทิ้งว่าง

“ตอนที่ผ่านมุมที่ว่างอยู่ กระแอมครั้งหนึ่ง และจากนั้นก็เดินต่อไปยังมุมถัดไป”

“ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้ดีจัง?” ฉุยหมิงประหลาดใจ เขาถือสมุดบันทึกที่เขาเจอที่ข้าง ๆ เครื่องฉายเอาไว้ และกติกาของเกมก็ถูกเขียนเอาไว้บนหน้าแรก

“แบบที่ผมพูดถึงน่ะเป็นแบบทัวไป ถ้าคุณอยากจะให้มันน่าสนใจมากขึ้น คุณสามารถปิดตาแล้วขานชื่อตัวเอง จากนั้นก็ถามชื่อคนที่ยืนอยู่ตอนที่คุณไปถึงตรงมุม อย่างนั้นมันก็ง่ายขึ้นที่จะมีคนที่ห้าปรากฏตัวออกมา” เฉินเกอยื่นมือออกไปดึงสมุดบันทึกมา และฉุยหมิงก็ปล่อยให้อย่างไม่รู้ตัว “อะไร? ไม่เชื่อผมเหรอ? บ้านผีสิงนี่น่ากลัวมาก มีเพียงแค่ร่วมมือกันพวกเราถึงจะรอดไปได้”

“ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อเธอ ผมแค่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้เข้าชมจะรู้กฏของเกมน่ากลัวแบบนี้อย่างละเอียดขนาดนี้” ฉุยหมิงดูเหมือนจะมีแผลเป็นจากตอนที่มาสถาบันฝันร้ายครั้งก่อนอยู่ ดังนั้นเขาจึงหวาดระแวงคนอื่น ๆ อยู่ลึก ๆ

“นั่นไม่ปกติยังไง?” เฉินเกอเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋า เขากำโทรศัพท์เครื่องดำ “เกมเหนือธรรมชาติพวกนี้น่ะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นเพราะว่ามีคนเคยลองเล่นมันมาก่อนตั้งเยอะ อันที่จริง ผมมีเกมที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอยู่นะ พวกคุณอยากลองดูไหมล่ะ? ที่นี่น่าจะเหมาะมากทีเดียว”

ฉุยหมิงกลืนน้ำลายขณะมองไปรอบ ๆ ประตูห้องเรียนนั้นถูกสัตว์ประหลาดที่รออยู่ข้างนอกกระแทกใส่ หุ่นที่หน้ากระดานดำแกว่งไกวไปมา และหุ่นที่นั่งอยู่ตามที่นั่นก็มีสีหน้าน่ากลัว มันเหมาะสมแล้วจริง ๆ เหรอที่จะเล่นเกมอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้?

“เอาละ ผมไม่ล้อพวกคุณเล่นแล้ว ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด พิธีต้อนรับของสถาบันฝันร้ายน่าจะเกี่ยวข้องกับการเล่นเกมนี้ และพวกเราก็ควรจะเดินหน้าต่อไปได้หลังจากเล่นเกมแล้ว” เฉินเกอนั้นคุ้นเคยกับกลวิธีเช่นนี้เพราะว่าเขาก็อยู่ในธุรกิจแบบเดียวกัน

“ผีกำลังจะเข้ามาแล้วและคุณยังมีเวลาพูดเล่นอีกเหรอฮึ? ไปต่อกันเถอะ” หลี่หยวนและเซว่ลี่เดินเข้ามา พวกเขาต้องการอยู่ให้ห่างจากประตู

“อย่างแรกเลย มีอย่างหนึ่งที่ผมต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ไอ้ที่กระแทกประตูอยู่ตอนนี้น่ะเป็นสัตว์ประหลาด ไม่ใช่ผี พวกมันเป็นสิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง” เฉินเกอดึงสมุดบันทึกจากฉุยหมิง เขาเปิดมันและวางลงที่แท่นบรรยาย เขายืนอยู่หน้ากระดานดำและหุ่นที่มีกลิ่นน่ารังเกียจก็แกว่งไกวอยู่ด้านหลังเขาราวกับเป็นลูกตุ้มสักลูก

“บันทึกเล่มนี้ไม่มีชื่อเจ้าของ แต่จากลายมือ มันน่าจะเป็นของนักเรียนสักคน ลายมือในบันทึกเล่มนี้มีหลายลายมือแต่มันก็ไม่ได้สื่ออะไรนอกจากมันอาจจะมีเจ้าของหลายคน” เฉินเกอวิเคราะห์อย่างง่าย ๆ “จากการสังเกตของผมก็คือลายมือมีการเปลี่ยนแปลงไปหลังจากเล่นเกมแต่ละครั้ง นี่หมายความว่าคนที่เล่นเกมนี้ตายไปหลังจากเขียนบันทึกนี้งั้นเหรอ?”

เฉินเกอพูดเร็วมาก ด้วยการฝึกฝนจากโทรศัพท์เครื่องดำ ยิ่งสภาพแวดล้อมน่ากลัวเท่าไหร่เขาก็ยิ่งใจเย็นเท่านั้น “เมื่อรวมวิดีโอที่บนจอเข้ากับบันทึกเล่มนี้ ให้ผมเล่าสถานการณ์ที่น่าจะเป็นให้พวกคุณฟัง นักเรียนใหม่สี่คนไม่เชื่อฟังอาจารย์ของพวกเขาและเข้ามาในโรงเรียนนี้ตอนกลางคืนเพื่อเล่นเกมมุมทั้งสี่ ระหว่างเกม ก็ปรากฏคนเพิ่มเข้ามาและจากนั้นพวเขาสี่คนก็หายไป ดังนั้น พวกเราจึงต้องทำสิ่งที่พวกเขาเริ่มเอาไว้ให้จบและสัมผัสกับเกมนี้ด้วยตัวพวกเราเอง”

สองชั่วโมงต่อการเข้าชมหนึ่งครั้ง… เฉินเกอวางแผนที่จะลดเวลาให้เหลือน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง เขาผลักหุ่นออกไป “โทษทีนะ”

ตอนที่ผู้เข้าชมคนอื่นยังอ่านบันทึกอยู่ เฉินเกอก็เดินไปที่มุมห้องและพบห่วงติดอยู่กับกำแพงห่วงหนึ่ง เขาดึงแล้วกระดานดำก็ขยับออกเงียบ ๆ

“มีกลไกบางอย่างติดตั้งไว้ตรงนี้ ผมเจอเข้าแล้ว” เฉินเกอหันไปตะโกนบอกผู้เข้าชมคนอื่น ๆ “น่าจะมีห่วงสี่อันอยู่ในห้องนี้ หนึ่งอันที่แต่ละมุม พวกเราสี่คนต้องยืนที่สี่มุมและจากนั้นก็ดึงมันพร้อม ๆ กัน หลังจากนั้น พวกเราก็น่าจะหนีออกไปได้”

เฉินเกอที่ผ่านอะไรมากมายย่อมคิดได้ไกลและลงมือได้เร็วกว่าผู้เข้าชมทั่วไป นอกจากนี้ เขายังมีประสบการณ์มากมายให้ใช้สอย โดยทั่วไปแล้ว แค่มีเงื่อนงำเล็กน้อยเขาก็สามารถคาดเดาทั้งเรื่องได้

ก่อนที่ผู้เข้าชมจะทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เฉินเกอก็มีวิธีการแก้ปัญหาแล้ว ผู้เข้าชมหลายคนเดินไปที่มุมห้องเรียนอย่างสงสัยอยู่บ้าง หลังจากพวกเขาดึงห่วงนั่นพร้อม ๆ กัน กระดานดำก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นเผยให้เห็นทางลับด้านหลัง สัตว์ประหลาดด้านนอกได้ยินเสียงและกระแทกตัวกับประตูแรงขึ้น

“เร็ว รีบไป!” หลี่หยวนและเซว่ลี่ยืนอยู่ตรงมุมที่ใกล้กับทางลับที่สุด พวกเขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้แล้วดังนั้นเมื่อทางลับเปิดออกพวกเขาก็ปล่อยห่วงและวิ่งไปยังกระดานดำ แต่ว่า พอพวกเขาทำอย่างนั้น กระดานดำก็เริ่มไหลกลับที่เดิม

“พวกเราสี่คนต้องดึงห่วงพร้อมกันเพราะให้กระดานดำลอยอยู่” เฉินเกอเข้าใจได้ทันที เหตุผลที่สถาบันฝันร้ายออกแบบมาอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อให้ผู้เข้าชมหวาดกลัวแต่เพื่อแยกพวกเขาออกจากกัน อย่างไรเสีย การเข้าชมบ้านผีสิงคนเดียวก็น่ากลัวกว่าเข้าชมพร้อมกับอีกเก้าคนอยู่แล้ว

“ผมเชื่อว่าพวกเราต้องแยกกัน พวกเราสี่คนดึงห่วงเอาไว้และคนที่เหลือเข้าไปด้านใน” หลังจากเฉินเกอพูดอย่างนั้นแล้ว คนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันและก็เห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีใครอยากอยู่ต่อ

“งั้นให้พวกเราสามคนอยู่เป็นไง?” เจ้าอ้วนน้อยหลี่ป๋อพูด “เชิญคุณผู้หญิงก่อนเลย”

หลี่หยวนและเซว่ลี่นั้นเป็นคู่รัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แยกจากกันอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ที่ต้องรั้งอยู่จึงต้องเป็นเฉินเกอและนักเรียนสามคน ทั้งสี่คนยืนอยู่ที่สี่มุม และกลไกก็ทำงาน เมื่อหลี่หยวนและคนที่เหลือเข้าไปในทางเดินลับแล้วก็เกิดบางอย่างขึ้น

กระดานดำตกลงมาทันที เกิดเสียงกระแทกกับพื้นดังลั่น

มีคนปล่อยห่วงของตัวเอง?

เขาหรี่ตาลง ด้วยดวงตาหยินหยางของเขา ความมืดไม่ได้ส่งผลกระทบกับเฉินเกอมากนัก เขามองไปรอบ ๆ ตามมุมอื่น ๆ และเห็นนักเรียนทั้งสามคนปล่อยห่วงของตัวเอง พวกเขายืนหันหน้าเข้าหากำแพงศีรษะก้มต่ำและปลายนิ้วเคาะที่กำแพงเบา ๆ

งั้น นักเรียนทั้งสามคนก็เป็นนักแสดงของบ้านผีสิงสินะ

ความจริงเผยต่อเฉินเกอแล้ว เขาถูกแยกตัวออกมา

ผู้เข้าชมสี่คนที่มาทีหลังน่าจะเป็นพนักงานของพวกเขาทั้งหมดเลย

เขาไม่โกรธหรือว่ากลัว อย่างไรเสีย เฉินเกอก็ทำกับผู้เข้าชมของเขายิ่งกว่านี้อีก

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเกอก็อ้าปากพูด “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมกระดานดำถึงตกลงมา? พวกเธอปล่อยมือเหรอ? พวกเธอยังอยู่ไหม?”

มีร่องรอยประหลาดใจและหวาดกลัวในน้ำเสียงเขา ทำให้รู้สึกเหมือนเขาพยายามสงบจิตใจอยู่

“นี่หลี่ป๋อ ฉันอยู่ตรงนี้! ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดี? ที่นี่มืดมาก ฉันไม่กล้าขยับเลย!”

จากมุมที่อยู่ใกล้กระดานดำมากที่สุดเป็นเสียงหลี่ป๋อ ริมฝีปากของเขาอ้ากว้างและเขาก็แหกปากร้องเสียงหลง ตอนที่เขาพูด หลี่ป๋อก็มองมาทางเฉินเกอ และความสนุกของการได้แก้แค้นก็ส่องประกายอยู่ในดวงตาของเขา

“ไม่ต้องกลัว! ยืนอยู่ที่เดิม ผมจะไปหาเธอเอง!” เสียงของเฉินเกอนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยและอบอุ่นเหมือนเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กชาย “อย่าตื่นตระหนกไป ผมจะพยายามหาทาง! ยังมีใครอยู่ที่นี่อีกไหม? พูดหน่อยสิ ให้ผมได้รู้ตำแหน่งของเธอ!”

“ผมอยู่อยู่ข้าง ๆ สมุดบันทึกตอนที่กำลังอ่านมันอยู่ก่อนหน้านี้ มีคำเตือนอยู่ที่ใต้กติกา ถ้าคุณหาทางออกไม่ได้ พวกเราสามารถเล่นเกมเพื่อหาทางออกใหม่” เสียงของฉุยหมิงดังมาจากทิศทางตรงข้ามกับหลี่ป๋อ พวกเขาสองคนยืนอยู่ตรงมุมที่ใกล้กระดานดำที่สุด

“ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องเล่นเกมนี้เพื่อหาทางหนี หลังจากนี้ผมอยากให้พวกเธอทำตามคำสั่งของผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้ว่าสงบใจเข้าไว้!” ตอบแทนความแค้นของพวกเขาด้วยเมตตา เฉินเกอเตือนพวกเขา “ตอนที่เกมเริ่มขึ้นจริง ๆ อาจจะมีคนเกินมา นั่นน่าจะเป็นนักแสดงของบ้านผีสิง ดังนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องทำ ก็คืออย่าตื่นตระหนกไป”