ตอนที่ 758 ทะนุถนอม(2) โดย Ink Stone_Romance

เย่เซียวรออยู่ที่โรงพยาบาลนานหนึ่งชั่วโมงกว่าถังซ่งถึงโทรกลับมา

 “ทำไมนานขนาดนี้?”

 “ให้ตาย!อย่าพูดถึงเลย ที่บ้านมีผู้หญิงคนหนึ่งมา ตั้งแต่วันนี้ไปฉันต้องอยู่ด้วยกันกับผู้หญิงแล้ว”

เย่เซียวไม่ได้ถามมากเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ปกติเขาไม่ถามลึกซึ้งอยู่แล้วอย่างไรเสียผู้หญิงรอบตัวถังซ่งก็เปลี่ยนเป็นว่าเล่น ไม่มีคนไหนที่เขาเคยเจอเกินสองครั้ง คิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างจากเดิม

 “เช็คได้มั้ย?”

 “อืม แท้งเองจริงๆ”

 “รายละเอียด”

 “จากประวัติเธอบอกว่าเด็กไม่โตตั้งแต่อยู่ในท้องเธอแต่แรกแล้ว ตอนที่เธอเพิ่งท้องไม่รู้ตัว กลืนยาลงท้องไม่น้อยทุกวัน เด็กที่ไหนจะแข็งแรงกันล่ะ?”

 “ยาอะไร ในประวัติมีบอกมั้ย?”

 “มี” ถังซ่งชะงักไปครู่ถึงตอบ “เป็นยาต้านโรคซึมเศร้ากับยานอนหลับ ยี่ห้อยาทั้งสองเป็นยาที่ปกติฉันยังไม่กล้าให้ใครกันมั่วๆ กินไปนานๆ จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอแอบซื้อมาจากไหน”

เย่เซียวได้ยินคำของถังซ่งแล้วหายใจหนักอึ้งขึ้นมาก มือที่กำโทรศัพท์กระชับแน่น

นอกจากยานอนหลับแล้วเธอทานยาต้านโรคซึมเศร้าอยู่จริงๆ ด้วย?

 “ยานี่…เธอกินมานานเท่าไหร่แล้ว?”

 “ในประวัติเขียนว่าหลายเดือนแล้ว”

 “…” เย่เซียวเงียบไปพักใหญ่ถึงพูดขึ้น “ฉันรู้แล้ว นายไปนอนเถอะ”

 “ก็ได้ ฉันนอนละนะ” สิ้นคำถังซ่งพูดเสริมอีกประโยค “แต่ว่าในฐานะคุณหมอ ฉันขอพูดมากอีกสักหน่อย—ยานั่นน่ะ นายบอกเธออย่ากินอีกเลยดีกว่า ถ้ากินต่อ อย่าว่าแต่เธอจะมีลูกที่ไม่แข็งแรงเลย มันไม่ดีต่อร่างกายตัวเธอด้วย กินมากไปจะส่งผลต่ออวัยวะภายในร่างกาย…แล้วก็นะ ถ้าสะดวก นายพาเธอไปตรวจสภาพร่างกายทั้งตัวหน่อย เผื่อมีอาการทิ้งท้ายบางอย่าง รีบตรวจจะได้รู้เร็วๆ”

 “…อืม”

ลมหายใจเย่เซียวหนักอึ้งอย่างมาก

ถังซ่งรู้ว่าเขารู้สึกไม่ดีเลยวางสายไปโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น

เย่เซียวไม่ได้เข้าไปทันที แค่นั่งอยู่ตรงระเบียงทางเดินเงียบๆ พักหนึ่ง รู้สึกอึดอัดตรงหน้าอกอย่างรุนแรงราวกับมีหินขนาดใหญ่กดทับอยู่ให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง

ยานอนหลับ

ยาต้านโรคซึมเศร้า

ตลอดหลายเดือนนี้เธอแบกรับอะไรไว้บ้าง มันจำเป็นขนาดให้เธอต้องทานยาปริมาณมากขนาดนี้เชียวหรือ?

นั่งอยู่ครู่ใหญ่ นานเสียจนพยาบาลจะเข้าไปถอดหัวเข็มในห้องเขาถึงหลุดจากภวังค์ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพร้อมพยาบาล

…………

พยาบาลถอดหัวเข็มเสร็จหมายจะวัดไข้ให้เธอ หยิบเครื่องวัดมาลองนาบที่ปากเธอหลายครั้ง เธอขมวดคิ้วเบี่ยงหน้าหลบ ถึงจะหลับไปแล้วแต่ก็ไม่ให้ความร่วมมืออย่างมาก

เย่เซียวเกรงว่าพยาบาลจะทำเธอเจ็บเลยยื่นมือบอก “มาให้ผมเถอะ”

พยาบาลนิ่งไปครู่อย่างตะลึง รีบส่งเครื่องวัดไข้ใส่มือเขา

เย่เซียวหลุบตามองเธอที่นอนบนเตียง สีหน้าเย็นชาเฉกเช่นปกติเคล้าด้วยความทะนุถนอมมากมาย เขานั่งพิงหัวเตียงแขนยาวรั้งเธอที่หลับสนิทเข้าไปในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ก็ไม่รู้ว่าไป๋ซู่เย่รู้ตัวหรือไม่ แต่เธอกลับไม่ขยับตัวดิ้นท้วงปล่อยให้เขากอดอย่างเป็นเด็กดี

นานๆ ครั้งเธอจะเป็นเด็กดีขนาดนี้ และนานที…จะนอนซบอกเขาแบบนี้…

 “ซู่ซู่”

เย่เซียวเรียกเธอทีหนึ่ง

แพขนตาเธอสั่นไหวแต่ก็ไม่ได้ลืมตา

 “วัดไข้หน่อย อ้าปาก” เขากล่าวอีกครั้ง

ไป๋ซู่เย่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นรู้สึกแค่ตัวเองหนักที่เปลือกตามาก ลืมขึ้นอย่างยากลำบาก สิ่งที่เข้าตาเป็นใบหน้าเท่เย็นชาที่ทำเอาเธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่เธอคิดว่าตัวเองต้องฝันอยู่แน่ๆ…

ตอนนี้เย่เซียวอยู่ต่างประเทศ…

เธอรู้ว่าเขาจงใจเมินเธอ

 “ตื่นแล้วเหรอ?” เย่เซียวอุ้มเธอขึ้นมาให้พิงไหล่ตัวเอง “ตื่นแล้วก็อ้าปาก แป๊บเดียวเท่านั้น”

ต่อให้อยู่ในฝันเสียงของเขา อ้อมกอดของเขาก็เหมือนยาที่ช่วยรักษาเธอ ช่วยปัดเป่าความไม่สบายตัว และอาการปวดจากการบีบรัดให้หายไป…

เธอชอบความรู้สึกที่ได้นอนพิงตัวเขา หากเป็นฝัน เธออยากจะฝันไม่ให้ตื่นแบบนี้ตลอดไป…

เธอไม่ได้ตอบรับแค่อ้าปากหน่อยๆ อย่างเชื่อฟัง กลีบปากไร้สีเลือดฝาดแต่พอได้ขยับอ้ากลับยังยั่วยวนใจได้ขนาดนั้น

เย่เซียวอยากจูบเธอดีๆ สักที

ไม่ได้จูบเธอดีๆ มานานแล้วจริงๆ…

นานถึงขั้นความต้องการลึกๆ เริ่มยากที่จะควบคุม

แต่นี่ไม่ใช่เวลาจริงๆ

เขาเอาเครื่องวัดไข้สอดไว้ใต้ลิ้นเธอ เธออมไว้แล้วจุดยิ้มมุมปากน้อยๆ อยู่ๆ ก็ยื่นมือมาโอบกอดเอวเขา ซบหน้าไว้ตรงหน้าอกเขา

ร่างสูงใหญ่ของเย่เซียวเกร็ง

ลมหายใจหนักหน่วงขึ้นตามลำดับ

แววตาสั่นไหว

เขาใช้สายตาล้ำลึกจดจ้องเธออยู่พักใหญ่ สุดท้ายกระชับวงแขนกอดเธอให้แน่นกว่าเดิม

เชยตามองพยาบาลข้างๆ แวบหนึ่ง “คุณออกไปเถอะ ปิดประตูด้วย”

 “แล้ว…เครื่องวัดไข้…”

 “ผมจะคอยดูเอง ถ้ามีไข้ผมจะแจ้งคุณอีกที”

 “งั้น ฉันไม่รบกวนแล้ว” พยาบาลว่าแล้วก็รีบถอยออกไปจากห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่รอช้า

ชั่วขณะที่ปิดประตูยังไม่ลืมจะหันกลับมาดูอีกแวบหนึ่ง

นี่…ไม่ใช่ภาพลวงตาของตัวเองจริงๆ ใช่ไหม? เจ้านายเบื้องหลังของพวกเธออย่างคุณเย่เซียวขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาเชียวนะ ถึงก่อนหน้าจะไม่เคยเจอตัวเป็นๆ แต่จากการถ่ายทอดสดของงานหมั้นและงานแต่งงานไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบยิ้มและพูดมาก…

อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดล้วนบอกว่าเขาเป็นเทพบุตรสายละกามกิเลส!ผู้หญิง รวมถึงเจ้าสาวที่ไม่ทันได้แต่งงานกับเขาคนนั้นด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แนวที่เขาชอบ!

เมื่อนั้นเหล่าพยาบาลตัวน้อยสายจิ้นในโรงพยาบาลต่างพูดหยอกกันว่า เขาอาจจะเป็นเกย์

แต่ตอนนี้ดูแล้ว…

คุณเย่เซียวนอกจากจะไม่ใช่เกย์แล้วยังเป็นผู้ชายที่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงด้วยนะเนี่ย

ผ่านไปสักพัก

เย่เซียวดึงเครื่องวัดไข้จากปากน้อยๆ ของเธอดูอุณหภูมิที่วัดได้ให้มั่นใจว่าไม่ได้เป็นไข้ถึงพรูลมหายใจโล่งอก

วางเครื่องวัดไข้ไว้ข้างๆ

ไม่กล้าหันข้างมากนักกลัวว่าจะทำเธอที่เพิ่งหลับไปอีกครั้งเมื่อกี้ตื่น

หลุบตามองเธอในอ้อมแขนด้วยแววตาลึกซึ้งแวบหนึ่ง ดึงผ้าห่มขึ้นสูงคลุมเธอไว้แล้วกระชับกอดในอ้อมแขนตัวเอง

………………

ตลอดคืนนี้ไป๋ซู่เย่หลับสนิทแบบที่นานทีจะหลับลึก

วันรุ่งขึ้น

เย่เซียวตื่นมาเพราะอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย

เขานั่งแบบนี้ทั้งคืนแล้วยังกอดเธอไว้เลยมีท่าที่ไม่ค่อยสบายตัวนัก แต่ก็ไม่กล้าขยับแขนสักนิดมาตลอดคืน

เห็นเธอยังไม่ตื่นเขาถึงวางเธอลงบนเตียงอีกครั้งอย่างระมัดระวัง สีหน้าบนใบหน้าเล็กดูดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อคืน

“นายท่าน” ขณะนั้นเองหยูอันก็เปิดประตูเข้ามา

 “ชู่ว” เย่เซียวทำท่าให้เงียบเสียง นวดแขนไปพลางกดเสียงต่ำถามไป “นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่?”

 “ถามเสี่ยวซ่งมาครับ” เสี่ยวซ่งคือคนที่คอยจับตาดูเธอที่โรงแรมเรือใบมาโดยตลอด

เย่เซียวรับคำ “มีธุระอะไร?”

 “เช้านี้มีประชุมตอนเช้า ใกล้ได้เวลาแล้วครับ”

………………………