“แต่ว่าฉันก็ต้องอยู่ด้านหลังนายอยู่แล้วนี่!” หลังจากได้ยินเสียงเสี่ยวกั่ว หลี่ป๋อก็ใจเย็นลงเล็กน้อย อย่างไรเสีย นี่ก็ยืนยันว่าเขากำลังคุยอยู่กับคนไม่ใช่อย่างอื่น

“นั่นก็ไม่ผิด แต่…” เสี่ยวกั่วมองไปยังมุมตรงหน้าตัวเองแล้วก็ลดเสียงลงกระซิบ “นี่ไม่ได้เป็นไปตามบทนี่ใช่ไหม?”

“ฉันรู้ แต่ว่านายต้องถามฉุยหมิงเรื่องนั้น ฉันแค่เดินมาหานายเพราะว่าเขาเดินมาหาฉัน” หลี่ป๋องุนงง ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ดูเหมือนว่าปัญหาจะอยู่ที่ฉุยหมิง เฉินเกออยู่ข้างหน้านี่เอง เขาไม่ได้ขยับ และเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเดินต่อไปเองด้วย” เสี่ยวกั่วดึงหูฟังบลูทูธออกมาจากกระเป๋า เขากำลังจะสวมมันแต่กลัวว่าเฉินเกอจะเห็น หลังจากคิดแล้วเขาก็ส่งสัญญาณให้หลี่ป๋อใจเย็นลงขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังมุมที่เฉินเกออยู่ มือของเสี่ยวกั่วแตะอยู่บนกำแพง เขามุ่งหน้าไปในความมืด ตอนที่เขาไปถึงมุมของเฉินเกอ เขาก็ระแวดระวังมากขึ้นตอนที่เอื้อมมือไปแตะไหล่ของเฉินเกอ

ความสูงไม่เปลี่ยน คนผู้นี้น่าจะเป็นเฉินเกอ แต่ว่าทำไมตัวเขาถึงเย็นขนาดนี้? แปลกมาก

“เสี่ยวกั่ว?” ก่อนที่เสี่ยวกั่วจะทันคิดอะไร เฉินเกอจู่ ๆ ก็เรียกชื่อเขา

“อะ… อะไร?” เสี่ยวกั่วดึงมือกลับตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตอนที่ฉันเดินมาถึงตรงนี้ก่อนหน้านี้ มีคนยืนอยู่ที่ตรงมุม เขาดูตัวเล็กกว่าฉุยหมิง แต่ว่าฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นหลี่ป๋อ ฉันสงสัยว่าพนักงานของบ้านผีสิงจะแอบเข้ามาในนี้” เฉินเกอสูดลมหายใจเฮือก เสียงของเขานั้นราวกับเค้นรอดไรฟันออกมาและฟังดูหวาดกลัวมาก

“มีคนเพิ่มเข้ามา? พนักงานของบ้านผีสิงอาจจะเข้ามาร่วมวงกับพวกเรา?” เสี่ยวกั่วมองใบหน้าเลือนรางของเฉินเกอและรู้สึกสมองว่างเปล่า นี่นายกำลังบอกพนักงานบ้านผีสิงสามคนว่าพวกเราอาจจะถูกพนักงานคนอื่นแทรกซึมเข้ามางั้นเรอะ? นี่เป็นเรื่องตลกใช่ไหมฮึ?

“ฉันไม่ได้โกหกเธอ ระวังด้วย” เฉินเกอพูดอย่างจริงจัง และนี่ก็ทำให้เสี่ยวกั่วกระวนกระวาย กระทั่งเขาเองก็เริ่มสงสัยว่าหัวหน้าส่งกำลังเสริมเข้ามาช่วยพวกเขา

“ได้ครับ” เสี่ยวกั่วพยักหน้า ตอนที่เฉินเกอเดินไปยังมุมถัดไป เขาก็ดึงหูฟังออกมาจากกระเป๋าเงียบ ๆ แล้วสวม

“คุณได้ยินผมไหมครับ?” เสี่ยวกั่วหันหน้าเข้าหากำแพงใช้เสื้อของตนบังแสงจากหน้าจอโทรศัพท์เอาไว้ และกระซิบถามเพื่อนร่วมงานที่ในห้องกล้องวงจรปิด

“ได้ยิน” เสียงชายวัยกลางคนดังมาจากเครื่องมือสื่อสาร “ฉันกำลังจะโทรหานายเลย ทำไมนายไม่ทำตามบท? นายรู้ใช่ไหมว่าฉันลำบากแค่ไหนกว่าจะคิดวิธีการนี้ออกมาได้? มันจะช่วยเพิ่มความสยองขวัญของเกมจนถึงจุดสูงสุด เลิกเล่นแล้วกลับไปที่ตำแหน่งของนายแล้วทำตามบทได้แล้วคราวนี้”

“หัวหน้า ที่นี่ดูเหมือนจะมีปัญหา คุณได้ส่งคนอื่นเข้ามาช่วยพวกเราหรือเปล่าครับ?”

“ฉันไม่ได้ส่ง” ชายวัยกลางคนเองก็สงสัยและงุนงงไปกับถ้อยคำของเสี่ยวกั่ว “เลิกคุยได้แล้วถ้าไม่อยากถูกจับได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะบอกนายทันที”

เสี่ยวกั่วยังกังวลดังนั้นจึงเสริม “หัวหน้าครับ ผมไม่แน่ใจว่าทุกคนอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้ คุณมองเห็นทุกคนไหมในกล้อง?”

“ซ้อมเยอะตั้งขนาดนี้แล้วนายยังจำเรื่องพื้น ๆ แบบนี้ไม่ได้อีกเรอะ?” ชายคนนั้นดูจะหมดความอดทนแล้ว “ตอนนี้นายอยู่ที่ด้านขวาของกระดานดำที่อยู่ใกล้กับประตูที่สุด หลี่ป๋ออยู่ด้านซ้ายของกระดานดำ และฉุยหมิงอยู่ตรงมุมด้านไกลที่สุดของห้องเรียน เฉินเกอกำลังเดิน โอ้ ตอนนี้เขาไปหยุดอยู่ตรงมุมที่ใกล้กับประตูหลังที่สุดแล้ว แล้วก็พวกนายทุกคนทำอะไรกันอยู่? นายเดินครบรอบนึงแล้วและทั้งสี่มุมก็ยังมีคนอยู่ครบ”

“หัวหน้าไม่ต้องห่วง ตอนนี้ผมรู้ตำแหน่งของทุกคนแล้ว พวกเราจะทำตามบท” ตอนที่เสี่ยวกั่วพูดอย่างนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากแถวหลังสุดของห้องเรียน คนผู้นั้นไม่ได้คิดจะปิดบังเสียงฝีเท้าเลยสักนิด

“มีคนเดินอยู่?” เพื่อเพิ่มบรรยากาศ ในห้องเรียนจึงไม่มีแสงไฟ เสี่ยวกั่วมองเห็นแค่เงาร่างหนึ่งกำลังเดินอยู่ที่ด้านหลังห้องเรียน

“ไม่มีใครเดิน พวกนายสี่คนกำลังยืนอยู่ที่สี่มุม ไม่มีใครเคลื่อนที่” ชายวัยกลางคนมองกล้องวงจรปิดและบอกเสี่ยวกั่วว่าเขาเห็นอะไร เขาพูดออกไปด้วยความมีน้ำใจ แต่ว่าเขาไม่รู้เลยว่าที่เขาบอกนั้นนำเอาความสยองขวัญไปให้เสี่ยวกั่วมากแค่ไหน

เสียงฝีเท้านั้นดังชัดอยู่ในห้องเรียนเงียบ ๆ– มีคนกำลังเดินอยู่ในห้องเรียนจริง ๆ!

“หัวหน้า ผมขอคำยืนยันจากคุณอีกครั้งนะครับ คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้ส่งคนอื่นมาที่นี่เพิ่ม?”

“ไม่ ฉันต้องบอกนายอีกกี่ครั้งว่าพวกนายสี่คนกำลังยืนอยู่ที่สี่มุม? ไม่มีใครเคลื่อนที่ทั้งนั้น ทำไมวันนี้นายถึงดูแปลก ๆ ไป? นายป่วยอะไรหรือเปล่า? เป็นเพราะนายถูกแม่สั่งสอนมาอีกแล้วหรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนหมดความอดทนแล้ว

ในกล้อง ทั้งสี่คนนั้นยืนอยู่ตรงมุมของใครของมัน แต่ว่ามีเสียงฝีเท้าดังอยู่ในห้องเรียน!

มันหมายความได้อย่างเดียวก็คือมีคนที่ห้าอยู่ในห้องเรียนด้วย! เป็นใครกัน? คนผู้นั้นเข้ามาตอนไหน?

จิตใจของเสี่ยวกั่วเริ่มยุ่งเหยิง เขาอดนึกถึงสิ่งที่เฉินเกอพูดตอนเริ่มเกมไม่ได้ เล่นเกมแบบนี้ในบ้านผีสิงนั้นอันตรายเพราะว่าจะอาจจะเรียกสิ่งเหล่านั้นออกมาจริง ๆ ได้

“พวกเราทดลองกันมาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ และก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าคราวนี้…”

ถ้าคนเราเดินเลียบอยู่ริมน้ำบ่อยเข้าเท้าก็จะเริ่มเปียก เสี่ยวกู่กำลังจะบอกสถานการณ์ปัจจุบันให้กับชายในห้องกล้องวงจรปิดตอนที่ชายคนนั้นพูดขึ้นมา

“เอ๋? เกิดอะไรขึ้นกับฉุยหมิง?” ชายวัยกลางคนพูดอย่างประหลาดใจ “เฉินเกอยังยืนอยู่ที่มุมของเขาอยู่เลย เขายังไม่ได้เดินไปหาฉุยหมิง แล้วทำไมเขาถึงเริ่มออกเดินแล้วล่ะ?”

ตอนที่ชายวัยกลางคนพูดอย่างนั้น มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงฝีเท้าก่อนหน้านี้หยุดและก็มีเสียงฝีเท้าใหม่เริ่มต้นออกเดินอีกครั้ง

พวกเราสามคนร่วมมือกันมาหลายครั้งแล้ว ฉุยหมิงคงไม่เดินไปข้างหน้าหากไม่มีใครตบบ่าเขา!

เมื่อความคิดนั้นเข้ามาในใจเขา หน้าผากของเสี่ยวกั่วก็มีเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมา ถึงเขาจะทำงานในบ้านผีสิงก็จริง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่กลัวอะไรเลย

“หัวหน้า ใครอยู่ตรงมุมที่ฉุยหมิงอยู่เมื่อกี้นี้?” เสี่ยวกั่วเช็ดมือที่ลื่นไปด้วยเหงื่อกับเสื้อตัวเอง

“นี่วันนี้นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย? ฉันเห็นชัดเจนจากกล้องเลยว่ามุมนั้นตอนนี้ว่างอยู่”

“คุณมองมันไม่เห็นจากกล้องเหรอ?” เสี่ยวกั่วตื่นตระหนกจริง ๆ แล้ว ที่จริงเขายังอายุน้อยนักซึ่งทำให้เขาได้รับบทนักเรียนมัธยม “หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง ตรงมุมนั้นมีผีอยู่สินะ”

“ผีอะไร? นายกำลังเป็นตัวถ่วงฉันใช่ไหม? พวกนายสามคนสิเป็นผี หรือว่าพวกนายเสียสติไปแล้วหลังจากเล่นเป็นผู้เข้าชมนานเกินไป?” ชายวัยกลางคนไม่รู้เลยว่าเสี่ยวกั่วกำลังพูดถึงอะไรอยู่ “เร็วเข้า กลับเข้าไปเล่นตามบทได้แล้ว ฉันจะไปเก็บภาพเฉินเกอที่กำลังหวาดกลัวและจะตัดต่อเป็นคลิปสั้น ๆ เอาไปแฉในเวบใหญ่ ๆ ให้หมดเป็นการสอนบทเรียนให้เขา!”

“ครับหัวหน้า ผมจะพยายามสุดฝีมือ” เสี่ยวกั่วบังคับตัวเองให้ตอบรับ เขามองไปที่ฉุยหมิงที่ยังเดินอยู่ในความมืด หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก็ดึงโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความให้ฉุยหมิง

ฉุยหมิงนั้นอยู่ระหว่างทางเดินไปหาหลี่ป๋อและจู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็สั่น เขาดึงโทรศัพท์ออกมาเหลือบมองขณะที่ใช้เสื้อของตัวเองบังแสงเอาไว้ เป็นความความจากเสี่ยวกั่วและมันอ่านได้ว่า “ผีอยู่ด้านหลังนาย!”

นี่เป็นประโยคธรรมดาแต่ว่าตีความได้ไม่รู้จบ ฉุยหมิงมองไปด้านหลังตัวเอง และก็มีคนยืนอยู่ตรงมุมที่เขาเพิ่งเดินออกมา มันดูผอมแห้งที่ทำให้เขานึกถึงเสี่ยวกั่ว

เฉินเกอกับเสี่ยวกั่วสลับที่กันเหรอ? ฉันเป็นนักแสดง และในบ้านผีสิงนักแสดงก็คือผี ดังนั้นข้อความนี้น่าจะหมายถึงว่าตอนนี้ที่ด้านหลังฉันคือเสี่ยวกั่วใช่ไหม?

ฉุยหมิงงุนงงและหยุดเดิน จากมุมมองของเขา เป็นเสี่ยวกั่วที่หลุดจากบท และก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้นอกจากทำตามบทที่เพี้ยนไปแล้วต่อไป

เขากำลังพยายามบอกอะไรฉันน่ะ?

เพื่อความปลอดภัย ฉุยหมิงเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของตัวเองหาหูฟัง ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของเขา เขาถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือและมองเงาร่างที่ใกล้เข้ามา ไม่ช้า ข้อความที่สองของเสี่ยวกั่วก็มาถึง

“อย่าหยุด! คราวนี้พวกเราดึงดูดผีจริง ๆ เข้าแล้ว!” หลังจากอ่านข้อความด้วยแสงอ่อนจากจากหน้าจอโทรศัพท์ฉุยหมิงก็เงยหน้าขึ้น เขายังมองไม่เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ด้านหลังเขาแต่ว่าเขาก็แน่ใจแล้วว่าคนผู้นั้นสวมเสื้อผ้าที่ต่างไปจากนักเรียนของสถาบันฝันร้ายและบริเวณหน้าอกก็มีตัวอักษรปักเอาไว้

“โรงเรียนมัธยมมู่หยาง?”