*ทำไมคนผู้นี้ถึงสวมชุดนักเรียนของโรงเรียนอื่น?*ฉุยหมิงอึ้งไป โรงเรียนมัธยมมู่หยาง? ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย เป็นผู้เข้าชมคนอื่นที่หลงเข้ามาที่นี่เหรอ? แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินหัวหน้าพูดถึงเรื่องนี้เลย?
ตอนที่ฉุยหมิงกำลังยืนคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ก้องอยู่ในความมืดอีกครั้ง และเงาพร่ามัวนั่นก็ตรงมาทางเขาช้า ๆ อุณหภูมิรอบตัวเขาราวกับจะลดลง ลมเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศคืบคลานเข้าไปในคอเสื้อของเขาและทำให้ขนบนแผ่นหลังของฉุยหมิงลุกชัน
“พี่กั่ว นั่นนายหรือเปล่า?” ไม่มีใครตอบฉุยหมิง เขาสูดลมหายใจลึก ความกดดันอันบรรยายไม่ถูกเริ่มกดลงบนบ่าของเขาและร่างกายของเขาก็รู้สึกอยากจะหันหลังวิ่งหนีไป
เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?
เขาอยู่ในบ้านผีสิง และเขาก็เป็นหนึ่งในพนักงาน แต่ว่าตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนึ่งในผู้เข้าชม
ดวงตาของเขาเบิกโพลง ยิ่งเขาประเมินสถานการณ์เขาก็ยิ่งกระวนกระวาย คนที่ตามหลังเขาอยู่นั้นไม่ใช่เสี่ยวกั่วแน่นอน เขาสวมชุดนักเรียนของโรงเรียนอื่น!
ความไม่รู้นั้นน่ากลัวที่สุด และฉุยหมิงก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น เขารู้ว่ามีคนกำลังตามหลังเขามาแต่ว่าเขาไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เขากำลังเล่นเกมที่คุ้นเคย แต่เพราะมีคนแปลกหน้าที่ด้านหลัง ทุกอย่างก็กลายเป็นหลอนขึ้นกว่าเดิมมาก
ความมืดกลืนกินฉุยหมิงไปราวกับคลื่นลูกหนึ่ง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างไม่เป็นจังหวะและลมหายใจของเขาก็กระชั้น มันเหมือนเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้องเรียนนี้ ผู้เข้าชมคนอื่นและเพื่อนร่วมงานหนีไปแล้วและทั้งหมดที่เขามองเห็นและสัมผัสได้ที่รอบตัวก็เป็นความมืดที่ไร้ขอบเขต
หลังจากคนผู้หนึ่งคุ้นเคยกับโลกที่เต็มไปด้วยสีสัน เมื่อต้องกลับมาอยู่ในสถานที่ที่มืดมิด ย่อมเกิดความตื่นตระหนกเหมือนถูกดึงออกมาจากโลกเดิมของตน ฉุยหมิง ที่หลอกผู้เข้าชมคนอื่น ๆ อยู่ในฉากนี้มานักต่อนักนั้นได้ลิ้มรสชาติที่ตัวเองเคยทำเอาไว้แล้ว
โทรศัพท์ในมือของเขาสั่นอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่ามีคนส่งข้อความหาฉุยหมิงอีกครั้งแล้ว ฉุยหมิงกดข่มความหวาดกลัวในใจ ใช้ร่างของตัวเองบังแสงหน้าจอแล้วแอบอ่านข้อความ “ใส่หูฟังซะ!”
ยังคงเป็นเสี่ยวกั่วที่ส่งข้อความมาและข้อความก็สั้นมากมีแค่สี่คำเท่านั้น
*ถ้านายมีอะไรจะบอกฉันทำไมถึงไม่แค่พูดมันออกมา? นี่มีแต่จะทำให้ฉันตื่นตระหนกกว่าเดิมนะ!*ฉุยหมิงบ่นในใจ เขาถือโทรศัพท์อยู่ในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างเอื้อมเข้าไปในกระเป๋าหาหูฟัง ตอนที่ปลายนิ้วจับหูฟังเอาไว้และเตรียมสวมเข้าที่หู ก็มีลมเย็น ๆ เป่าใส่หลังคอเขา
เขาหมุนตัวกลับและแสงจากหน้าจอก็ส่องสว่างไปที่ด้านหลังเขา ฉุยหมิงไม่ได้ก้มหน้าลง ที่ระดับสายตาของเขา ฉุยหมิงไม่เห็นใครอยู่ที่ด้านหลังตัวเอง สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นรองเท้าผู้หญิงเก่า ๆ คู่หนึ่ง และสิ่งที่แตะหลังคอของเขาก่อนหน้านี้กลับเป็นเชือกผูกรองเท้า
ทำไมรองเท้าคู่นี้ถึงลอยอยู่ด้านหลังฉันได้?
เมื่อดวงตาของเขาไล่ตามรองเท้าไป ลำคอของฉุยหมิงก็เริ่มเงยขึ้นเพื่อมองหาเจ้าของรองเท้า เขามองเห็นเงาดำที่เกือบจะยืนอยู่บนบ่าของเขา! ตอนที่เขาเงยหน้ามองคนผู้นั้น คนผู้นั้นก็กำลังมองกลับลงมาที่เขา!
หัวใจของเขาราวกับจะหยุดเต้นไป และทั้งร่างก็ราวกับจะแข็งทื่อไป เขาจับกำแพงเอาไว้ และสมองของเขาก็พยายามอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดอย่างมีเหตุมีผล แต่ว่า ต่อให้สมองของเขาหมุนแล้วหมุนอีกเขาก็นึกคำอธิบายดี ๆ ไม่ออก
ห้องเรียนร้าง ความมืดที่หนาหนักจนมองไม่เห็นกระทั่งนิ้วของตัวเอง มีคนยืนอยู่บนไหล่ของเขา แค่สองอย่างในนี้ก็ทำให้คนผู้หนึ่งหวาดกลัวแทบตายแล้ว และฉุยหมิงก็โชคดีพอที่จะได้สัมผัสทั้งสามอย่างพร้อมกัน
ลำคอของเขาที่เงยขึ้นแข็งทื่อ ฉุยหมิงเปิดปากเพื่อกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่เพราะความกลัวสุดขีด คำที่ออกมาจากปากของเขาจึงฟังอู้อี้ ไม่มีใครรอบตัวเข้าใจว่าเขาพยายามจะสื่ออะไร และพวกเขาก็กำลังจะถามให้แน่ใจตอนนี้เห็นฉุยหมิงพุ่งไปข้างหน้าอย่างกับจรวด
บทบาท นักแสดง บ้านผีสิง– ทุกอย่างถูกเหวี่ยงออกไปจากสมองของฉุยหมิง มีเพียงความคิดเดียวที่เหลืออยู่ ฉันต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ในสมองของเขาไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่มีเส้นทาง ทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่ต้องอยู่ในห้องเรียนก็พอแล้ว
“ฉุยหมิง!” เสี่ยวกั่วร้องเรียกชื่อของเด็กหนุ่มออกมา เขาอยากจะไปบอกให้ฉุยหมิงใจเย็นลง และทั้งหมดที่เขาได้กลับมาก็คือเสียงโต๊ะและเก้าอี้ถูกกระแทกให้พ้นทาง ในห้องเรียนไม่มีแสงไฟ ดังนั้นฉุยหมิงจึงมองทางไม่เห็นแต่ว่านั่นก็ไม่ได้หยุดเด็กหนุ่มจากการแหวกทางเปิดตอนที่พยายามหนีไปยังประตูหน้าของห้องเรียน
เสี่ยวกั่วรู้ว่าเป็นผีตนนั้นที่ตามหลังฉุยหมิง เห็นปฏิกริยาของฉุยหมิงแล้วเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่า ‘สิ่งนั้น’ น่ากลัวเพียงใด
“นายกำลังจะไปไหน? ฉุยหมิง!” เสี่ยวกั่วถามเสียงดังแต่ว่าฉุยหมิงหายลับไปโดยไม่หันกลับมามอง
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ทำไมจู่ ๆ เขาก็เริ่มวิ่งออกไปข้างนอน? เกิดเรื่องไม่ดีกับเขาหรือเปล่า?” ในน้ำเสียงของเฉินเกอนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เขาถามออกมารวดเดียวสามคำถาม และคนอื่นที่ยังอยู่ในห้องก็ฟังออกว่าเขาเป็นห่วงฉุยหมิงแค่ไหน
“ผมก็ไม่รู้ แต่ผมไม่คิดว่าพวกเราควรจะเล่นเกมนี้ต่อ ผมต้องไปตามหาฉุยหมิง” เสี่ยวกั่วเริ่มกลัว สภาพรอบตัวของเขานั้นมืดเกินไปจนเขาบอกไม่ได้แน่ว่าผีตนนั้นออกไปพร้อมกับฉุยหมิงหรือเปล่า
“ไม่มีทาง!” เป็นคำตอบมาจากแถวสุดท้ายของห้องเรียนและจากหูฟังของเสี่ยวกั่วพร้อมกัน ทั้งเฉินเกอและเจ้าของสถาบันฝันร้ายนั้นมีปฏิกริยาเหมือนกัน “พวกแกกำลังทำอะไรกัน? ทำตามบทที่ฉันให้ไปซะ! แกกล้าก่อเรื่องและทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าผู้ชายคนนี้เหรอ!”
เสียงหอบหายใจอย่างโมโหของหัวหน้าของเสี่ยวกั่วดังเข้ามาในหูฟัง ก่อนที่เสี่ยวกั่วจะได้ตอบหัวหน้าของเขา เขาก็ได้ยินเฉินเกอพูดมาจากที่แถวสุดท้ายของห้องเรียน “เธอไม่ควรเลิกเล่นเกมเหนือธรรมชาติกลางคัน ไม่อย่างนั้นวิญญาณที่เธอได้เรียกมาจะตามติดเธอไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่! ไม่ว่านี่จะเป็นเนื้อเรื่องของบ้านผีสิงหรือว่าเป็นเรื่องจริง ถ้าเธอไม่ต้องการถูกผีปลุกขึ้นมากลางดึก พวกเราทางที่ดีก็เล่นเกมนี้ให้จบ!”
ได้ยินเฉินเกอและหัวหน้าของเขาตะโกนใส่หูพร้อมกันนั้นก็แทบจะทำให้เสี่ยวกั่วเสียสติ เขาเจอเข้ากับคนประเภทไหนกันนะคราวนี้?
ทำไมถึงมีผู้เข้าชมที่เป็นฝ่ายเรียกร้องให้พวกเราเล่นเกมเหนือธรรมชาติในบ้านผีสิงให้จบได้? นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เฉินเกอนั้นเป็นผู้เข้าชม และคนที่อยู่ในหูฟังของเขาก็คือหัวหน้า ในเมื่อทั้งสองคนรั้นที่จะเล่นเกมนี้ที่หลุดออกจากบทที่เขียนเอาไว้ออกมาไกลโพ้นแล้วเสี่ยวกั่วก็ทำได้แค่บังคับให้ตัวเองเล่นต่อ
“ได้ ถ้าอย่างนั้น… พวกเราจะเล่นต่อ” เขากัดฟันและภาวนาให้ผีตนนั้นตามฉุยหมิงออกไปแล้ว
“ตอนนี้พวกเรามีคนลดลงและมีมุมที่ว่างเพิ่มขึ้น พวกเราต้องเปลี่ยนกฎของเกม” เฉินเกอน่าจะเป็นคนแรกที่ไปบ้านผีสิงอื่นแล้วเปลี่ยนกฎของพวกเขา เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังดื้อรั้นเรื่องนี้เป็นพิเศษ “กฎพื้นฐานของเกมนั้นจะยังไม่เปลี่ยน พวกเราจะยังเดินวนตามเข็มนาฬิกา ตอนที่พวกเธอไปถึงมุมว่าง ให้กระแอมออกมาและจากนั้นพวกเราก็จะออกจากมุมว่างแล้วเดินไปยังมุมต่อไป”
“ได้ พวกเราจะทำตามที่คุณบอก” เสี่ยวกั่วนั้นไม่มีสมาธิกับเกมแล้ว และเขาก็ให้เฉินเกอเป็นคนตัดสินใจ
“อย่างนั้นผมคิดว่าพวกเราควรจะเริ่มต้นจากผมเหมือนเดิม” เฉินเกอนับถอยหลังสามวินาทีแล้วก็ดึงหนังสือการ์ตูนออกมาจากกระเป๋า แล้วเขาก็แตะกำแพงและเดินไปทางมุมที่อยู่เบื้องหน้า เขาไม่ได้เบาเสียงฝีเท้าและในความมืดก็มองเห็นเงาของคนผู้หนึ่งกำลังเดินไปตามกำแพง
เสี่ยวกั่วจับตามองเฉินเกอ มุมที่เฉินเกอมุ่งหน้าไปนั้นอยู่ใกล้กับตำแหน่งที่ฉุยหมิงประสบ ‘อุบัติเหตุ’ เส้นประสาทของเขาตึงเขม็ง และเขาก็จดจ่อมาก ไม่ช้า เฉินเกอก็ไปถึงที่มุมถัดไป เขาไม่ได้กระแอม แต่ว่ายืนอยู่กับที่
เขาไม่ได้กระแอมเลย! นี่หมายความได้แค่ว่ายังมีคนอื่นอยู่ที่มุมนั้น! ร่างกายของเสี่ยวกั่วสั่นเบา ๆ และเขาก็กระวนกระวายอย่างที่สุด เฉินเกอหยุดอยู่ที่มุม แต่ว่าเสียงฝีเท้าไม่ได้หยุด เงาร่างหนึ่งเดินไปยังแถวสุดท้ายของห้องเรียน ไปทางหลี่ป๋อ
ในทุกคนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงแค่เจ้าอ้วนน้อย– หลี่ป๋อที่ไม่รู้ความจริง– เล่นตามบทบาทที่ได้รับมอบหมายอย่างซื่อตรง เมื่อรู้สึกว่าถูกตบไหล่เบา ๆ หลี่ป๋อก็แตะผนังแล้วเดินไปทางเสี่ยวกั่ว นั่นเป็นรหัสระหว่างพนักงานบ้านผีสิง ตอนที่หลี่ป๋อไปถึงมุมของเสี่ยวกั่ว เขาก็ตบบ่าซ้ายฝ่ายหลังครั้งหนึ่งและจากนั้นก็บ่าด้านขวาอีกครั้ง
“พี่กั๋ว เกิดอะไรขึ้นกับฉุยหมิง?” หลี่ป๋อกระซิบถาม
เสี่ยวกั่วไม่ต้องการทำให้หลี่ป๋อตกใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด “ไม่ต้องไปสนใจเขา จำเอาไว้ ถ้าเกิดอะไรไม่ถูกต้องขึ้น ออกไปจากห้องเรียนนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่นายทำได้”
หลังจากพูดแล้วเสี่ยวกั่วก็เริ่มเดินไปยังมุมถัดไป
บางทีเขาอาจจะคิดไปเอง แต่ว่าเสี่ยวกั่วรู้สึกเหมือนว่าความมืดรอบตัวนั้นหนาหนักมากขึ้น มันเหมือนมีโพรงสีดำอยู่ตรงหน้าเขาและมันก็จะดูดทุกอย่างที่อยู่ใกล้ ๆ เข้าไป มือของเสี่ยวกั่วแตะอยู่บนกำแพง เขาเดินไปยังมุมที่เฉินเกออยู่ก่อนหน้านี้อย่างช้า ๆ และที่ตรงหน้าเขานั้นก็มีเงารูปร่างเหมือนคนยืนอยู่
เขาเดินเข้าไปใกล้ขึ้นและเอื้อมมือออกไป แต่ตอนที่นิ้วของเขากำลังจะแตะลงที่บ่าคนตรงหน้าเสี่ยวกั่วจู่ ๆ ก็นึกรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างหนึ่งออก เฉินเกอนั้นเป็นคนเริ่มต้นรอบนี้ ดังนั้นพูดตามกติกาแล้ว มุมที่เฉินเกออยู่ตอนแรกนั้นควรจะว่างเปล่า!
เฉินเกอนั้นเดินไปยังมุมถัดไปแล้ว ดังนั้นคนที่ยืนอยู่ตรงมุมนี้คือใครกัน?
ความรู้สึกหวาดกลัวพุ่งเข้าใส่เขาจากทุกทิศทาง มือของเสี่ยวกั่วทิ้งค้างอยู่กลางอากาศ และจู่ ๆ เขาก็นึกถึงบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่าได้ เกมนั้นจบไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ว่าไม่มีใครกระแอม หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง มันหมายความได้แค่ว่ามีผีมากกว่าหนึ่งตนอยู่ในห้องเรียนนี้!
แขนที่ยกอยู่นั้นทิ้งลงมาไม่ได้ ความกล้าที่เสี่ยวกั่วรวบรวมมาได้เหือดแห้งไปแล้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจได้ เขาแตะบ่าคนด้านหน้าเขาเบา ๆ และจากนั้นก็กระโดดถอยหลังไปหลายเมตรทันที
จนคนผู้นั้นเดินออกไปเสี่ยวกั่วถึงได้ถอนหายใจโล่งอก เขาไม่อยู่ที่มุมนั้นต่อ กลับกัน เขาแอบเดินไปทางทางลับที่มีแต่พนักงานบ้านผีสิงรู้และจากนั้นก็ตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในนั้น
ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว!
เสี่ยวกั่วดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาและต้องการส่งข้อความบอกข่าวร้ายหลี่ป๋อตอนที่เสียงของเจ้านายของเขาดังมาจากหูฟัง “กั่วจวิน แกกำลังทำบ้าอะไร? ผู้เข้าชมยังอยู่ในห้องเรียน ฉันต้องการให้แกไปหลอกเขา แล้วแกกลับวิ่งหนีออกมาอย่างนี้ทำไม?”
“บอส ฟังผมนะครับ วันนี้มีบางอย่างต่างออกไปจริง ๆ!” เสี่ยวกั่วพยายามอธิบายกับหัวหน้าของเขาแต่ว่าในห้องเรียนเกมยังคงดำเนินต่อ
เสียงฝีเท้าก้องเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่ในห้อง และไม่ช้า หลี่ป๋อก็รู้สึกว่ามีคนตบบ่าเขา เจ้าอ้วนน้อยที่ซื่อสัตย์คนนี้ก็ไม่ได้คิดมากและเดินไปข้างหน้าต่อ ตอนที่เขาไปถึงตรงมุมที่ควรจะมีเสี่ยวกั่วอยู่ เขาก็พบว่าที่มุมนั้นว่างเปล่า
“พี่กั่ว?” หลี่ป๋อยืนอยู่ตรงมุมนั้นคนเดียว เขาชะงักและมองไปรอบ ๆ จากนั้นเขาก็ทำตามกฏใหม่ที่เฉินเกอตั้งไว้และกระแอมออกมาครั้งหนึ่งก่อนที่จะเดินไปยังมุมถัดไป ในห้องเรียนมืดสนิท หลี่ป๋อรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไปถึงตรงมุมที่เฉินเกออยู่อย่างช้า ๆ แต่ว่า ตอนที่เขาไปถึงที่ตรงมุมนั้น เขาก็พบว่ามุมนั้นก็ว่างเปล่าเช่นกัน!
เขาไปไหนแล้ว? ผู้เข้าชมไปไหนแล้ว?
เพราะไม่รู้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว จึงไม่มีอะไรที่หลี่ป๋อจะสามารถทำได้เลยนอกจากเล่นเกมต่อไป หลี่ป๋อกระแอมอีกครั้งและเดินไปยังมุมถัดไป ห้องเรียนนั้นเงียบมากจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น และเสียงฝีเท้าของตัวเอง
ตอนที่เขาไปถึงมุมที่สาม ในที่สุดหลี่ป๋อก็ตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเพราะว่ามุมนี้ก็ว่างเปล่าเช่นกัน
“ทุกคนไปไหนน่ะ?” หลี่ป๋อไม่กล้าเคลื่อนไหววู่วาม เขาพยายามติดต่อเสี่ยวกั่ว แต่ว่าคนไม่รับสายเขา เขาคิดที่จะยอมแพ้แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดจะทำอย่างนั้น คำเตือนที่เฉินเกอบอกไว้ก่อนหน้านี้ก็จะผุดขึ้นมาในใจเขา ถ้าเขาหยุดเล่นเกมเหนือธรรมชาติครึ่ง ๆ กลาง ๆ เขาจะถูกวิญญาณพวกนั้นตามติดไปจนตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
แค่คิดก็ทำให้หลี่ป๋อตัวสั่น เมื่อไม่มีทางเลือก เขาก็ทำได้แค่บังคับให้ตัวเองเล่นเกมต่อ ทำไมมันถึงเหมือนว่ามีแค่ฉันที่เหลืออยู่ในห้องเรียนนี้กัน?
ใกล้กับประตูหลัง เสี่ยวกั่วเพิ่งอธิบายสถานการณ์ให้หัวหน้าฟังเสร็จและกำลังจะตอบข้อความของหลี่ป๋อตอนที่เขาเห็นหลี่ป๋อเดินตรงมาทางเขาผ่านหน้าต่างที่บนประตูหลัง
ไม่ว่าอย่างไร เกมนี่ก็เล่นต่อไม่ได้แล้ว ตอนที่หลี่ป๋อเข้ามาใกล้ ฉันจะลากเขาออกไป และผู้เข้าชม… ฉันแน่ใจว่าเขาน่าจะสนุกกับเกมได้ด้วยตัวเอง อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นสิ่งที่บอสอยากให้เกิดขึ้นกับเขาอยู่แล้ว
มือข้างหนึ่งของเสี่ยวกั่ววางอยู่บนลูกบิดประตู เขามองหลี่ป๋อผ่านหน้าต่าง เขาเปิดประตูแง้มไว้และกำลังจะอ้าปากเรียกชื่อหลี่ป๋อตอนนี้ความเย็นพุ่งวาบขึ้นไปที่ศีรษะของเขา!
เสี่ยวกั่วนั้นมองเห็นอย่างชัดเจนว่ามีเงาร่างตามหลังหลี่ป๋อมาอีกถึงสามร่าง!
พวกเขาตามหลังหลี่ป๋อมาติด ๆ และฝีเท้าเองก็คล้ายกับหลี่ป๋ออย่างน่ากลัวแต่ว่าหลี่ป๋อกลับไม่สังเกตเห็นพวกเขาเลยสักนิด!
พวกเขามีกันสามคน?
เขาล้มก้นกระแทกพื้น ขาของเสี่ยวกั่วถีบไปบนพื้นเพื่อดันตัวเองถอยหลัง และเขาก็กรีดร้องสุดเสียง “หลี่ป๋อ! วิ่ง!”
เสียงกรีดร้องที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นทำให้หลี่ป๋อตกใจกลัว ตอนที่เขาเห็นประตูหลังห้องเรียนเปิดอยู่และเสี่ยวกั่วชี้นิ้วไปด้านหลังของหลี่ป๋ออย่างไร้สติ ปฏิกริยาธรรมชาติของเขาก็คือหันไปมอง
เงาร่างทั้งสามนั้นตามเขามาติด ๆ และใบหน้าที่ต่างกันทั้งสามก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
“ใครเรียกพวกนายมาเล่นเกมนี้กัน? ทำไมพวกเราถึงไม่เคยเห็นพวกนายมาก่อน?”
คำตอบเป็นเสียงกรีดร้องเสียดหู นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเกอได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมสูงอย่างนี้หลุดออกมาจากปากผู้ชาย
เขามองร่างใหญ่โตที่กระแทกเข้ากับประตูด้านหลังแล้วจากนั้นก็พุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ เฉินเกอไม่ได้ขยับไล่ตามเด็กหนุ่มคนนั้นไป เขาดึงผีปากกาและเหล่าโจวกลับ เขาหันกลับไปหยิบสมุดบันทึกที่ตกลงไปบนพื้นขึ้นมาและจากนั้นก็พลิกไปยังหน้าที่สาม
บนหน้าสุดท้ายของการบันทึกครั้งแรกนั้นมีการบันทึกต่อ “เด็กสี่คนเล่นเกมสี่มุมในห้องเรียนร้าง เด็กสามคนที่อายุมากกว่านั้นจงใจรวมกลุ่มกันรังแกเด็กที่อายุน้อยที่สุด และด้วยความประมาทของพวกเขาก็ทำให้เด็กที่อายุน้อยที่สุดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
“หลังจากนั้น เด็กที่อายุมากกว่าทั้งสามคนก็หายตัวไป และในวันที่เจ็ดหลังการเสียชีวิตของเด็กที่อายุน้อยที่สุด ครอบครัวของเขาก็พบตุ๊กตาสามตัวที่ทำขึ้นจากต้นข้าวที่ใต้เตียงของเขา ที่ด้านหลังตุ๊กตาทั้งสามตัวนั้นมีชื่อต่างกันติดอยู่– ฉุยหมิง กั่วฮั่น และหลี่ป๋อ”
บันทึกแรกนี้บรรยายฉายสยองขวัญฉากแรกซึ่งก็คือเกมสี่มุมในห้องเรียนร้าง ถ้าอย่างนั้น บันทึกครั้งที่สองก็น่าจะเป็นฉากที่สอง
นั่งอยู่ในฉากบ้านผีสิงที่น่าสยอง เฉินเกอพลิกไปยังบันทึกครั้งที่สองอย่างอยากรู้อยากเห็น มีเด็กหญิงน่ารักคนหนึ่งชื่อเตี๋ย เธอตกหลุมรักเด็กชายคนหนึ่ง และเพื่อไม่ให้การสารภาพรักของตนถูกปฏิเสธ เธอจึงตัดสินใจถามความเห็นของผีปากกา
*เกมผีปากกา?*เฉินเกอหยุดอ่าน บนใบหน้าของเขาปรากฏสีหน้าที่อ่านไม่ออก ต่อให้มีฉากเดียวกันฉันก็หวังว่าพวกเขาจะทำให้ฉันรู้สึกต่างไปได้
เฉินเกอเดินออกทางประตูหลังของห้องเรียนโดยที่ไม่อ่านบันทึกอื่น ๆ ต่อ
ฉันควรจะตรงไปฉากผีปากกาเลย หรือว่าฉันควรจะไปยืมอุปกรณ์บางอย่างจากหมอก่อน?
เขามองไปตามทางเดินมืด ๆ แล้วส่ายหน้า
โอ้ ฉันว่าฉันควรจะไปต่อ ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็ต้องเคลียร์บ้านผีสิงนี่ในวันนี้